“เปิ้ล-จูน” ช็อกโควิด-19 เล่นงาน ยอดขายลดฮวบ ลูกน้อง 100 ชีวิตน้ำตาไหล กลัวต้องตกงาน ตัดใจทิ้งทุกคนไม่ลง แต่ขอลดค่าแรง สลับวันทำงาน ลั่นอุ้มได้เต็มที่แค่ 1 เดือนเท่านั้น หลังจากนี้รัฐต้องช่วยบ้าง ขอให้ช่วยเร็วๆ และครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ โอดเครียดแต่ต้องทำเป็นไม่เครียด
ทุ่มเงินลงทุน 10 ล้านเปิดธุรกิจใหม่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชาบู Sail To The Moon By Nakorn พระราม 3 ไปได้เดือนกว่าๆ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” และ “จูน กษมา ศิลาชัย” ก็มาเจอสถานการณ์โควิด-19 จากทุกอย่างกำลังไปได้สวย คนแน่นร้าน เล่นเอา เปิ้ล-จูน ช็อก ต้องปรับเปลี่ยนหากลยุทธ์เพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอด ซึ่งเปิ้ล-จูน ได้ออกมาเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ณ ตอนนี้ขอเลือกปิดร้าน Sail To The Moon By Nakorn ก่อน ทำเป็นเดลิเวอรี่และไดร์ฟทรูแทน
จูน : “เปิดมาได้เดือนกับอีกอาทิตย์นึงก็เจอโควิด-19เลย”
เปิ้ล : “เราก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนทั้งประเทศ ทั้งโลกก็คาดไม่ถึงหรอกว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้อีกครั้งนึง ก็โดนเข้าเต็มๆ ร้านเราเปิดมาก็มีพนักงานค่อนข้างเยอะอยู่ เกือบ 50 คน 2 สาขารวมกับคุณทองบายนาคร รัชดาซอย 4 ด้วยก็อีกประมาณ 50 คน รวม 2 ร้านก็เกือบ 100 คน เรามีพนักงานที่จะต้องดูแลอยู่เกือบ 100 คนที่พอทางรัฐบาลสั่งว่าให้เปิดได้ถึง 3 ทุ่ม เราก็ปฎิบัติตามนั้นดู”
จูน : “ปฎิบัติได้อยู่ 2 วัน รู้สึกได้เลยว่าลูกค้าทุกคนหวาดกลัวกันหมด จูนเข้ามาเฝ้าร้านลูกค้าที่มาเรารับความรู้สึกเขาได้ เด็กเสิร์ฟและจูนเองที่อยู่ก็ระแวงกันเอง คือต่างคนต่างระแวงกันเอง เลยตัดปัญหาไปเลยดีกว่า”
เปิ้ล : “ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วคุณเป็นซอมบี้หรือเปล่า เหมือนในหนังเกาหลีเลย เรามีความรู้สึกว่าถึงจะเปิดได้ถึง 3 ทุ่มก็ตาม กับสถานการณ์ที่มันโตขึ้นทุกวันแบบนี้ มันก็ทำให้คนกินลดน้อยลงมาก
จากประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เลยดีกว่าที่มานั่ง จากพนักงานของเราที่มีร่วม 100 คนเราก็จะไปลดลง หรือให้เขาหยุดงาน เราก็ทำไม่ได้ เขาก็จะตกงาน ซึ่งมันก็จะไปเป็นภาระของรัฐบาล เป็นภาระของสังคมอีก
ฉะนั้นเราก็เลยคิดกันเอาไงดี เพราะค่าเช่า 2 ที่ก็เป็นล้านนะครับ ค่าใช้จ่าย ค่าแรงงาน เยอะมากๆ มันเป็นภาวะที่เราเข้าใจแหละว่าไม่ใช่แค่เราเจอเท่านั้น คนไทยทั้งประเทศเจอ คนที่เดือดร้อนกว่าครอบครัวเราก็มีน่าจะเยอะมากๆ ยิ่งพ่อแม่พี่น้องที่ทำร้านค้าต่างๆ ทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่อาหารอีก ทุกคนโดนกันหมด
