หลังจากที่ “ลุงพล” หรือ “ไชย์พล วิภา” ถูกแฉคลิปทำร้ายร่างกายนักข่าวช่องอมรินทร์ทีวี ทั้งแย่งไมค์ ทุบหลัง ระหว่างกรมป่าไม้จังหวัดมุกดาหารลงพื้นที่นำเอกสารร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ให้ตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลเเม่ตะเคียนโสรภีข้างบ้านลุงพล หลังเปิดให้ชาวบ้านเข้ามากราบไหว้จนกลายเป็นข่าวฮือฮา
ขณะเดียวกัน “อุ๊บ วิริยะ” อดีตคนสนิท ผู้ผลักดันลุงพลให้เข้าวงการ ก็ได้ออกรายการถามสุดซอย ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 สัมภาษณ์จัดเต็มกรณีแตกหักถึงขั้นฟ้องร้อง พร้อมลั่นที่ผ่านมาลุงพลไม่เคยเปลี่ยน คาดว่าเป็นสันดาน ตอนนี้ตนหูตาสว่าง หมดรักกันแล้วก็ขอแฉจัดเต็ม ลั่นเตรียมรวบตึงฟ้องลุงพล
“ถามว่าทำไมตอนนี้คิดมาฟ้อง ตอนนั้นรักกัน น้ำต้มผักขมก็ว่าหวาน ตอนนี้มันเจือจางแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับตาคนนั้นมันเยอะมาก จริงๆ เรื่องเอารูปไปทำมาหากิน รับบริจาคก็ไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาทำกับเรา มันเพิ่มพูนเป็นดินพอกหางหมู เราให้อภัยแล้วก็ไม่หยุด มีครั้งหนึ่ง สอง สาม สี่ แล้วไม่ใช่เราโดนคนเดียว หมอปลากับคุณน้ำฟ้าที่เรารักก็โดน เราน้ำตาตกเลย โกรธมาก ทำแบบนี้ได้ยังไง คนแบบนี้ไม่เคยเจอเลยในชีวิต
ก็เลยเอาซะหน่อย เหมือนสั่งสอนว่าคุณทำไม่ถูกต้องนะ เลยรวบตึงเลย เลยเอางานชิ้นนั้นที่มีรูปเรา และคนในวงการ หมอปลา คุณน้ำฟ้า ที่เอาไปรับบริจาค มีหมายเลขบัญชีนายคนนี้อยู่ด้วย เลยจัดการซะหน่อย เพราะตามหลัก รูปของเรา คุณไม่สามารถเอาไปทำการค้าหรือโฆษณาหรือรับบริจาคเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นดาราก็ไม่ได้ เห็นแล้วไม่ดีไม่งาม ทุกคนรวมทั้งเราไม่ได้อนุญาต เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรับบริจาค เขาบอกว่าบริจาคให้ทางวัด แต่เป็นบัญชีนายคนนั้น
ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ว่าอะไร เพราะสมานฉันท์ รักกันอยู่ ดูแลซึ่งกันและกัน เราไม่คิดว่างูจะแว้งฉกเรานี่คะ ตอนนี้ฉกเจ็บ เจ็บมากๆ เสียความรู้สึก เหมือนเราทุ่มเททั้งกาย จิตใจ และวิญญาณ เราแทบดูแลยิ่งกว่าลูกหลาน เราเทิดทูน แต่สิ่งที่เราได้รับ มันชี้ช้ำกะหล่ำปลีดอง เจ็บ แล้วทำกับคนที่เรารักด้วยจากเหตุการณ์ครั้งที่หนึ่ง เทงาน เขาบอกว่าผมไม่ได้เทงานนะ แต่ขอเบรกงานทุกอย่างของคุณอุ๊บเพื่อให้กำลังใจน้องนักข่าวคนหนึ่ง ซึ่งเรามีกับปัญหากับนักข่าวคนนั้น แต่เราเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว เขาไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน ไม่มืออาชีพเลย”
