“ไบรท์” น้ำตาคลอ “โต๋” สู่ขอกลาง รพ. แม่ได้ทำหน้าที่สุดท้าย ตอนนี้การรับรู้น้อยลงแล้ว หมอเป็นฝ่ายอนุญาต ฝ่ายชายให้คำสัญญาจากหัวใจ จะรักและดูแลไบรท์ โอดจากที่แพลนแต่งปลายปีนี้ อาจต้องเลื่อนออกไป เจอเหตุการณ์หนักทั้งคู่
เรียกว่าเป็นงานแรกหลังจากที่มีการขอแต่งงานกลางรายการสดกันไป สำหรับคู่ว่าที่บ่าวสาว “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพ” และ “ไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ” ที่ได้ออกงานคู่กันในงาน “Max The Moment” เปิดตัวยาสีฟันเดนทิสเต้ แปรงฟันโดยไม่ต้องใช้น้ำตัวแรกของประเทศไทยและของโลก “Anticavity Max Fluoride” และยังควงคู่กันมาในฐานะพรีเซ็นเตอร์ด้วย ซึ่งทั้งโต๋และไบรท์ ก็เล่าย้อนถึงความประทับใจในวันที่ไปขอแต่งงานให้ฟังด้วย
โต๋ : “บรรยากาศในวันที่ไปเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกลางรายการ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผมตั้งใจเลยว่าอยากจะไปขอไบรท์แต่งงาน เลือกวันที่ 25 ธันวาคม เพราะว่ามันเป็นวันที่มีความหมายสำหรับเราทั้งคู่ เป็นวันแรกที่เราเริ่มคบกันอย่างเป็นทางการคือวันคริสต์มาสเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แล้วก็ที่รายการด้วย เลยอยากไปขอเขาในที่ของเขา
หลายคนเคยถามว่าทำไมไม่ไปขอบนคอนเสิร์ตล่ะ ถ้าเป็นศิลปินก็ต้องขอบนคอนเสิร์ตสิ ผมรู้สึกว่าเราควรจะไปขอผู้หญิงในที่ที่เขาสวยที่สุดเลย ก็คือ ที่ที่เป็นบ้านของเขา ซึ่งก็คือที่รายการเรื่องเล่าฯ แล้วก็ไปขอบคุณแฟนเพลง แฟนข่าวที่ติดตาม เพราะทุกคนคงเห็นคู่เรามาตั้งแต่วันแรกเมื่อ 9 ปีก่อนครับ แล้วก็อยากจะไปขอทุกท่านด้วยว่าเราจะแต่งงานกันแล้วนะ
แล้วพอวันที่ 2 มกราคมปีนี้ เราเลยจัดเป็นงานพิธีสู่ขอและพิธีหมั้นเล็กๆ ในครอบครัวกันเองที่โรงพยาบาล ผมอยากให้คุณแม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่เห็น และมั่นใจว่า ลูกสาวจะมีคนดูแล รวมถึงให้คุณแม่ได้อวยพรด้วย มันเป็นสิ่งที่มีความหมายมากๆ สำหรับเราทั้งคู่และครับครัวของเราครับผม”
ไบรท์ : “จริงๆ ช่วงนั้นถ้าย้อนไปคุณแม่ก็จะตื่นไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เนื่องจากว่าด้วยตัวโรคก็ต้องระงับอาการปวดด้วยมอร์ฟีน ซึ่งจะทำให้หลับเยอะ แต่ว่าเช้าวันนั้นคุณหมอให้ยากระตุ้นก่อนหนึ่งวัน เพื่อให้การรับรู้คุณแม่ดีขึ้น ซึ่งเช้าวันนั้นเราก็ลุ้นกันอยู่ว่าเช้านี้แม่จะตื่นมาสดชื่นหรือเปล่า เพราะว่าคืนนั้นก็ได้ยานอนหลับไปอีกด้วย
แต่ปรากฏว่า เช้าวันนั้นไบรท์ว่าด้วยความเป็นแม่ แล้วเราไปบอกเขารับรู้ได้ว่าวันนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้น ไบรท์ว่าวันนั้นเขาฮึบมากนะ เพราะไบรท์กับแม่สนิทกันมาก ฮึบเพื่อที่อย่างน้อยมีแรงที่จะได้อวยพรลูก (เสียงสั่นเครือและนิ่งไปพักหนึ่ง) ซึ่งวันนั้นเราใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ เพราะว่าคุณแม่ก็จะเหนื่อยมาก ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จสิ้น
แล้วคุณหมอก็ถามคุณแม่ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง วันนี้ลูกสาวจัดงานต่อหน้าคุณแม่เลย แม่ก็บอกว่าดีใจ ได้ทำหน้าที่สุดท้ายแล้ว (เสียงสั่น น้ำตาคลอ) ซึ่งโดยส่วนตัว ไบรท์ดีใจที่มันเกิดขึ้น เพราะว่าจากวันนั้น มาจนถึงวันนี้ ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือการรับรู้มันก็น้อยลงตามลำดับของคุณแม่
