“แลร์รี คิง” พิธีกรชายที่มีเอกลักษณ์จากการใส่เสื้อเชิ้ตพับแขน และการถามคำถามอย่างสบายๆกับผู้ร่วมรายการ และเป็นหนึ่งในตำนานของวงการวิทยุและโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 87 ปี เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ
บีบีซี สหรัฐ ได้รายงานว่า การอยู่ในวงการมากว่า 6 ทศวรรษ และการเป็นพิธีกรดังทางสถานี CNN มานานถึง 25 ปี และได้พูดคุยกับคนดังมากมายจากหลากหลายวงการทั้งผู้นำประเทศ, นักการเมือง, คนบันเทิง หรือ นักกีฬา ต่างทำให้เขาเป็นที่จดจำและมีชื่อเสียงอย่างมากผ่านรายการ Larry King Live จนกระทั่งวันที่เขาอำลารายการเมื่อปี 2010 มีผู้ชมรายการมากถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งเขาถือเป็นพิธีกรที่จัดรายการได้ยาวนานที่สุดเลยทีเดียว
ในการบันทึกเทปครั้งสุดท้ายของรายการ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ก็ยังได้นิยามถึงเขาว่า “เป็นผู้เปิดโลกให้กับเราไม่รู้จบขณะที่เรานั่งอยู่ในห้องรับแขก” ทาง CNN ก็นิยามว่าเขาเป็นเหมือน “มูฮัมหมัด อาลี แห่งวงการสัมภาษณ์ออกอากาศ”
ถูกจับ
แลร์รี คิง มีชื่อตอนเกิดว่า ลอว์เรนซ์ ฮาร์วีย์ เซเกอร์ เกิดที่บรู๊คลิน เมืองนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 1933 เกิดในครอบครัวเคร่งศาสนาและเป็นชาวยิว แต่ว่าตอนหลังเขาเปลี่ยนไปเป็นพวกไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า โดยหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตในวัยเพียง 44 ปี แลร์รี คิง ที่จบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมปลายก็ต้องรีบเร่งทำงานเพื่อช่วยดูแลแม่และครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ความต้องการของตนเองดีว่าอยากทำงานทางด้านสื่อสารมวลชน เขาจึงได้ย้ายมาฟลอริดา และได้ทำงานที่สถานีวิทยุตอนอายุ 20 ต้นๆ และไม่กี่นาทีก่อนที่เขาจะได้ออกอากาศครั้งแรก หัวหน้าสถานีได้ขอให้เขาเปลี่ยนชื่อนามสกุลที่บ่งบอกชาติพันธุ์ของเขาน้อยลงกว่านี้หน่อย เขาจึงเลือก “คิง” หลังจากเหลือบไปเห็นโฆษณา King's Wholesale Liquor ในหนังสือพิมพ์
ช่วงปี 1950 – 1960 เขาก้าวขึ้นเป็นนักจัดรายการของท้องถิ่น และมีงานเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของฟลอริดาอีกหลายฉบับ ต่อมาในปี 1971 แลร์รี คิง ถูกจับ ในข้อหาลักทรัพย์ โดยอดีตเพื่อนของเขากล่าวหาว่า แลร์รี คิง ขโมยเงินไป แต่เขาก็ถูกถอนแจ้งความไปในปีต่อมา
อย่างไรก็ตามจากข่าวฉาวดังกล่าว ก็ทำให้เขามีปัญหาไม่สามารถทำงานได้ทั้งทางหนังสือพิมพ์และวิทยุ แม้จะห่างหายไปแต่เขาก็ยังคงทำงานด้านนี้อยู่ทั้งในฐานะประชาสัมพันธ์และนักวิเคราะห์ด้านกีฬา ก่อนที่ปี 1975 เขาจะกลับไปครองสื่อในไมอามีอีกครั้ง
...