แฉถูกอีกฝ่ายอัดเสียงตนด้วย
“เขาอัดเสียงพี่ค่ะ ซึ่งตามหลักไม่ควรจะอัด สาบานเลยนะคะ 62 ปี ดิฉันไม่เคยอัดเสียงใครเลยในโทรศัพท์ และไม่เคยคิดจะทำด้วย การอัดเสียงมันส่อถึงสันดาน พฤติกรรมที่คิดว่าไม่ควรจะทำ เขาอัดเพื่ออะไร แล้วดิฉันโชคดีมาก เป็นนางเอกกินน้ำส้มค่ะ ปกติจะปรี๊ด วีน เหวี่ยง เขาอาจจะเอาไปเป็นหลักฐานถ้าเราด่าเขามั้ง แล้วคลิปนี้เราได้มา ซึ่งไม่ควรจะทำ นี่คือเรื่องแรก หมอปลากับคุณน้ำฟ้าก็เป็นกาวใจ แต่หลังจากนั้นไม่หยุด”
ปรี๊ดสุดด่ากะเทยจิตป่วย เหยียดเพศสภาพ
“มาด่าดิฉันว่าอีกะเทยป่วยจิต มันก็เหยียดเพศสภาพ เขาพูดจริงค่ะ มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงค่ะ ครั้งที่สามมีการล้อเลียนการเดินแบบ ซึ่งเราสอนให้เขาเดินเป็นผู้ชาย ไม่ได้สอนให้เขาเดินตูดเบี้ยว ล่าสุดบอกไลฟ์สดว่ามีบ้านหรือยัง มีที่พักหรือยัง คุณไม่ควรพูดแบบนี้ ฉันจะอยู่ตรงไหนก็เรื่องของฉัน เงินฉันก็มี มันเป็นความสุขส่วนตัว ตอนนั้นมีปัญหาเพราะเลี้ยงแมวเยอะ เจ้าของห้องจะเอาบ้านคืน แต่ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งมันไม่ควร ประมาณสี่ห้าเรื่อง มันสุมๆ กันมา ก็เลยรวบตึงทีเดียว เอาเรื่องที่เอารูปดิฉันไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เราปรึกษาทนายหลายคน เขาบอกว่าเราดำเนินการได้ตามกฎหมายเพราะละเมิดสิทธิ์ และเราไม่ได้อนุญาต บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมายนะ”
อยากเขกกะโหลกตัวเอง หลงไปได้ไง
“ยอดบริจาคของเขา 8.8 แสน เกือบล้านนะคะ ถ้าไม่ปิดก็เกินล้านแน่ค่ะ เขาบอกว่าจะเอาไปทำศาลาวัดที่กกกอก แต่เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว เห็นเขาใส่ขาว ห่มขาว นั่งไหว้พระตลอดเวลา คิดว่าอีตานี่จิตใจดี ธรรมะธัมโม เราก็หลงเลย จิตใจดี พ่อพระ เข้าวัดเข้าวา ไหว้พระทุกวัน มโนหมด อยากเขกกะโหลกตัวเองในตอนนั้น คิดว่าการที่เขารับบริจาคเป็นการทำบุญที่แท้จริง แต่เพิ่งรู้ทีหลังว่าเงินไม่ได้ถึงวัดเลย พระออกมาแฉแล้วค่ะ ทุกวันนี้พระยังไม่ได้สักบาท”
ไม่ได้สงสัยแค่คนเดียว เอฟซีตอนนี้หูตาสว่างกันเยอะแล้ว
“ไม่ใช่เราคนเดียว ทั้งประเทศไทยแหละค่ะ ไม่ว่าจะสื่อไหน ไม่ว่าจะเป็นเอฟซีที่ตอนนี้หูตาสว่างกันเยอะ บางคนโอนไปก็แหกหูแหกตาดูบ้าง ตาสว่างกันนะจ๊ะ กินข้าวกันนะจ๊ะ เอาเวลานั้นไปหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวดีกว่า คณรักใครบูชาใครก็เรื่องของคุณ ไม่ใช่ว่าด่าๆ ฉัน”
แตกหักเพราะทำตัวเอง
