“จิ๊บ” ตัดใจทิ้งเงินแสนค่ามัดจำโรงแรม แต่ง “จ๊ะจ๋า” เร็วๆ นี้ ภายในครอบครัว

“จิ๊บ วสุ” ตัดใจ ยอมทิ้งเงินแสนค่ามัดจำโรงแรม แต่ง “จ๊ะจ๋า” เร็วๆ นี้ แบบเรียบง่ายภายในครอบครัว บอกห่วงปัญหาโควิด ไม่อยากให้คนมาร่วมงานต้องกังวล ไม่คิดไกลเรื่องลูก เพราะโลกนี้อยู่ไม่ง่าย

ไม่ใช่ว่าโควิด-19 จะทำพิษแค่เรื่องเศรษฐกิจที่เสียหาย แต่ทำให้คู่บ่าวสาวหลายคู่ต้องเลื่อนและชะลองานแต่งไปไม่น้อย รวมถึงคู่ของนักร้อง-นักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว” กับนักแสดงสาว “จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม” ที่มีการขอแต่งงานและแพลนงานกันไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องเลื่อนมาจนถึงตอนนี้ ล่าสุด มีข่าวแว่วว่าเตรียมได้ฤกษ์แต่งไม่เกินกลางปีนี้แล้ว ซึ่งฝ่ายชายถือโอกาสย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าแต่งแน่นอนภายในปีนี้ ไม่มีเลื่อนอีกแล้ว

“แน่ครับ อยากให้เป็นตั้งแต่ปีที่แล้วครับ ตอนนี้เราก็คุยรายละเอียดตกผลึกกันมาเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะเป็นงานลักษณะที่ต้องเรียนว่าปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์จริงๆ จากครั้งแรกที่คุยกันไว้ตั้งแต่ยังไม่มีเรื่องของโรคระบาดโควิด เราก็คุยกันไว้ในรูปแบบหนึ่ง สเกลหนึ่ง ทีนี้พอมันเกิดขึ้นจนกระทั่งเกิดความห่วงกังวลในสถานการณ์ที่ไม่หายไม่จบสักที ผมก็เลยคุยกับคุณจ๊ะจ๋าว่าขอไปต่อเถอะ ไม่รอแล้วนะ เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์สักทีครับ ก็คงจะเป็นการปรับรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันครับ

ซึ่งเราถือความสบายใจ และความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อคนรอบข้างเป็นหลักว่าจะไม่ให้มีใครต้องมากังวลเรื่องการมาร่วมงานว่าเดี๋ยวจะติดเชื้อกันไหม จะมีโอกาสเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า หรือว่าจะเกิดสิ่งที่คนกังวลขึ้นมาอีก ตรงนี้ก็คงจะต้องให้เป็นรูปแบบที่ปลอดภัยที่สุด เพราะว่าแขกที่คุยกันไว้แต่แรกก็มากมายหลายกลุ่มครับ มีทั้งรุ่นผู้ใหญ่ บางทีถ้าเราจะไปกราบเรียนเชิญมาตอนนี้ ต้องคิดถึงครอบครัวจิตใจเขาด้วย ถ้าเกิดไปเชิญแล้ว ไม่มาเดี๋ยวจะเกรงใจกัน แล้วถ้าไปจัดในที่จะมา ลูกหลานก็ไม่มา ก็เลยจะเป็นในเรื่องของความค่อยเป็นค่อยไปก่อน ซึ่งจัดเป็นภายในกันก่อน แล้วก็จะขยายความต่อๆ กันไปครับ แต่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ได้จัดครั้งเดียวแน่ๆ”

ยอมเสียค่ามัดจำโรงแรมหลักแสน เพื่อความปลอดภัย
“เรื่องวันเวลาเดี๋ยวบอกปุ๊บรู้เลย น่าจะไม่นานหลังจากนี้ แต่เรื่องต้องจำกัดคนคืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีครอบครัวของเราแน่ๆ แล้วก็อาจจะมีผู้ใหญ่บางท่านซึ่งเราเคารพนับถือ แต่เรื่องของการเรียนเชิญมางานหรือไม่อย่างไร หรือเราจะไปกราบขอพร ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นในที่ทางของท่านเอง ก็กำลังทำแผนกันอยู่ ส่วนความพร้อม พร้อมมานานแล้วครับ ไม่มีอะไรกังวลเลยครับ กังวลอย่างเดียวคือเรื่องของสถานการณ์ ในส่วนของเรื่องรูปแบบวิธีการต่างๆ ว่าจะจัดแบบไหน หากพร้อมเมื่อไหร่จะเรียนให้ทราบแน่นอน

ส่วนค่ามัดจำโรงแรมที่จ่ายไปก่อนหน้านี้ ก็ยอมเสียครับ เสียแล้วเสียเลย แต่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แล้วก็ทุกคนทุกฝ่ายยอมรับ โดยหลักการแล้ว เราก็ไม่ต้องการให้ใครมารู้สึกว่าชักเข้าชักออก อะไรที่มีกฏเกณฑ์อยู่เราก็เคารพแล้วก็ปฏิบัติตาม สมมติเกิน 3 หรือ 6 เดือนจะโดนยึดมัดจำไปเลย เราก็เต็มใจให้ เหมือนช่วยกันด้วยในเวลาที่ยากลำบากช่วงนี้ ก็จ่ายไปแล้วเป็นหลักแสนครับ”

บอกยังไม่แพลนเรื่องทายาท
“ถามว่าเครียดไหม คงมีคนที่เครียดกว่าผมและคุณจ๊ะจ๋าอีกเยอะ เพราะตอนนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจทุกฝ่ายโดนกันหมด ในส่วนของเราบังเอิญเป็นงานมงคล ซึ่งควรจะมีบรรยากาศรื่นเริง แล้วมาโดนจังหวะนี้พอดี ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ จริงๆ มันมีช่วงจังหวะนิดหนึ่งที่จัดงานได้ ประมาณ 5-6 เดือนในปีที่แล้ว น้องๆ หลายๆ ท่าน ก็ได้จัดกันไป เราก็คิดว่าน่าจะโอเคแล้ว แต่พอจะลงตัว ก็กลับมาอีกรอบ เพราะตอนแรกจะจัดช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราก็เลยต้องปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบ ผมยึดถือความรับผิดชอบต่อสังคมมาเป็นอันดับหนึ่ง

แต่งแล้วจะมีทายาทเลยไหม คงต้องเป็นเรื่องที่คุยกันอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่ตอนนี้โลกก็อยู่ไม่ง่ายนะ ก็ขอให้วางแผนไปทีละขั้นตอนดีกว่า บางทีไปวางแผนอะไรล่วงหน้ามากๆ มันเป็นเรื่องที่เครียดกดดันตัวเองด้วย อยากให้ขึ้นอยู่กับหลักที่ผมและคุณจ๊ะจ๋าพูดอยู่เสมอ คือหนึ่งมีความสุข สองสบายใจ”