อดีตเอกอัครราชทูตไทย เปิดตัวเลขรายได้กองถ่ายต่างชาติ หลังถูกเพจหนังแขวะ Film Board ทำงานโบราณล้าหลังจนถูกเพื่อนบ้านแซง ยันประเทศไทยยังเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง เผยกลางปีมีกองถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ชนิดถ้ารู้ชื่อหนังและนักแสดงจะต้องร้าวว้าว
วันนี้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้มีการโพสต์ข้อความภายหลังจากที่ตนเองได้ไปเป็นประธานการประชุมคณะกก. Film Board (คณะที่ 2) เมื่อวันที่ ศุกร์ที่ 19 กพ. ที่ผ่านมา
โดยในเนื้อหานั้นเจ้าตัวได้มีการเปิดเผยถึงตัวเลขรายได้จากกองถ่ายทำต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมกับยืนยันว่าการทำงานของ Film Board ไทยนั้นมีกาปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ล้าหลังหรือโบราณอย่างที่มีเพจหนังบางเพจกล่าวหาโจมตีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในตอนท้ายเจ้าตัวยังระบุด้วยว่าตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปจะมีกองถ่ายต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทยอีกหลายเรื่องซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยได้แต่ถ้าบอกชื่อหนัง ชื่อดารานำแสดงแล้วหลายคนต้องร้องว้าวแน่นอน
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กพ. 64 ผมได้ไปเป็นประธานการประชุมคณะกก. Film Board (คณะที่ 2) อีกครั้ง ซึ่งก็มีข้อมูลดีๆมาเล่าสู่ให้เพื่อนๆฟังตามเคยครับ สรุปเป็นข้อๆละกัน
1.Film Board ได้อนุมัติให้กองถ่ายของบริษัทระดับยักษ์ คือ Paramount เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ทีวีซีรีย์เรื่องยาวในไทย (ขอสงวนชื่อนะครับเพราะมีเรื่องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์) โดยจะปักหลักถ่ายทำในไทยนานหลายเดือน ใช้งบลงทุนหลายร้อยล้านบาท
2.ทีวีซีรีย์เรื่องนี้ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไทย แต่เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และอินเดีย ซึ่งฉากส่วนใหญ่จะถ่ายทำในประเทศไทย โดยถ่ายทำตามสถานที่ต่างๆ และ set ฉากในสตูดิโอ
3.ผกก.หนังเรื่องนี้เป็นชาวอเมริกัน เขาได้ไปตระเวนสำรวจสถานที่ในมาเลเซีย (ย้ำ มาเลเซีย) มาก่อนหน้าแล้ว และสุดท้ายไม่เอามาเลเซีย โดยเลือกถ่ายทำในไทยแทน เพราะปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าความรวดเร็วในการขอถ่ายทำ / ระบบ incentive / ประสิทธิภาพของทีมงานไทย / คุณภาพของสตูดิโอ อุปกรณ์ถ่ายทำรวมทั้ง infrastructure ต่างๆผกก.ยืนยันด้วยตัวเองนะครับว่า ไทยเรามีภาษีที่ดีและเหนือกว่ามาเลเซียในทุกๆด้าน (อันนี้ เพจ “ขอบสหนัง จะเอาไปใช้อ้างอิงก็ยินดีอย่างยิ่งครับ !!!!)