เส้นทางสู่ความโด่งดัง VS คู่ปรับ
จนกระทั่งปี 1978 ที่เขาได้รับความนิยมไปทั่วประเทศในฐานะนักจัดรายการวิทยุที่เปิดสายให้ผู้ชมโทรเข้าตลอดคืนผ่านรายการ The Larry King Show ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ CNN ซึ่งการย้ายเข้าสู่หน้าจอครั้งนี้ ยังทำให้กลายเป็นรายการแรกที่มีผูชมโฟนอินเข้ามาพูดคุยผ่านทางทีวีอีกด้วย
ตามรายงานจาก CNN ระบุว่าการจัดรายการ The Larry King Show ทำให้ แลร์รี คิง ได้ผ่านการสัมภาษณ์แขกรับเชิญมาแล้วกว่า 50,000 ครั้ง ระหว่างที่อยู่ในอาชีพของเขามา 50 ปี รวมถึงการนั่งคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายต่อหลายคน นับตั้งแต่ เจอรัลด์ ฟอร์ด เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังมีคนมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, ดาไล ลามะ, บิล เกตส์, เลดี้ กาก้า, เลอบรอน เจมส์, ปารีส ฮิลตัน และ มากาเร็ต แทตเชอร์
แลร์รี คิง กวาดรางวัลต่างๆมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงรางวัล Peabody Award for Excellence ที่เขาได้ทั้งจากการทำหน้าที่พิธีกรทั้งสาขาวิทยุและโทรทัศน์
แม้ว่าเขาจะถูกวิจารณ์อย่างมากว่าเป็นคนที่ถามคำถามเบาและง่ายๆสบายๆเกินไป โดยไม่ถามตรงๆแรงๆ และใช้คำถามแบบปลายเปิด แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยให้สัมภาษณ์กับ อีแวน เดวิส ทาง BBC เมื่อปี 2015 ซึ่งเขาได้เรียนรู้จากการทำงานว่า “ยิ่งเราถอยมากเท่าไหร่ แล้วถามคำถามดีๆ ตั้งใจฟังคำตอบพวกเขา และห่วงใยแขกรับเชิญ คุณจะทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนไม่มีกล้องอยู่ตรงนั้นเลย”
นอกจากนั้น จากการที่เขาโดนเพื่อนร่วมอาชีพ ที่เข้ามานั่งแทนที่เขาใน CNN อย่าง เพียร์ซ มอร์แกน พิธีกรฝีปากกล้าชาวอังกฤษ มาจิกกัดเหน็บแนม ทาง แลร์รี คิง ก็ได้โต้กลับว่า ความสำเร็จของ เพียร์ซ มอร์แกน เป็นเหมือนพวก “ขายตัวเองมากไป” เพราะอยากขายให้กับผู้ชมชาวสหรัฐฯ และรายการของ เพียร์ซ ก็ไม่ใช่ทางของเขา
“ปัญหาของผมกับเพียร์ซ ไม่ใช่ประเด็นเรื่องส่วนตัว แต่เขาเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเป็น ผมไม่ดูถูกแขกรับเชิญและผมไม่ได้ทำรายการเพื่อโชว์ตัวเอง แขกรับเชิญไม่ใช่ของประกอบฉาก ผมไม่สนุกเลย ผมแค่ไม่ชอบการสัมภาษณ์ด้วยวิธีแบบนั้นเฉยๆ”
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เพียร์ซ มอร์แกน ที่เข้ามาเสียบแทนรายการของ แลร์รี คิง ทางสถานี CNN และออกอากาศได้เพียงแค่ 3 ปี ก็ได้โต้กลับคำพูดของ แลร์รี คิง ในเวลานั้นว่า “รายการของเขาก็เหมือนกับ คนถือปืนและคอยช่วยชีวิตแต่รายการของ แลร์รี คิง เหมือนคนยืนพ่นควันอยู่หลังคนดังมากกว่า”
แม้ว่า แลร์รี คิง จะไม่ได้ทำรายการให้กับ CNN แต่เขาก็ยังรักในงานพิธีกร โดยช่วงปีหลังๆ เขาทำรายการของตนเองผ่านทาง Ora TV รวมถึง Hulu และ RT ในฐานะ ผู้ประกาศข่าวระหว่างประเทศที่ควบคุมโดยรัฐบาลของรัสเซีย
“มูฮัมหมัด อาลี" แห่งวงการสัมภาษณ์
