บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัลวิลเลจ จับมือพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, มาสเตอร์การ์ด, บริษัท แพลน บี มีเดีย จํากัด (มหาชน), บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วันสามสิบเอ็ด จำกัด (ช่อง ONE 31) สร้างปรากฏการณ์งานเคาท์ดาวน์ข้ามปีรูปแบบ New Normal ระดับโลก “centralwOrld bangkOk cOuntdOwn 2021 – A Symbol of Hope” ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่านทางช่อง ONE 31, LINE TV, Bangkok Post, Workpoint Entertainment, Post Today และ centralwOrld Facebook ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลกก็สามารถรับชมการแสดงสุดประทับใจได้ ด้วยเซอร์ไพรส์โชว์เพลงแห่งความหวัง และไฮไลท์นับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2021 ด้วยไฮไลท์โชว์พลุสุดตระการตาต่อเนื่อง 5 นาที ในธีม ‘A Symbol of Hope’ สร้างสัญลักษณ์แห่งความหวัง เป็นตัวแทนประเทศไทยส่งต่อพลัง Meaningful Positivity ส่งต่อพลังจากคนไทยให้กำลังใจคนทั่วโลก ให้สมกับที่เป็น Times Square แห่งเอเชีย
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่แลนด์มาร์กเคาท์ดาวน์ทั่วโลกได้พร้อมใจกันปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน โดยรณรงค์ให้ทุกคนเฉลิมฉลองอยู่ที่บ้าน รวมถึงที่เซ็นทรัลเวิลด์ แลนด์มาร์กเอ็นเตอร์เมนท์เคาท์ดาวน์ชั้นนำระดับโลกของประเทศมากว่า 20 ปี สำหรับไฮไลท์เด็ดของการฉลองเคาท์ดาวน์ในปีนี้คือพลุฉลองเทศกาลปีใหม่ที่จุดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ A Symbol of Hope สัญลักษณ์แห่งความหวัง ส่งต่อ Meaningful Positivity พลังจากคนไทยให้กำลังใจคนทั่วโลก มีความตระการตาต่อเนื่องยาว 5 นาที พร้อมผสานเทคนิค Digital Synchronization ในรูปแบบสื่อผสม Audio & Visual Graphic Art อลังการบนจอ the panOramix ที่ยาวที่สุดในโลก ให้สมกับดีกรีแลนด์มาร์กเอ็นเตอร์เทนเมนต์เคาท์ดาวน์ที่ดีที่สุดตลอดกาล ปิดท้ายค่ำคืนด้วยการนับถอยหลังพร้อมกันกับเซ็นทรัลเวิลด์ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2021 ด้วยไฮไลท์พลุสุดตระการตาต่อเนื่อง 5 นาที ในธีม ‘A Symbol of Hope’ สร้างสัญลักษณ์แห่งความหวัง เป็นตัวแทนประเทศไทยส่งต่อพลัง Meaningful Positivity ส่งต่อพลังจากคนไทยให้กำลังใจคนทั่วโลก ให้สมกับที่เป็น Times Square แห่งเอเชีย
ครั้งแรกกับการชมพลุย้อนหลังแบบ 5G and VR Live Broadcast สุดล้ำ ด้วยการร่วมมือครั้งสำคัญระดับอินเตอร์ กับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด (Huawei) และ บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) หรือ Bangkok Post ให้ทุกท่านได้รับชมการแสดงพลุ A Symbol of Hope ย้อนหลังแบบจุใจอย่างง่ายๆ เพียงสแกน QR Code ภายในศูนย์การค้า หรือดาวน์โหลด VR Application เพื่อรับชมแบบคมชัดบนมือถือของท่าน หรือรับชมที่จุด VR Experience ได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 7-18 มกราคม 2564
ความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้การแสดงพลุ A Symbol of Hope ทั้ง 4 องก์ ได้แก่
• องก์ที่ 1 : Spirit of Togetherness “ความสามัคคี” ของคนทั้งโลก คือวัคซีนล้ำค่า สื่อถึงจิตวิญญาณของผู้คนทั่วโลกที่ร่วมมือร่วมใจกันอย่างสมัครสมานสามัคคี เพื่อร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19
• องก์ที่ 2 : Believe in Positivity ส่งต่อ “พลังใจ” สู้ไปด้วยกัน สื่อถึงประกายแห่งความคิดบวก และการร่วมกันส่งพลังใจให้กับเพื่อนร่วมโลก
• องก์ที่ 3 : Reunite Thailand & Our World เพื่อพวกเรา เพื่อประเทศชาติ เพื่อโลกของเรา พลุสามสี สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของสีของธงไตรรงค์และสีของปลากัด สัตว์น้ำประจำชาติไทย สื่อถึงความสง่างาม ทรงพลัง อ่อนช้อย แต่มีความเป็นนักสู้อยู่ในตัว
• องก์ที่ 4 : There is Always Hope ความหวังเป็นพลังของชีวิต พลุหลากหลายสีสัน สื่อถึง diversity ของผู้คนทั่วโลก และเน้นการใช้สีแดง ซี่งเป็นสีของกาชาดสากล เพื่อส่งต่อพลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19
เซ็นทรัลเวิลด์ในฐานะตัวแทนประเทศไทยและแลนด์มาร์กเอ็นเตอร์เทนเมนต์เคาท์ดาวน์ระดับโลกของประเทศมากว่า 20 ปี ขอร่วมส่งต่อพลัง Meaningful Positivity ให้กำลังใจคนทั่วโลก จุดประกายความหวังให้ทุกคนอดทน ไม่ย้อท้อ ช่วยกันส่งผ่านกำลังใจจากคนไทย ให้กับคนทั้งโลกที่กำลังร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปพร้อมกันอย่างเต็มไปด้วยความหวังที่เชื่อมั่นว่า เราจะสามารถเอาชนะได้ในที่สุด
เรามีความห่วงใยในความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกค้าทุกคน และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ในการคุมเข้มมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด ลดความแออัด เน้นวินัย รักษาระยะห่างแบบ New Normal โดยทางเซ็นทรัลพัฒนาพร้อมให้ความร่วมมือกับทางสาธารณสุข และสำนักงานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) อย่างเต็มที่ รวมทั้งสร้างมาตรฐาน New Norm ด้วยแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ที่ออกแบบ Journey การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างละเอียดและรอบคอบ ทำให้สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกสถานการณ์” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวทิ้งท้าย