กลายเป็นศึกกิมจิระหว่าง จีนกับเกาหลีใต้ไปเสียแล้ว เมื่อยูทูปเบอร์สาวนักกิน “ฮัมจี” ที่มีผู้ติดตามในช่องของเธอถึง 5.3 ล้านคน ได้เปิดเผยว่าเธอถูกเอเยนซีจีนฉีกสัญญา หลังจากที่เธอบอกว่า “กิมจิ” และ “ซัม” การกินเนื้อสัตว์ย่างห่อผัก เป็นอาหารเกาหลี
วิดีโอต้นเรื่องเป็นคลิปที่ ฮัมจี โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เธอกินข้าวยำเกาหลีใส่ปลาหมึกกับกิมจิขาวแบบไม่ใส่พริก ซึ่งคลิปดังกล่าวชาวเน็ตทั้งจีนและเกาหลีเข้ามาแสดงความเห็นตอบโต้กันเป็นจำนวนมาก สาเหตุเพราะ ฮัมจี ได้ไปกดถูกใจ หนึ่งในความเห็นของชาวเน็ตที่เข้ามาเขียนว่า “ฉันโกรธมากที่คนจีนมาอ้างว่า ซัม ( การห่อผัก ) เป็นของพวกเขา แต่ฉันมีความสุขมากที่เห็นคุณโพสต์วิดีโอกินแบบห่อผักให้ดู”
ความระอุของศึกครั้งนี้ยังอยู่ตรงที่การแปลแบบผิดๆจนกลายเป็นการใส่ร้าย และชาวเน็ตจีนก็เอาประเด็นนี้ไปถกกันต่อใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีน จนกลายเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต ส่งให้ชาวเน็ตจีนพากันเข้ามาถล่มในวิดีโอดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนเอเยนซีของเธอในจีนต้องออกมาขอโทษ แต่ถึงกระนั้นชาวเน็ตจีนก็ยังไม่ยอมหยุดและคุกคามเธอในช่องแสดงความเห็นของ YouTube ต่อไป
ทาง ฮัมจี เองก็ได้ออกมาอธิบายในมุมของเธอเอง โดยโพสต์ข้อความลงใน YouTube อธิบายว่า เอเยนซี ของเธอได้ออกมาขอโทษเพราะว่า ชาวเน็ตจีนเชื่อว่าเธอว่าร้ายใส่คนจีน “ฉันแค่คลิก ‘ถูกใจ’ ในความเห็นที่พูดถึง ซัม ( การห่อผัก ) ฉันกด ‘ถูกใจ’ ในความเห็นนั้นเพราะฉันเชื่อว่า กิมจิ และ ซัม เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเรา ( เกาหลี ) และฉันเชื่อว่ามันตลกดีที่มาเถียงกันว่ามันเป็นของคนเกาหลีหรือเป็นของคนจีน”
จากนั้นเธอยังได้บอกด้วยว่า เอเยนซี ที่ช่วยเธอจัดการช่อง YouTube ในจีน ได้แจ้งว่าขอยกเลิกสัญญากับเธอเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนทางเอเยนซีจีน ก็เผยเหตุผลที่ฉีกสัญญาก็เพราะว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ฮัมจี ได้ทำร้ายความรู้สึกของคนจีนและยังทำลายความเชื่อใจที่บริษัทมีต่อเธอด้วย
ทางด้าน ฮัมจี จึงได้ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการถูกฉีกสัญญาว่า เธอขอโทษเกี่ยวกับเรื่องการเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจนทำให้ชาวเน็ตจีนต้องเจ็บปวดและผิดหวัง แต่เธอเองก็ไม่อยากทำงานในจีนอีกถ้าหากเธอต้องพูดว่า กิมจิ เป็นของจีน
“ถ้าฉันต้องพูดว่า กิมจิ เป็นอาหารจีนเพื่อจะได้มีงานในจีน งั้นฉันขอเลือกไม่ต้องมีงานอะไรทั้งนั้นในจีนดีกว่า ฉันหวังว่าชาวเน็ตจีนจะเข้าใจเพราะว่า ยูทูปเบอร์ชาวจีน หรือคนดังในจีน ก็คงไม่อยากพูดว่า อาหารจีนเป็นอาหารของเกาหลี เพื่อจะได้มีงานในเกาหลีเหมือนกัน”