การทำหน้าที่พิธีกรของ แลร์รี คิง มีทั้งเสียงด่าและชื่นชม และหลายครั้ง ที่ แลร์รี คิง ทำให้กลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ จนมีผู้ชมติดตามมหาศาล
เขาเคยทำหน้าที่พิธีกรในการอภิปรายปี 1993 ระหว่างรองประธานาธิบดี อัล กอร์ และ รอส เปรอต มหาเศรษฐีชาวเท็กซัสเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (Nafta) ซึ่งทำลายสถิติเรตติงในเวลานั้นโดยมีผู้ชมมากกว่า 16.3 ล้านคน
ในปี 1995 เคยสัมภาษณ์ผู้นำพร้อมกันทั้ง เซอร์ อาลาฟัต ผู้นำปาเลสไตน์ ยิตชัค ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ กษัตริย์ฮุสเซน แห่งจอร์แดน
หลังเหตุการณ์ก่อการร้ายที่นิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 แลร์รี คิง ก็สัมภาษณ์แขกรับเชิญมากกว่า 700 คน ทั้งผู้ที่เผชิญเหตุการณ์ และผู้รอดชีวิต และบุคคลสำคัญระดับโลกอีกกว่า 35 คน
แลร์รี คิง ยังเคยได้รับรางวัลจากการเข้าไปสัมภาษณ์ในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นฆาตกรแม่-ลูกอย่าง ซานเต ไคมส์ และลูกชาย เคนเนธ ไคมส์ , คาร์ลา เฟย์ ทัคเกอร์ หญิงคนแรกที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในรัฐเท็กซัส และ ไมค์ ไทสัน นักมวยดังที่ต้องติดคุก
นอกจากนั้นยังเคยได้สัมภาษณ์ แฟรงค์ ซินาตรา ที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ไหน ซึ่งการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเขากับ แลร์รี คิง เกิดขึ้นเมื่อปี 1988 ซึ่งเป็นหนึ่งในการสัมภาษณ์ที่ แลร์รี คิง ชอบที่สุด
ส่วนการสัมภาษณ์ที่คนพูดถึงมากๆยังมีทั้ง การสัมภาษณ์กับ มาร์ลอน แบรนโด นักแสดงจาก The Godfather ที่มีสัญญาข้อตกลงว่าต้องให้สัมภาษณ์หนึ่งครั้งเพื่อโปรโมทหนังสือ Songs My Mother Taught Me ซึ่งเขา ก็ได้เลือกที่จะสัมภาษณ์กับ แลร์รี คิง โดยการสัมภาษณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นที่บ้านของ แบรนโด และนักแสดงออสการ์ก็ตอบทุกคำถามของ แลร์รี คิง รวมถึงเรื่องราววัยเด็ก และเส้นทางในอาชีพนักแสดง ซึ่งการสัมภาษณ์ครั้งนี้จบลงด้วยกระแสทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ เพราะการจูบปากลากันของทั้งคู่
นอกจากนั้นในปี 2007 แลร์รี คิง เคยต้องสัมภาษณ์ 2 สมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่ของ เดอะ บีทเทิลส์ อย่าง พอล แมคคาร์ทนีย์ และ ริงโก สตาร์ ซึ่งยังมี โยโกะ โอโนะ และ โอลิเวีย แฮร์ริสัน ด้วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นคือ แลร์รี คิง เรียก ริงโก ว่า “จอร์จ”
ในปี 2007 ยังมีการสัมภาษณ์กับ เจอร์รี ไซน์เฟลด์ นักแสดงตลกจากซิทคอม Seinfeld ทาง NBC ที่ทำรายการต่อเนื่องมานาน 9 ปี ก่อนที่เขาจะยุติรายการไปซึ่ง แลร์รี คิง ถามคำถามไม่เข้าหูว่า “คุณเลิกทำเอง? เขาไม่ได้ยกเลิกรายการคุณ แต่เป็นคุณที่ยกเลิกทำกับพวกเขาใช่ไหม?” ทำเอา เจอร์รี ไซน์เฟลด์ ถึงกับอึ้งพร้อมกล่าวว่า “คุณไม่ทราบเลยเหรอ? คุณคิดว่ารายการผมโดนยกเลิกเหรอ? นี่คุณเข้าใจว่าผมโดนยกเลิกเหรอ?”