“นายคนนี้ทำตัวเอง ไม่ใช่ทำกับเราคนเดียว แต่เขาทำกับคนรอบข้าง เมื่อก่อนเราช่วยด้วยใจ ไม่ได้หวังอะไร ที่ผ่านมาสอนตลอดเวลา สอนทุกอย่าง อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เสมอต้นเสมอปลาย เราว่าไม่ใช่นิสัยแล้วมั้ง เพราะเขาไม่เคยเปลี่ยน มันเป็นสันดานเดิม ให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่ามันไม่ไหวนะคะ แล้วการที่คุณมาเหยียดเพศสภาพ ดูถูกมากนะ สังคมไม่ต้อนรับ ตอนนี้เขาแฮชแท็กเซฟอุ๊บวิริยะ แบนคนเหยียดเพศ ไม่ว่าจะมาทางไหน ก็กลับลงหลุมฝังไปเลย ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว เราไม่เคยเจอ มาเจอคนนี้ฉันยอม ถ้าเป็นชะนี กะเทย ถ้าตอแหล ก็ไม่รังเกียจ แต่ถ้าผู้ชายแมนๆ อกสามศอกแบบนี้ มีพฤติกรรมตอแหลขนาดนี้ เอากระโปรง ผ้าถุงมาคลุมหัวซะ”
เผื่อใจ ลุงพลบริสุทธิ์ 50-50 ไม่อยากปรักปรำ
“ก็ 50-50 ไม่อยากปรักปรำใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางคนอาจเจอข้อหาสมรู้ร่วมคิด ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ก็อยู่ที่เวรกรรมอยู่ที่บุญของเขา วันนี้ถึงเราเทกัน เลิกรักกัน แต่เรารู้สึกว่า 50-50 ดีกว่า ไม่อยากเผื่อใจมากไปกว่านี้
ถ้าวันนึงลุงพลขอโทษก็ให้อภัย แต่ไม่สุงสิง ไม่คบค้าสมาคม จบ ไม่อยู่ทีมลุงพลแล้ว ก็อยากฝากว่าคนเราการห่มขาว นุ่งขาวไหว้พระทุกวัน ไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจขึ้นเลยอย่าลืมนะบาปบุญนรกสวรรค์มีจริง ถามว่าร้องไห้เสียใจไหม ไม่ได้เป็นผัว เสียใจทำไม เสียความรู้สึกนิดหน่อย ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”
ท้าต่อยยูทูปเบอร์สายเลีย
“ถ้าตาคนนั้นหยุดพาดพิงพี่ รวมทั้งยูทูปเบอร์สายเลียทั้งหลาย ถ้าหยุดเราก็หยุด โอเค มาต่อยกันมั้ย ท้าต่อยในรายการเลย มาต่อยกับกูมั้ย จะได้จบๆ สักที”
ฝากถึงเอฟซี ค-ว-ย คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
“ทุกคนกินข้าวกันนะ ค-ว-ย คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แหกหูแหกตา แต่ก็ขอบคุณเอฟซี ที่ตอนแรกอยู่ฝั่งตาคนนั้น ตอนนี้กลับตัวกลับใจ แต่ก่อนด่าพี่ ตอนนี้คอมเมนต์มาขอโทษ ก็ให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน คุณรักใครก็ไม่ควรจูงมาเป็นวัวเป็นควาย ที่สำคัญไม่ได้ขอข้าวคุณกิน ไม่ได้นั่งอึบนหัวใคร ก็ฝากเอฟซีให้เข้าใจ เอาเวลาไปทำมาหากิน เลี้ยงลูกเลี้ยวผัวดีกว่า”
ขณะที่ “ทนายโนบิตะ กฤษฎา โลหิตดี” ได้เผยสาเหตุเทลุงพลว่า เป็นเพราะลุงพลไม่ไว้ใจเหมือนเดิม เพิกเฉยต่อคำแนะนำ