มาถึงตรงนี้เราก็มองหน้ากับจูนว่าเอ๊ะ...เราจะไปต่อยังไงดี ซึ่งสุดท้ายเดลิเวอรี่ ไดร์ฟทูก็เป็นทางออกของเรา ให้เขารับอาหารจากเราไปทานที่บ้าน ก็โอเคนะ ส่วนจะเปิดร้านต่อไหมก็มองหน้ากันสักพักแล้วก็คิดว่าปิดเถอะ”
ลั่นปิดร้านเพราะอยากรับผิดชอบสังคม แต่ยังอุ้มลูกน้องเกือบ 100 คนไว้
จูน : “ที่เราอยากปิดเพราะเราอยากแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยแหละว่าถ้าเรายังเปิดอยู่ แล้วสมมติจริงๆ ว่ามีคนกินแล้วมีไทม์ไลน์มาที่ร้านเรา มันจะหนักไปกว่านี้ ทุกคนจะหนักกว่านี้อีก ก็บอกพี่เปิ้ลเราปิดเถอะ แล้วเราทำเป็นเดลิเวอรี่เหมือนตอนที่เป็นโควิด-19 ครั้งแรกดีกว่า”
เปิ้ล : “แต่มันก็มีคำถามมาอีกว่าถ้าเราปิดร้านแล้วลูกน้องเรา ร่วม 100 คนเราจะทำยังไง เราจะแบกกันไหวเหรอ”
จูน : “แต่มันก็ต้องทำ”
เปิ้ล : “แล้วรายได้มันนิดเดียว แล้วลูกน้องเราจะยังไง เราจะให้เขาหยุด ออกจากบ้านไปครึ่งนึงเหรอ หรือจาก 100 คนเหลือ 20 คนแล้วอีก 80 คนล่ะ จะทำยังไง มีน้องบางคนเขาก็นั่งร้องไห้ เขาก็มาคุยกับเราตอนที่ประชุมกันว่าเราจะไม่ปิดร้านใช่ไหม เราก็ต้องตอบว่าต้องปิด เขาก็น้ำตาไหลเลย แล้วพวกหนูจะยังไง
ก็มานั่งคุยกันว่าไม่ต้องกลัว ทุกคนจะอยู่กับเรา พี่เปิ้ลกับพี่จูนรับผิดชอบเอง เราจะรับผิดชอบทุกคนแต่ขอให้ทุกคนประหยัด ช่วยกันทำเท่าที่เรามี เดลิเวอรี่ก็ช่วยกันส่ง ใครเช็ด ปัด กวาด ล้างต่างๆ ให้มันสะอาด เตรียมทุกอย่างให้พร้อมกลับมา เมื่อไหร่ที่ตัวเลขของคนติดเชื้อทยอยลดลง ทุกอย่างฟื้นกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราจะได้รับเงินเดือนกันเต็มที่เหมือนเดิม แล้วเราจะรีบกลับมาเปิดร้านให้ได้เหมือนเดิม
ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ว่าจะปิดเดือนนี้ทั้งเดือน แต่ก็ไม่แน่ ถ้าโชคช่วยก็อาจจะเหลือ 2 อาทิตย์ก็ได้แล้วค่อยกลับมาเปิด ก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องกัดฟันดูแลรับผิดชอบพวกเราต่อไป”
จูน : “ที่เรารับผิดชอบที่ร้านตอนนี้เด็กๆ ยังอยู่กันครบ เขาก็เข้ามาทำความสะอาดร้าน เรามีอาหารให้ทาน 2 มื้อ ใครไม่มีข้าวกินก็มาทานที่ร้าน แค่นี้เขาก็มาช่วยกันเต็มที่ เห็นแค่นี้เราก็แบบเด็กใจเขาอยู่กับเรา แล้วเราจะไปทิ้งเขาได้ยังไง”
ให้ลูกน้องสลับกันมาทำงาน และลดค่าจ้างลงจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
จูน : “จริงๆ ให้สลับกันมา 2 รอบ เด็กเขาอยากมา อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร เราก็ถ้าอยากมาก็มา แต่ต้องช่วยพี่นะ ก็มาเทรนด์งานกันใหม่เลยว่าใครจะทำอะไรบ้าง เราต้องมอบงานแล้วก็ช่วยกัน เราเห็นแววตาของเด็ก พี่สั่งมาผมทำได้หมด เรารู้เลยว่าเขาลำบากกันจริงๆ นะ”
