“เขื่อน เคโอติก” กับชีวิตสุดโต่ง โลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงกับผู้ชาย เปิดตัวเป็นLGBTQ+ กับชีวิตป่วยจิต
จากการเป็นนักร้องบอยแบรนด์แต่เป็นแต๋ว กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นนักบำบัดจิตป.เอก ดีกรีอังกฤษ
แม้หลังๆ จะไม่ค่อยได้เห็นผลงานของ “เขื่อน ภัทรดนัย เสตสุวรรณ” หรือ “เขื่อน เคโอติก” อดีตบอยแบรนด์ในวงการบันเทิงแล้ว แต่ก็ยังมีข่าวของเขื่อนให้เป็นกระแสฮือฮาตลอด กับพฤติกรรมสุดโต่งไม่แคร์โลกของเจ้าตัว
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานเปิดตัวสามีกระทั่งเลิกกัน ไปจนถึงการแต่งตัวของเขื่อนที่บางวันก็เป็นบอย บางวันก็บอยแบบแต่งกระโปรงทาปาก คือจะหญิงก็ไม่หญิงไปเลย จะชายก็ไม่ชายไปเลย เรียกว่าวันไหนพอใจแบบไหนก็จะทำแบบนั้น การก้าวข้ามความธรรมสามัญของบุคคลทั่วไป หรือตามแบบอย่างที่คนอื่นเป็น ทำให้เขื่อนถูกจับตามองในความกล้าความแปลก จนกลายเป็นไอดอลของ LGBTQ+
ล่าสุดเขื่อนก็ได้ออกมาเผยถึงจุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นมาใส่กระโปรง และเล่าเรื่องราวในอดีต ครั้งที่เป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ การใช้ชีวิตแบบไม่แคร์เพศ และการบำบัดจิต พร้อมเปิดอีกมุมของชีวิตให้ได้เห็นกัน ผ่านรายการแฉ ทางช่อง GMM25 แบบหมดเปลือกว่า
“ตอนได้เข้ามาเป็นนักร้อง ออกเพลงมา 2 เพลง แล้วดังมากจนปรับตัวไม่ทัน เหมือนชีวิตมันพลิก แล้วตามไม่ทัน
จนกดดันตัวเอง ว่าอยากทำให้ดีที่สุด แล้วมันไม่มีพื้นที่ให้ตัวเองพลาดเลย จนเป็นภาวะซึมเศร้า เริ่มกินยาตั้งแต่ 14-15 เพราะเป็นหนักมาก ถึงขั้นนอนไม่ได้เครียด แต่พอ 3 2 1...ทำงานก็ยิ้มแย้ม มีความสุข ดูแลทุกคน
แต่พอกลับบ้านทำอะไรไม่ได้เลย เพราะกดดันหลายเรื่องมาก ถามว่าเจออะไรมาเยอะไหม ไม่รู้จะเทียบกับใคร แต่สำหรับเขื่อนแล้ว ก็ค่อนข้างระดับหนึ่งค่ะ”
โดนค่ายบรีฟ สั่งห้ามเปิดตัวเป็นเกย์
“เขื่อนรู้ว่าเขื่อนแตกต่างมาตลอดตั้งแต่เด็กเลย แต่ไม่รู้ว่าความแตกต่างนี้นิยามว่าอะไร แล้วพอเราเข้าค่าย เราโตขึ้น เราก็รู้แล้วว่าความแตกต่างนี้คืออะไร ก็มีการบรีฟขึ้นว่า ตอนนี้เรามาทำแบบนี้แล้วนะ เราไม่ได้อยู่คนเดียว เราอยู่เป็นทีม เราจะเปิดตัวไม่ได้ พอเปิดตัวไม่ได้ เราก็จะกดดันหลายๆ อย่าง เพราะเวลาคนจี้ถาม เขื่อนก็ตอบได้ไม่เต็มที่ครับ เพราะว่ามันเป็นงานของเรา ถ้าเราเปิดตัว แล้วเอฟเฟคที่จะกระทบกับเพื่อนอีก 4 คน เท่ากับเราทำเรือล่ม ไม่ได้ครับ”
เป็นเด็กชอบสอบชิงทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
ไม่ได้เรียนเก่ง แต่ขยันอ่านเอา
“สอบชิงทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศตั้งแต่อายุ 11 ไปมาทั้งอิตาลี จีน ญี่ปุ่น จบปริญญาตรีที่ประเทศไทยและต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษโดยใช้ทุนทั้งหมดครับ