“เหตุผลที่ยุติบทบาทเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำด้านกฎหมาย มีอยู่ 3 ข้อ หนึ่ง-ผมหมดกำลังใจ เนื่องจากบรรดาเอฟซีลุงพลเข้ามาด่าและใส่ความว่าผมเป็นนกสองหัว นิสัยไม่ดีเข้ามาสืบความลับลุงพลไปให้หมอปลา พี่อุ๊บ จนเกิดความท้อใจและเสียใจ เหตุผลหลักๆ ทำให้ตัดสินใจยุติบทบาทของผม คือ ถ้าย้อนกับไปวันที่ 9 ผมได้เดินทางไปบ้านกกกอก พาน้องโอ๊ต น้องมน ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติม วันดังกล่าวมีการพูดคุยกับลุงพบว่าเข้าเครื่องจับเท็จมาเป็นยังไงบ้าง
จนลุงพลเปิดใจว่ากรณีลุงพลเกิดความไม่ไว้ใจตัวหมอปลา น้ำฟ้า และทีมงาน เนื่องจากลุงพลเจอเครื่องดักฟังที่เกิดขึ้นบนรถ ทำให้เสียใจและไม่ไว้ใจ มีการสั่งให้เอากล้องวงจรปิดบนรถและถอดกล้องวงจรปิดที่บ้านออก ทีนี้ผมให้คำแนะนำไปว่าเรื่องนี้ยังไม่มีการตรวจสอบ เอาซิมการ์ดไปตรวจสอบได้ เพื่อให้ความเป็นธรรม หมอปลา พี่น้ำฟ้า และป๊อบปี้ ที่เอากล้องไปติด ผมก็บอกว่าทุกอย่างตรวจสอบก่อน เอางี้มั้ยเพื่อความสบายใจ ให้ไปคุยกันที่เพชรบุรีเป็นการส่วนตัว มีลุงพล ป้าแต๋น หมอปลา พี่น้ำฟ้า คุยกันเป็นการส่วนตัว อะไรติดอยู่ในใจจะได้เคลียร์ สามัคคีกัน
ซึ่งปรากฏว่าลุงพลไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ลุงพลเพิกเฉย และวันที่ 11 ช่วงเช้า ลุงพลดันไปให้สัมภาษณ์สื่อและผ่านช่องยูทูปเบอร์หลายช่องว่าพบเครื่องดักฟังบนรถ ซึ่งมันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว เมื่อคำแนะนำที่ปรึกษากฎหมาย ลุงพลเพิกเฉย ผมก็เลยไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ผมจังตัดสินใจยุติหน้าที่ตรงนั้น"
ตอนนี้เครื่องดักฟังอยู่ระหว่างตรวจสอบ พอทราบเรื่องก็ถามหมอปลาว่าเป็นของหมอปลาจริงมั้ย หมอปลาปฏิเสธว่าไม่ใช่ แล้วก็ถามคุณป๊อปปี้ว่าได้ติดตั้งหรือไม่ ซึ่งป๊อบปี้ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนติดตั้ง พี่น้ำฟ้าก็ยืนยันว่าทำไปทำไมมีเหตุผลอะไรต้องทำ ผมก็เลยติดต่อไปหาป้าแต๋น เพื่อประสานอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
ปรากฏว่าโทร.ไปช่วงเที่ยง ป้าแต๋นไม่ได้รับสาย ผมจึงไลน์ไปบอกว่าคุยกับทุกคนแล้ว ทุกคนบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ก็ให้ป้าแต๋นไปแจ้งความ หรือพูดคุยกับหมอปลา แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจากลุงพล หรือป้าแต๋นใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อผมติดต่อไปแล้ว ไม่ยอมติดต่อกลับมา ผมถือว่าผมหมดหน้าที่แล้ว การประสานของผมไม่เป็นผล ผมก็ขอถอนตัว และประกาศตามหาเจ้าของจีพีเอสตัวจริงมาให้ได้ว่าเป็นใคร”