ซึ่ง แลร์ รี คิง ก็ได้ถามต่อไปว่า “ผมทำให้คุณเจ็บเหรอ? โชว์มันตกไป” ก่อนที่ ไซน์เฟลด์ จะหัวเสียออกมาว่า “นี่คือ CNN เหรอ? ผมเคยเป็นรายการอันดับหนึ่งของโทรทัศน์นะ แลร์รี! คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? ในเทปสุดท้ายมีคนดูถึง 75 ล้านคนเลยนะ” จากนั้น แลร์รี คิง จึงต้องตัดเข้าโฆษณาทันทีหลังจากที่แขกรับเชิญเริ่มหัวเสียและโวยวายออกมา
อีกหนึ่งสัมภาษณ์ที่น่าจดจำของ แลร์รี คิง คือตอนที่เขาแต่งกายล้อไปกับ เลดี้ กาก้า นักร้องสาวชื่อดังเมื่อปี 2010 ที่มาให้สัมภาษณ์ในรายการในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว – ดำ คาดสายเอี๊ยมและสวมแว่นตาดำ ซึ่งเป็นสไตล์ที่ทำเอาผู้ชมถึงกับอมยิ้ม โดยครั้งนั้นได้พูดถึง ทัวร์คอนเสิร์ตที่ไม่เคยเกิดขึ้นของ เลดี้ กาก้า กับ ไมเคิล แจ็กสัน, การเลิกโคเคน รวมไปถึงที่ต้องต่อสู้กับโรคลูปัส
การสัมภาษณ์ บิล เกตส์ ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ทาง แลร์รี คิง ก็เคยถามคำถามโดนใจคนดูว่า เขาชอบ สตีฟ จ็อบส์ หรือไม่ และคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่าง iPad และคำถามที่ว่า “เคยอิจฉา Apple มั่งไหม?” ที่แม้จะเป็นคำถามชวนกระอักกระอ่วน แต่ทาง บิล เกตส์ ก็ตอบออกมาได้ดี
วงการบันเทิง-ปัญหาสุขภาพ
นอกจากผลงานรายการของเขาเองทางโทรทัศน์แล้ว แลร์รี คิง ยังเคยรับบทเป็นตนเองในรายการทีวีต่างๆทั้ง 30 Rock และ Sesame Street รวมถึงภาพยนตร์อย่าง Ghostbusters ( 1984 ) นอกจากนั้นยังเคยพากษ์เสียงในเรื่อง Shrek ( 2004, 2007 และ 2010 ) รวมถึงเรื่อง Bee Movie ในปี 2007
ส่วนทางด้านชีวิตส่วนตัวของเขาผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 8 ครั้ง กับผู้หญิง 7 คน โดยมีลูก 5 คน หลาน 9 คน และ เหลนอีก 4 คน ที่น่าเศร้าคือ ลูก 2 คนของเขาเสียชีวิตติดๆกันเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดย ไชอา ลูกสาวของเขาเสียชีวิตในวัย 51 ปีจากโรคมะเร็งปอด เมื่อเดือน ก.ค. และ แอนดี้ ลูกชายวัย 65 ปี เสียชีวิตจากหัวใจวายในเดือน ส.ค. เวลานั้น แลร์รี คิง ได้กล่าวว่า “การสูญเสียพวกเขาเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากจะฝังศพลูกตนเองหรอก”
แลร์รี คิง มีปัญหาเรื่องสุขภาพมานานหลายปี ทั้งเรื่อง รวมทั้งโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ในปี 2017 เข้ายังต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษามะเร็งปอด และในปี 2019 เขาต้องเผชิญกับภาวะเส้นเลือดในสมองแตกจนอาการโคม่า จนกระทั่งต้นปี 2021 ที่ผ่านมา เขาถูกส่งตัวไปยัง Cedars-Sinai Medical Center ในลอสแองเจลิส เนื่องจากติดเชื้อ โควิด 19
ในปี 1988 เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Larry King Cardiac Foundation ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือในการรักษาโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านการเงิน หรือไม่มีประกันสุขภาพ
ส่วนสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้ให้กับสังคมในฐานะ พิธีกรรายการดัง เจ้าตัวระบุว่า “ผมหวังว่ามันจะเพิ่มความรู้ ความบันเทิง และความสนุกสนานให้กับสาธารณชน”