4.ตอนนี้ทางฝ่าย Film Board เองก็มิได้ทำงานล้าหลังแบบ ตบยุงเช้าชามเย็นชาม ที่เพจหนังเพจนึงเคย”มโน” นั่งเทียนเขียนนะครับ แต่เรากำลังทำงาน “เชิงรุก” ในการปรับปรุงข้อเสนอ incentive แบบใหม่ให้เอื้อต่อการที่จะ “ล่อ” นักลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทยหลังจากโควิดซาให้เข้ามาถ่ายทำในไทยมากขึ้น เพื่อจะได้เป็นการสร้างงานกับผู้ประกอบการคนไทยในด้านต่างๆ อดทนรอกันสักนิดนะครับ
5.เรื่องนี้ผมขอท้าเลยว่า มาเลเซีย เวียดนาม ยังไม่สามารถคิดแบบนี้ได้เลย และถ้าไทยทำสำเร็จนี้คือรูปแบบใหม่ของ incentive ที่จะทำให้ฝ่ายไทยเป็นเพียง 1 เดียวในอาเซียนด้วยที่ทำได้ !!!! รายละเอียดตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจาก ครม. จึงขออุบไว้ก่อน ไว้ได้ไฟเขียวเมื่อไหร่ผมจะเอามาเล่าสู่ให้ฟังภายหลัง (หมายเหตุ เพจหนังที่เคยโจมตีว่าระเบียบไทยล้าหลังสู้มาเลเซีย เวียดนามไม่ได้ กรุณาเปิดเนตร เปิดสมองรอรับชมต่อไปนะครับ แล้วท่านจะต้องถอนคำพูดที่เคยปรามาส Film Board ไว้เมื่อก่อนหน้านี้)
6.ผมมี infographic สถิติการขอถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ตั้งแต่ปี 2559-2563 เอามาโชว์ให้ดูว่า สถิติและรายได้เข้าประเทศช่วงปี 59-62 เพิ่มขึ้นทุกปี และ peak สุดคือปี 62 ที่ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 4,800 ล้านบาท โดยมีจำนวนหนังที่เข้ามาถ่ายทำ 740 กว่าเรื่อง
7.ส่วนปี 63 ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดโรคระบาดโควิด เลยทำให้จำนวนหนังและรายได้ลดลง แต่ขอคุยนิดนึงขนาดมี โควิด ระบาด ไทยเราก็ยังเนื้อหอมมีบริษัทต่างประเทศขอเข้ามาถ่ายทำในไทย โดยใช้รูปแบบใหม่ที่ทาง Film Board ช่วยกันคิดคือ ทางคณะไม่ต้องเข้ามาเอง แต่ใช้วิธีควบคุมการถ่ายทำผ่านแอพ Live สดแบบ real time โดยใช้ทีมงาน Film Crew ที่เป็นคนไทยทั้งหมดทำให้แทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนังโฆษณาสินค้า ก็ยังทำรายได้เข้าประเทศ 1,747 ล้านบาท โดยมีจำนวนหนังที่เข้ามาถ่ายทำ 176 เรื่อง (ส่วนมาเลย์ เวียดนาม ปี 63 มีเข้าไปถ่ายทำกี่เรื่อง ทำรายได้เท่าไหร่ เพจหนังที่เคยปรามาส Film Board ไทยไว้ก็ไปหาสถิติดูเองละกันนะครับ !!!! )
8.ส่วนหนังบางเรื่องที่มีทีมงานคณะถ่ายทำเข้ามาเองหลังจากรัฐบาลไทยผ่อนปรน คณะก็ทำตามระเบียบทุกอย่างคือต้องตรวจและมีใบรับรองทางการแพทย์ว่าปลอดเชื้อ และเมื่อมาถึงไทยแล้วก็ต้องผ่านการกักตัว 14 วันก่อนถึงจะทำงานได้ ซึ่งทุกคณะที่เข้ามาถ่ายทำในปี 63 ยังไม่ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดเลย
9.ผมก็ยังยืนยันและขอท้าคนที่เคยกล่าวโจมตีว่าระเบียบถ่ายทำหนังต่างประเทศของไทยล้าหลัง สู้มาเลเซีย เวียดนาม ไม่ได้ กองถ่ายหนีไปมาเลย์ เวียดนาม หมดแล้ว ช่วยกรุณาไปเอาสถิติข้อมูลจากคณะกก. Film Board ของมาเลเซียและเวียดนาม เอามาเปรียบเทียบกับของไทยแบบ ช็อตต่อช็อต เดือนต่อเดือน และปีต่อปี เลยนะครับ แล้วคุณจะทราบเองว่าใครล้าหลังกว่ากัน !!!!
10.ยังมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่องจ่อขออนุญาตเข้ามาถ่ายทำในไทยอีกตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป เพราะกองถ่ายต่างประเทศ “มั่นใจ” และ “ติดใจ” ในประเทศไทยครับ ชื่อหนัง ชื่อดารานำแสดง ผมอยากบอกเพื่อนๆใจจะขาด แต่ต้องขอโทษว่า บอกไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นปัญหาทางเทคนิคที่ละเอียดอ่อน เอาไว้รอเขาแถลงอย่างเป็นทางการล่ะกันนะครับรับรองอย่างที่เคยบอกจะต้องร้อง ว้าว ว้าว ว้าว แน่นอน !!!