ถ้า 2 ปีก่อน "ฟ่านปิงปิง" คือดาราสุดอื้อฉาวของประเทศจีน ในปี 2020 ชื่อนักแสดงที่ถูกพูดถึงในแง่ลบที่สุดก็น่าจะเป็นดาราสาวที่ชื่อว่า "เจิ้งส่วง" อย่างแน่นอน ทั้งสองสร้างประเด็นในแบบแตกต่างกันออกไป
ข้อกล่าวหาการหนีภาษีทำให้ ฟ่านปิงปิง แทบจะหมดอนาคตในวงการ อดีตนักแสดงที่เคย "ยืนหนึ่ง" เป็นดาราอันดับแรกสุดของวงการบันเทิงจีนอยู่นานหลายปี ต้องจ่ายทั้งค่าปรับ และยังถูกแบน "อย่างไม่เป็นทางการ" จนแทบจะไม่ปรากฏตัวในหน้าสื่อจีนอยู่นานเป็นปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับมารับงานเป็นปกติ
ส่วน เจิ้งส่วง ที่สร้างเรื่องอื้อฉาว จ้างหญิงชาวอเมริกันอุ้มบุญลูกฝาแฝด แต่พอเด็กมีอายุครรภ์ได้ 7 เดือน ความสัมพันธ์ของ เจิ้งส่วง กับพ่อของลูกกลับเริ่มมีปัญหา เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะขอให้ทำแท้งลูก
เรื่องนี้ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อกลายเป็นที่รับรู้ของสังคม ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของดาราสาววัย 29 ปี พังทลายทันที ทั้งประเด็นเรื่องการว่าจ้างให้หญิงคนอื่นมาอุ้มท้องแทนตัวเอง ซึ่งผิดกฎหมายจีน และเรื่องที่เธอต้องการจะทำแท้งลูกของตัวเองด้วย
สูญเงินมหาศาล เฉียดพันล้านหยวน
กรณีของ ฟ่านปิงปิง การหนีภาษี ทำให้เธอถูกปรับเงินอย่างมหาศาลว่ากันว่าตัวเลขน่าจะสูงถึง 883 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยมีส่วนที่เป็นทั้งภาษีย้อนหลัง และเป็นค่าปรับจากการทำผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น ฟ่านปิงปิง ยังถูกอดีตฟ้องจากคดีดังกล่าว เรื่องละเมิดสัญญา เพราะปัญหาจากการหนีภาษีไม่น้อยเช่นเดียวกัน รวมถึงบริษัท Le Vision ผู้สร้างภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง L.O.R.D. Legend of Raviging ที่ถูกเลื่อนฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนดในตอนนั้น เพราะดารานำของเรื่องอย่าง ฟ่านปิงปิง ดันไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เลย
ขณะที่กรณีของ เจิ้งส่วง เองตัวเลขความเสียหายทางตัวเงินอาจจะไม่ได้สูงเท่าน ฟ่านปิงปิง แต่ก็เป็นเม็ดเงินในระดับเฉียดพันล้านหยวน เช่นเดียวกัน
สื่อจีนเปิดเผยว่า เจิ้งส่วง มีโอกาสโดนบริษัทผลิตภาพยนตร์ และซีรีส์ถึง 11 แห่ง และแบรนด์สินค้าถึง 12 แบรนด์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายซึ่งอาจจะเป็นเงินสูงถึง 920 ล้านหยวน
โดยหลังเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น แบรนด์สินค้าต่าง ๆ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์กับ เจิ้งส่วง ทันที โดยเฉพาะแบรนด์ดังอย่าง Prada ที่ประกาศยกเลิกสัญญากับเธอ แต่เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นก็ยังส่งผลไปถึงหุ้นของ Prada ในตลาดหุ้นฮ่องกงที่ตกลงทันที 1.7% คิดเป็นเงินสูงถึง 640 ล้านหยวน
“ฟ่านปิงปิง” กลับมาแล้ว!!