เปิ้ล : “ค่าจ้างตอนนี้เราดูที่ยอดขายจากเดลิเวอรี่ด้วย จาก 2 เดือนที่เปิดมายอดขายแทบจะไม่มีเลย เพราะยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าทางเราเปิดเดลิเวอรี่แล้ว แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราปิดร้านแล้ว หลายคนมาที่ร้านแล้วเราก็แจ้งเขาไปว่าเราปิด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเดลิเวอรี่มันเป็นยังไง ระบบต่างๆ ร้านนี้ก็ยังไม่เคยทำ
ก็ยังไม่รู้แต่วันนี้เราเซ็ตทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เราก็เลยต้องบอกพนักงานทุกคนให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายหน่อย พี่ขอลดค่าแรงลงนิดนึงนะ มาทำงานวันเว้นวันได้ไหม ในส่วนไหนที่จำเป็นก็ต้องทำงานกันเต็มวันทุกวัน มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้หน่อยนึง อย่างน้อยเด็กก็จะมีเงินไปจ่ายค่าห้องพัก ส่วนค่าอาหารเราเลี้ยงดูปูเสื่อทุกวันอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเลย นอกนั้นก็น่าจะพอที่จะอยู่ได้ แล้วไม่ต้องไปไหนนะ ไม่ต้องกลับบ้านเกิดตัวเอง ไม่ต้องโยกย้ายเพราะเดี๋ยวจะเสียนโยบายของผู้ใหญ่ที่เขาวางมาให้ ก็พยายามทำให้ดีที่สุด”
ไม่ท้อแม้เพราะเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ช็อกเพราะรู้สึกว่ามันมาเร็วเกินไปสำหรับร้านใหม่ ซึ่งก็ต้องรับให้ได้
จูน : “จริงๆ แล้วเริ่มมีข่าวก็เริ่มคุยกันแล้วว่าเราต้องเริ่มเดลิเวอรี่ คือเรามีประสบการณ์ตอนครั้งที่แล้ว ตอนคุณทองบายนาคร อันนั้นยิ่งกว่าเพราะเราตั้งตัวกันไม่ทันเลย แต่พอครั้งที่แล้วเรามีประสบการณ์ เราก็เริ่มเตรียมตัว พอเขาประกาศปุ๊บ เราก็เริ่มประชุม ก็ช็อกเพราะมันเร็วเกินไปสำหรับที่เราลงทุนทำร้านนี้ มันเจอเร็วเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องรับให้ได้”
เปิ้ล : “ถามว่าท้อไหม บอกตรงๆ ว่าไม่ท้อเลย เพราะพอเราเห็นพ่อแม่พี่น้องคนอื่น เราเชื่อเลยว่าเขาเหนื่อยกว่าเรา หนักกว่าเราเยอะมาก เงินร้อยกว่าบาท มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนไทยในตอนนี้ ณ ตอนนี้เหมือนลงทะเลที่เจอคลื่นแล้ว มันไปบ่นไม่ได้แล้ว มีทางเดียวต้องข้ามคลื่นแต่ละลูกไปให้ได้ จนกว่าพายุจะสงบ ก็จะเจอน้ำเรียบ ถ้าท้อจะไม่ทันคนอื่น”
ช็อกที่ผ่านมาขายได้วันละพันกว่าบาทจนเกือบจะคิดปิดกิจการ
เปิ้ล : “เคยคิด แรกๆ แว๊บแรกเลยคือปิดกิจการเลย พอแล้วไม่ทำร้านอาหารแล้ว เจอวันแรกช็อก ขายได้วันละพันกว่าบาท มีลูกน้อง 50 กว่าคน แล้วยอดขายพันกว่าบาทเลยช็อก ตัดสินใจจะปิดร้าน พอไปนอนคิดได้คืนเดียว กลับมาคิดอีกที อาชีพอื่น อสังหาฯ นักบิน หลายคนกลับมาทำร้านอาหารทั้งนั้น ทั้งที่ทำไม่เป็น แล้วเราทำมาเป็นสิบกว่าปี เราจะหนีทำไม ในเมื่อนี่คืออาชีพที่ถนัดด้วย ก็เลยเลิกคิดที่จะหนี ตอนนี้มีทางเดียวคือสู้ แล้วก็สนุกไปกับมัน