มั่นใจไม่ใช่เครื่องดักฟัง
“ผมว่าไม่ใช่เครื่องดักฟังนะ เป็นการเอามาดูเป็นรูปภาพที่เปิดจากกูเกิล เป็นจีพีเอสถ้าตามความเห็นผม ซึ่งดูแล้วเป็นการใช้ติดตามการเคลื่อนไหวสามี กรณีจะฟ้องหย่า ผมบอกอย่างนี้ ลุงยังหัวเราะอยู่เลย
ก่อนยุติบทบาทเราไม่ได้พูดคุยกันก่อน แต่เราเสียใจ เนื่องจากเอฟซีมาโดนรุมด่า พอช่วยก็ด่า พอถอนตัวก็รุมด่า อีกอย่างลุงเริ่มไม่ไว้ใจแล้ว จุดแตกหักคือผมประสานให้พูดคุยกันแล้ว แจ้งข้อเท็จจริงกันแล้ว ลุงอ่านแต่ไม่ตอบ ไม่โทรกลับมา มันผิดวิสัยการเป็นทนายความและลูกความกัน ซึ่งผมว่าไม่ใช่เครื่องดักฟัง เป็นจีพีเอสครับ"
แจงสาเหตุลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จ
“เป็นการเข้าเครื่องจับเท็จทุกๆ คนที่พนักงานสอบสวนคิดว่าจะมีความเกี่ยวข้องในคดี มีการให้การในฐานะพยานจำนวนมาก คำให้การมีความขัดแย้งกันหลายประเด็น ผมคิดว่าพนักงานสอบสวนเลยเอาเครื่องจับเท็จมาช่วยวิเคราะห์ในเรื่องความน่าเชื่อถือ
จำกันได้มั้ย ผบ.ตร.แถลงว่ามีการทำลายความน่าเชื่อถือของพยาน มีการให้การในวันนี้ๆ แล้วมีการปล่อยข่าวทำลายความน่าเชื่อถือ เหมือนพยานพูดกลับไปกลับมา ทำให้พยานกลุ่มนั้นขาดความน่าเชื่อถือไประดับนึง การดึงน้ำหนักพยานกลับมาได้ ต้องอาศัยเครื่องจับเท็จ และคำถามที่จะนำมาซึ่งน้ำหนักในการออกหมายจับหรือลงโทษจำเลยได้ จึงเอาความเห็นผู้เชี่ยวชาญมาประกอบ โดยลำพังเครื่องจับเท็จไม่สามารถนำมาลงโทษจำเลยได้ แต่เอามาประกอบกับพยานหลักฐานอื่นเพื่อให้ลงโทษจำเลยได้”
ยังมั่นใจว่าลุงพลบริสุทธิ์
“ผมยืนยันมาตลอดว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ จากสัญชาตญาณการลงพื้นที่ และหมอปลา แม้วันนี้เราไม่ได้อยู่เคียงข้างลุงพล แต่ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ลุงพล ไม่ว่าหวยจะออกลุงพลหรือเปล่า แต่เชื่อว่าลุงพลจะต่อสู้และเอาความบริสุทธิ์กลับมาได้ อย่าลืมว่าหมายจับเป็นแค่จุดเริ่มต้นต่อสู้คดี ถ้าหมายจับออกลุงพล นั่นไม่ได้หมายความว่าลุงพลเป็นผู้กระทำความผิดนะ ตราบใดที่ศาลไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ลุงพลก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นต้องมีการต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลต่อไป”
ไม่กลับไปช่วยอีกแล้ว
“ถามว่าถ้าลุงพลขอให้กลับไป ผมว่ามีคนรักและช่วยเหลืออีกมาก ผมคิดว่าไม่น่าให้เด็กกะโปโลอย่างผมไปช่วยแล้ว ลุงคงให้คนมีความรู้ความสามารถที่มากกว่าผม และพร้อมช่วยเหลือมากกว่าผม ซึ่งยังมีอีกเยอะ”