ช่วงที่เป็นข่าวดูเหมือนว่าอนาคตของ ฟ่านปิงปิง ในวงการบันเทิงจีนอาจจะจบสิ้นลงแล้ว แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเริ่มกลับมามีผลงานได้ในระยะเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก
หลังมีข่าวอื้อฉาวเพียงปีเศษ ฟ่านปิงปิง ได้ปรากฏโฉมในหนังฮอลลีวูดที่ชื่อวา The 355 ที่จะเล่าเรื่องราวของสายลับหญิงนานาชาติ และมีทั้ง เจสซิก้า เชสเทน, ลูพิตา ยองโก, เพเนโลเบ ครูซ, ไดแอน ครูเกอร์ ร่วมแสดงด้วย
ส่วนในจีนแผ่นดินใหญ่ แม้ ฟ่านปิงปิง จะยังไม่ได้กลับมารับงานอย่างเต็มตัว หนังที่ถ่ายทำเอาไว้บางเรื่องยังคง “ลบ” ภาพของเธอทิ้งออกจากหนังทั้งหมด แต่ ฟ่านปิงปิง ก็ไม่ถึงกับไร้ตัวตนในวงการบันเทิงจีน เธอยังไปปราฏตัวในงานอีเวนต์บ้าง และเริ่มมีผลงานภาพถ่ายในนิตยสารต่าง ๆ ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
ประหารชีวิตจากวงาร ! “เจิ้งส่วง” อาจกลับมาไม่ได้อีกเลย
แต่สำหรับกรณีของ เจิ้งส่วง โอกาสกลับมารับงานอีกครั้งอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เหตุผลที่สำคัญก็คือ ประเด็นของ ฟ่านปิงปิง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต, เป็นประเด็นเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ แต่สำหรับ เจิ้งส่วง แล้วในสายตาของคนจีนมองว่าเธอทำผิดในเรื่อง “ศีลธรรม” อย่างรุนแรง ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงของ เจิ้งส่วง จึงไม่ใช่เรื่องการทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการว่าจ้างอุ้มบุญ แต่เป็นการที่เธอเพิกเฉย ต่อชีวิต และละทิ้งลูก ๆ อย่างเลือดเย็น ในสายตาของคนจีน
การ “แบน” ดาราของทางการจีนไม่ใช่เรื่องที่ทำอย่างเปิดเผย ไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ, ไม่มีการประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร ดาราที่โดนแบนส่วนใหญ่จะหายจากหน้าจอไปอย่างไร้สาเหตุ อย่ากรณีของ ทังเวย ที่ไปเล่นหนังเรต NC-17 เรื่อง Lust, Caution จนหายหน้าจากวงการบันเทิงไปถึง 2 ปี
แต่สุดท้าย ทังเวย ก็สามารถกลับมารับงานในวงการบันเทิงจีนได้อีกครั้ง เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จนกลายเป็นนางเอกมากฝีมือประจำวงการ และมีผลงานที่ทำเงินมหาศาลมาแล้ว
โดยในช่วงที่ “โดนแบน” ทั้ง ทังเวย และ ฟ่านปิงปิง ต่างก็สามารถไปรับงานในต่างประเทศได้อยู่บ้าง เพราะทั้งสองถือว่ามีชื่อเสียงในระดับนานาชาติพอสมควร ซึ่งทางออกของ เจิ้งส่วง ก็อาจจะอยู่ต่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน แต่สำหรับในเมืองจีนโอกาสถือว่าเหลือน้อยมาก ๆ แล้ว
สู้วิกฤตอย่างมืออาชีพ
อีกประเด็นที่สื่อจีนเชื่อว่า เจิ้งส่วง ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนทำให้อาชีพในวงการบันเทิงของเธอแทบจะถึงทางตันก็คือ การจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้น
กรณีของ เจิ้งส่วง มีความคล้ายครึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับศิลปินหนุ่ม หัวเฉินอวี่ ที่เคยไปมีสัมพันธ์กับ จางปี้เฉิน จนมีลูกด้วยกันหลังยุติความสัมพันธ์กันไปแล้ว ซึ่งแม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นข่าวใหญ่, เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง และกระทบกับชื่อเสียงของ หัวเฉินอวี่ ไม่น้อย แต่สุดท้ายการ “ขอโทษอย่างจริงใจ” อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ก็ทำให้ชาวจีน (โดยเฉพาะชาวเน็ต) ให้อภัย หัวเฉินอวี่ ได้ในที่สุด
ขณะที่การให้ข่าว และตอบคำถามต่าง ๆ ของ เจิ้งส่วง กลับดูไม่เป็นอาชีพ และเข้าข่ายเป็นการสุมไฟให้กับข่าวฉาวแทบที่จะเป็นการดับข่าวด้วยความชัดเจน
ว่ากันว่าตอนที่ หัวเฉินอวี่ มีปัญหานั้น เขาได้รับความช่วยเหลือจาก “ปรมาจารย์นักประชาสัมพันธ์” ชื่อดังระดับประเทศอย่าง หยางเทียนเจิ้น ที่เคยช่วยแก้ภาพพจน์ให้ ฟ่านปิงปิง, เคยเปลี่ยนให้ดาราสาว จางอีว์ฉี ที่ถูกมองว่าเป็นดาราที่ชอบ “จับคนรวย” กลายเป็นสาวสมัยใหม่ที่รักอิสระมาแล้ว
สื่อจีนบอกว่า หยางเทียนเจิ้น จะช่วยแนะนำวิธีการให้ข่าว, จังหวะในการออกสื่อเพื่อแก้ข่าวฉาว และเขายังมีเส้นสายในวงการมากมาย แน่นอนว่าประเด็นของ เจิ้งส่วง แต่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยก็เชื่อว่าถ้าได้ที่ปรึกษาทีดีกว่านั้น เจิ้งส่วง ก็อาจจะไม่ต้องอำลาวงการไปแบบนี้