คือไบรท์ว่าอย่างน้อยแม่เขาได้รับรู้ ว่าต่อไปไบรท์จะมีคนดูแล แม่ไม่ต้องห่วง จะมีโต๋ มีครอบครัวของโต๋ มีคุณพ่อคุณแม่ ที่จะมาดูแลไบรท์เพิ่ม เพราะว่าไบรท์กับแม่คือสนิทกันมากค่ะ เหมือนกับเป็นคนละครึ่งกันของชีวิตเลย (เสียงสั่น) ดังนั้น ไบรท์ว่าแม่เขาก็คงคิดว่ามันจะหนักมาก ถ้าเขาจะไม่อยู่ ไบรท์ก็รู้สึกว่าแม่น่าจะสบายใจมากขึ้น เพราะว่าพอหลังจากนั้น ช่วงที่เขายังสื่อสารได้ ไบรท์ก็ถามเขาว่า เขาเป็นห่วงอะไรไบรท์ไหม เขาก็ส่ายหัว ว่าเขาไม่มีอะไรเป็นห่วง”
เผยเร่งกำหนดทุกอย่างให้เร็วขึ้น เพราะอาการคุณแม่ของ “ไบรท์” ที่ป่วยหนักขึ้น
โต๋ : “ถามว่าวันนั้นได้บอกอะไรกับคุณแม่ของไบรท์บ้าง ก็อย่างที่ทุกคนคงเคยดูนะครับ ผมตั้งใจบอกกับคุณแม่เลย แล้วก็ตั้งใจให้คุณพ่อคุณแม่ของผมไปด้วย เพราะว่าอยากให้คุณแม่มั่นใจเลยว่าผมและครอบครัวผมจะรักไบรท์ จะดูแลไบรท์ เหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยครับ ผมบอกคุณแม่ว่า คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลไบรท์ อยู่ข้างๆ ไบรท์ตลอด เหมือนที่คุณแม่จะอวยพรเราประจำ อยากให้คุณแม่ได้เห็น อยากให้คุณแม่ได้ยินด้วยตัวเองครับ แล้ววันนั้นมันก็มีความหมายมาก ผมยังจำแววตา ที่คุณแม่ยิ้มรับให้ผมได้ มันเป็นสัญญาที่ผมให้สัญญาไว้แล้ว แล้วผมก็ทำตามทุกๆ อย่าง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันผ่านการปรึกษา ผ่านการขออนุญาตกับคุณหมอหมดแล้วครับ เอาจริงๆ แล้วแพลนแต่งงานของผมทุกอย่าง ผมแพลนไว้กลางปีนี้ครับ เราคิดว่าเราจะทำกลางปีนี้ครับ แต่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว พอคุณแม่ของไบรท์ไม่สบายหนัก คุณหมอก็พูดกับผมว่า ถ้าอยากจะทำอะไร ควรรีบนะครับ ผมก็เลยเลื่อนทุกๆ อย่างมา จากตอนแรกนึกว่าจะเป็นกลางปีนี้ ก็เลื่อนมาเร็วขึ้นหมดเลย เพราะสิ่งที่สำคัญก็คือมันไม่ใช่แค่ตัวเราอย่างเดียว เราอยากให้คุณแม่เขาได้เห็น ว่าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลลูกสาวเขา”
เผยเคยวางแพลนจัดงานแต่งปลายปีนี้ แต่เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง เลยอาจจะยังไม่แน่นอน
โต๋ : “เอาจริงๆ แล้วพอเสร็จงานหมั้น ผมวางแผนไว้ว่าเราจะจัดงานกันปลายปี แต่เอาจริงๆ แล้ว ณ ตอนนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่หนักสำหรับเราทั้งคู่ เพราะว่าคุณแม่ไบรท์ไม่สบายหนัก ไบรท์ต้องดูแลคุณแม่ต้องทำงานด้วย เราก็พยายามอยู่ข้างๆ กันตลอด แล้วเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้จัดการผมก็มาเสียกะทันหันด้วย ก็พยายามอยู่ข้างกัน พยายามปลอบใจกันตลอดว่ามันจะต้องเดินผ่านช่วงนี้ไปนะ
ก็เลยไม่มีเวลานึกถึงเลยว่าเราจะจัดเมื่อไหร่เราจะหาฤกษ์เมื่อไหร่จะแพลนเมื่อไหร่เรื่องนั้นยังเป็นเรื่องรองอยู่เลยครับ เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตมันเยอะมากๆ ที่ต้องจัดการครับ ณ วันนี้ก็เป็นช่วงที่หนักสำหรับเราทั้งคู่ครับ ช่วงนี้ต้องประคับประคองอยู่ด้วยกันครับ ให้กำลังใจกันทุกวันครับ ส่วนเรื่องงานฉลองเอาไว้ก่อนครับ เดี๋ยวไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็เดี๋ยวค่อยบอกครับ ถามว่าจะจดทะเบียนก่อนมั้ย คือ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่างเลยครับ เพราะว่าไม่มีเวลาคิด ไม่มีเวลาทำอะไรเลย ณ ตอนนี้ เพราะว่าอย่างที่บอกมันหนักกันแล้วมาพร้อมกันในช่วงเวลานี้”
ไบรท์ : “คือโฟกัสของไบรท์ตอนนี้อยู่ที่คุณแม่เป็นหลักเลย เดี๋ยวจบงานนี้ก็จะไปที่โรงพยาบาล ปกติที่ไปอ่านข่าวตอนเช้าอ่านเสร็จก็คือไปโรงพยาบาลทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ ด้วย ก็พยายามจะใช้เวลากับเขาให้ได้มากที่สุดค่ะ เรื่องอื่นๆ ก็เลยคุยกันว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน เอาตรงนี้ให้มันดีที่สุดก่อนแล้วก็พอดีโต๋มามีเรื่องของพี่วิด้วย ก็เลยต้องค่อยๆ ประคับประคองกันไปค่ะ”