ต้องคิดทุกวัน วันนี้เดลิเวอรี่จะคิดเมนูอะไร จะรับ-ส่ง ยังไง จะมีไดร์ฟทรูไหม ขับรถมาจอดหน้าร้านไม่ต้องลงมาแล้วก็โทร.เข้ามาสั่งจะเอาอะไร พอของได้แล้วก็โทร.ไปบอก ค่อยขับรถมา แล้วเอื้อมหยิบของบนโต๊ะกลับ ต่างคนก็ต่างไม่โดนกัน มีการรักษาระยะห่างเกิดขึ้น ความปลอดภัยก็เกิดขึ้น เราก็คิดๆ ว่าจะมีวิธีไหนอีก แล้วก็คิดอีกว่า ทำยังไงให้คนได้กินเหมือนอยู่ร้านด้วย ยังสดอยู่ ดีอยู่ คุณภาพ รวมถึงปริมาณด้วย กลับบ้านไปแล้วแฮปปี้ ได้กินก๋วยเตี๋ยวเรือชาบู กับครอบครัวแล้วสนุกสนานกับการกินเหมือนกินที่ร้าน
เราจะทำยังไงให้เขามีความรู้สึกเหล่านี้ ก็นอนคิดทุกวัน บางวันตี 3 จูนหันมาเห็นพี่เปิ้ลยังกดโทรศัพท์อยู่ นึกว่าส่องไอจีดูบิกินี่ เช้ามาถึงได้เห็นว่า พี่เปิ้ลส่งงานตอนตี 3 ว่าเนื้อต้องแบบนี้นะ กุ้งต้องเอาแบบนี้นะ เราทำงานแบบนั้น ตี 3 ตี4 ตี5 ทำงานตลอด”
รับเครียดแต่ต้องทำเป็นไม่เครียด หาวิธีคลายเครียดด้วยการพาลูกๆ และตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ
จูน : “ตัวจูนมีความรู้สึกแต่ไม่อยากเครียด เพราะเป็นคนแบ่งความรู้สึกไม่ได้เท่าพี่เปิ้ล เพราะจูนรับผิดชอบหลายอย่าง ไหนจะเรื่องลูกอีก ก็คิดกับตัวเองว่าต้องผ่านไปให้ได้ เพราะถ้ามัวแต่เครียดเรื่องนี้ เรื่องอื่นจะพันกันไปด้วย”
เปิ้ล : “คือธุรกิจของครอบครัวเรามีหลายอย่าง ไหนจะร้านอาหาร รวมถึงจูจูเน่ ความสวยความงาม อาหารเสริม ที่กำลังคิดโปรเจกต์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทุกวันนี้จูนยังต้องไลฟ์ขายของ เป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายอาหารเสร็จก็ต้องไปไลฟ์ขายของบิวตี้อีก แล้วก็ยังมีธุรกิจภาพยนตร์ที่กำลังจะฉายเร็วๆ นี้ หนังวางแผนจะออกเดือนหน้า ลงทุนไปตั้งหลายสิบล้าน คือมันทำให้เราคิดว่ามันต้องเลื่อนอีกไหม เพราะเลื่อนมารอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ต้องเลื่อนอีกเปล่า มันจะยังไง เพราะทั้งหมดมันเป็นการลงทุนหมดเลย เงินมันก็ไปจมอยู่ตรงนั้น”
จูน : “ถามว่าเครียดไหม มันก็เครียด ถ้ามันยังทำอะไรไม่ได้ จูนก็ต้องวางไปก่อน เอาหน้างานที่อยู่ข้างหน้าก่อน เอาลูกก่อน แล้วค่อยมาดูงานเก่า เราต้องแบ่งตัวเองให้ได้ เพราะว่าไม่งั้นมันจะพัง แล้วก็รวนไปหมดเลย”
เปิ้ล : “วิธีการปราบความเครียดของเราตอนนี้คือ ถึงเวลาอยู่กับลูก จะพาลูกไปอยู่ภูเขาแล้ว ไปอยู่แม่น้ำ สนามหญ้า เล่นกับลูก พาลูกว่ายน้ำ ออกกำลัง มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราคลายเครียดจากสิ่งเหล่านี้ได้ พอกลับมาถึงก็ต้องอยู่กับมือถือแล้ว ทำงานอีกแล้ว ซึ่งทำตลอดเวลา”
แม้ตอนนี้จะประสบปัญหาแต่ก็ยังมีแผนขยายธุรกิจอยู่
เปิ้ล : “มีตลอด ไม่หยุด สินค้าใหม่ก็ยังมีตลอด บอกเลยว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์หนักหนาแค่ไหน สิ่งที่เราวางแผนไว้ก็ยังเดินตามนั้นทุกวัน เราหยุดไม่ได้ ถ้าเราหยุดเท่ากับเราถอยหลังไปอยู่เส้นสตาร์ท เหมือนเวลาวิ่งมาราธอน คนไปออเส้นสตาร์ททำไม ก็เพราะอยากอยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่คุณอยู่หลังสุด พอเขาสตาร์ทแล้ว คุณก็จะวิ่งอยู่หลังสุด กว่าจะขึ้นไปข้างหน้าได้ก็ลำบาก เพราะงั้นหน้าที่ของเราตอนนี้ก็คือเตรียมตัวให้ดีที่สุดเพื่อที่จะไปอยู่ด้านหน้าเส้นสตาร์ทให้ได้มากที่สุด พอถึงเวลาฟ้าสว่าง เราก็สามารถออกวิ่งได้เลย”
ส่วนภาพยนตร์ที่วางแผนจะเข้าฉายในเดือนกุมภาพันธ์กำลังคิดอยู่ว่าอาจจะเลื่อนออกไปก่อน
เปิ้ล : “เอาตรงๆ เลย เดิมทีหนังจะเข้าเดือนกุมภาพันธ์นี้แหละ เป็นหนังที่พวกเราปั้นมาเป็นปี พอเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็กังวลว่าสิ้นมกราคมจะดีขึ้นไหม แล้วถ้ามันเลทไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ เราก็ไม่น่าจะดันทุรังเนอะที่จะเอาหนังเข้าไปฉาย เพราะรับรองว่าคนยังระแวงอยู่แน่นอน เราอาจจะเลื่อนไปอีก 1-3 เดือน หรืออาจจะรอคนที่เป็นฮีโร่เอาหนังตัวเองเข้าไปฉายเป็นคนแรก เพื่อวัดดวงว่าคนจะกล้าเข้าโรงหนังไหม ก็ต้องปล่อยให้เขาทำไปก่อน ต้องรอดูสถานการณ์อย่างเดียว ไม่แน่พอมีวัคซีนออกมาได้ครบหมดแล้ว ทุกอย่างอาจจะปลดออกมาได้ พวกเราก็จะรอด”
เผยแม้ธุรกิจอาหารจะแย่ แต่ธุรกิจความงานของตนยังไปต่อได้อยู่
เปิ้ล : “รายรับมีอยู่นะ เวลาจูนไลฟ์ขายของก็ได้อยู่”
จูน : “แล้วก็ของเรา จูจูเน่ และอาหารเสริม ก็ยังมีวางขายตามเซเว่น บิ๊กซี โลตัส ท็อป ยังมีช่องทางการวางขายปกติอยู่ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีอยู่”
เปิ้ล : “ร้านอาหารใช้ทุนเป็น 10 ล้าน ถามว่าได้คืนตอนนี้ไหม ไม่ได้แน่ๆ อยู่แล้ว มีทางเดียวคือ อย่าทำให้ขาดทุนในแต่ละเดือน เพราะฉะนั้นถึงได้บอกว่าถ้าไม่ขายเลย ก็จะไม่เกิดรายจ่าย หมายถึงเราก็ไม่ต้องซื้อต้นทุนอาหารมาขาย แต่มันก็อาจจะมีเงินเดือนของพนักงาน ถ้าเราปิดไปเลย ไม่รับผิดชอบเลย ต่างคนต่างไปไม่ทำแล้ว เงินเดือนไม่ต้องจ่าย เนื้อหมูไม่ต้องซื้อมา จบ ไม่มีรายจ่าย
แต่ ณ ตอนนี้เราก็ทิ้งน้องพนักงานไม่ได้ ก็ต้องมีรายจ่ายตรงนี้อยู่ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีรายรับจากการขายอาหาร ทำเดลิเวอรี่เพื่อพนักงานในร้านเลย เพราะว่ายังไงก็ไม่ได้กำไรไม่ถึงตัวเราอยู่แล้ว แต่เราภาวนาขอแค่คนสั่งเดลิเวอรี่เราเยอะๆ เพื่อได้เงินมาเลี้ยงพนักงานเกือบร้อยคนให้พอก็พอแล้ว”
เชื่อเริ่มต้นใหม่ได้ ฟุ้งถ้าไม่มีโควิด-19 ทุกอย่างกำลังไปได้สวย
เปิ้ล : “ถ้าไม่มีโควิดก็คงไม่นานก็คืนทุนอยู่แล้ว เพราะมันก็ขายได้ มันอร่อย คนกินเยอะนะ กำลังดีใจมากๆ ร้านเราคนเต็มไปได้สวยเลย ภูมิใจมาก เนื้อก็ดี พนักงานก็ดี ทุกอย่างภูมิใจมากๆ เลย”
จูน : “แต่ไม่เป็นไร เราเริ่มใหม่ได้”
เปิ้ล : “ปิดร้านครั้งนี้เพื่อแสดงความรับผิดชอบในช่วงโควิด ถึงเวลาน้ำท่วมเราก็ไปช่วย พอมาถึงเหตุการณ์แบบนี้อย่างน้อยเราก็ช่วยคนไว้สักร้อยคนก็ถือว่าเราน่าจะมีส่วนร่วมที่จะได้ช่วยประเทศสักครั้งหนึ่งด้วย”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ วอนขอรัฐบาลช่วยเหลือผู้คนให้เร็วๆ ซึ่งตนสามารถแบกภาระเช่นนี้ได้แค่ 1 เดือนเท่านั้น หากมากกว่านั้นคงต้องพึ่งความช่วยเหลือจากรัฐบาล
เปิ้ล : “ขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศที่เป็นคนทำมาค้าขายทุกสาขา ไม่ว่าจะอาชีพใดก็ตาม เราก็เข้าใจว่าทางรัฐบาลตระหนักทุกหน่วยงานคิดทุกวิถีทางที่จะช่วยคนไทยให้รอดพ้นไปจากวิกฤตนี้ให้ได้มากที่สุด เราแค่อยากจะให้เขาช่วยคนที่ลำบากที่สุดก่อน
เอาตรงๆ ครอบครัวเรายังพอดูแลร้อยคนได้ แต่อีกหลายล้านคนให้รัฐบาลงไปดูแลเขาให้มากกว่านี้ มีนโยบายต่างๆ เงินเจียดไปให้เขาเร็วกว่านี้ และให้ครบทุกคนมากกว่านี้ เพราะว่าบางคนจะรออีกตั้งเดือนหนึ่ง จะไปยืมใครมาอีกก็มีปัญหานอกระบบอีก
ก็อยากจะให้ทำให้เร็วที่สุด รู้ว่าทางผู้ใหญ่เหนื่อยกันทุกคน ที่สำคัญพ่อแม่พี่น้องทุกคนเองก็ต้องอย่าไปท้อ ต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองในทุกๆ ทางเหมือนกัน ทำอะไรได้ทำไปก่อน ช่วยตัวเองได้ช่วยตัวเองให้เต็มที่ไปก่อน เราก็ไม่มีความรู้พอที่จะไปขอผู้ใหญ่ให้ได้ยังไง คนที่รับผิดชอบทางด้านเศรษฐกิจน่าจะมีไอเดียมีทางออกที่ดีกว่าเราเยอะมากที่เตรียมไว้แล้ว
สำหรับเราคิดว่าตัวเองน่าจะแบกรับลูกน้องร่วมร้อยคนได้ในหนึ่งเดือนน่าจะได้อยู่ แต่ถ้า 2 เดือน รัฐบาลครับช่วยอะไรเรามากกว่านี้ได้ไหมคนละครึ่งเขาก็ทำไปแล้ว คนละครึ่งหรือไม่คนละครึ่ง ขอเร็วๆ หน่อย เอาเร็วๆ และเอาให้ครบด้วย เอาให้ตรงๆ กันด้วย พอตรงกันปุ๊บประชาชนก็จะไม่เป๋
ถือว่าช่วยๆ กัน เราก็พยายามทำให้เต็มที่ ร้านของเรา Sail To The Moon By Nakorn พระราม 3 และ คุณทองใบบายนาคร พระราม 9 สองร้านนี้ตอนนี้เรามีเดลิเวอรี่แล้ว ทั้งไดรฟ์ทรูด้วยสามารถขับรถมาสั่งอาหารแล้วมารับที่ร้านเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่ามอเตอร์ไซต์เยอะ เรามีอาหารทั้งซีฟู้ด ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ เนื้อกะทะร้อน หมูด้วย สั่งไปทานที่บ้าน เข้าไปดูได้ที่ไอจี ขุนทอง บาย นาคร หรือ ไอจี Sail To The Moon By Nakorn พระราม 3 ที่เพจมีเบอร์โทร.อยู่โทรสั่งได้”
จูน : “ง่ายๆ เข้าไอจีจูนกับเปิ้ลก็ได้ค่ะ จะมีรายละเอียดครบทุกอย่างอยู่ในนั้นค่ะ”