จริงๆ เขื่อนเรียนไม่เก่งนะครับ แต่พอเรารู้จุดอ่อนว่าเราเรียนไม่เก่ง จำได้ไม่เร็ว ก็เน้นอ่านเอา ทำเยอะๆ”
ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่อังกฤษ
เกี่ยวกับการบำบัดจิตด้วยปรัชญาชีวิต
“กำลังเรียนปริญญาเอก เกี่ยวกับจิตบำบัดด้วยปรัชญาชีวิต คือจะเป็นการเอาความคิดของนักปรัชญามาปรับใช้ในการบำบัดจิต ว่าสุดแล้วความหมายของชีวิตคืออะไร ความวิตก ภาวะความเศร้าของมนุษย์คืออะไร ความทรมาน ความทารุณคืออะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็มาบำบัด”
ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ป่วยจิตคุณแม่เป็นซึมเศร้า ส่วนพี่สาวเป็นออทิสติก
“ถ้าเรียนจบ ก็เป็นนักจิตวิทยาจากอังกฤษเต็มตัวเลยครับ เกี่ยวกับจิตบำบัดเลยโดยตรง คือมันเริ่มจากอินสปายที่ว่า เขื่อนโตมาคุณพ่อกับคุณแม่เขื่อน พูดตรงๆ เลยว่า มีเขื่อนเพราะอยากให้ดูแลพี่สาว พี่สาวเขื่อนคือเกิดมาแล้วเป็นออทิสติก ก็คืออ่านเขียนไม่ได้ เข้ากับภาวะสังคมค่อนข้างยากเพราะฉะนั้นที่บ้านตั้งใจมีเขื่อน เพื่อมาดูแลพี่ โตมาเขื่อนก็เห็นพี่โดนบูลลี่ โดนผลักตกบันได โดนแกล้ง เราก็รู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีหลายๆ อย่างที่คนที่เป็นออทิสติก ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จริงๆ
แล้วสำหรับเขื่อน ไม่ต้องถึงกับรักษาก็ได้นะครับ แต่อยากให้คนรู้มากขึ้น ว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่นะ ถ้าเกิดในโรงเรียนมีตรงนี้เพิ่มขึ้น เด็กหลายๆ คนที่เขาต้องการโอกาส ก็จะได้มีโอกาสมากขึ้นครับ”
ใส่ใจและเต็มที่กับพี่สาวมาก เพราะโดนปลูกฝังมาตลอดว่าต้องดูแลให้ดีที่สุด
“เราต้องเต็มที่ครับ โตมาก็จะได้ยินตลอด นั่งกินข้าวที่บ้าน ทุกคนก็จะพูดตลอดว่าดูแลพี่นะ บางทีเรียนเสร็จกลับมา ที่บ้านก็จะคอยบอกว่าอย่าลืมดูแลพี่นะ เพราะฉะนั้นแต่ก่อนเวลาเรียนเสร็จ ป.3 - ป.4 ก็ไม่ได้เล่นต่อนะ ก็คือยืนรอกลับพี่ พาพี่กลับบ้าน ดูแลพี่ต่อ ตั้งแต่เด็กๆ เลย ซึ่งเราก็ดูแลเต็มที่ครับ”
นอกจากพี่สาวจะเป็นออทิสติกแล้ว คุณแม่เองก็มีภาวะซึมเศร้า และไบโพลาร์ ต้องหาหมอและกินยา เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกเรียนเกี่ยวกับจิตบำบัด
“แม่มีภาวะซึมเศร้า แล้วก็มีไบโพลาร์ด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจไปเรียนที่อังกฤษ พาคุณแม่ไปเข้าการบำบัด
ทานยา แล้วจำได้เลยว่ามีวันหนึ่ง คุณแม่จับมือเขื่อนแล้วร้องไห้ ท่านบอกว่าถ้ามีโอกาสรู้ ว่ามีอะไรอย่างนี้ มีคนมาช่วยเร็วกว่านี้ คงได้ใช้ชีวิตเต็มที่กว่านี้ วันนั้นเขื่อนรู้เลย ว่าเราต้องทำแล้ว”
ตอนนี้กลับมาอยู่ไทยเป็นบัดดี้คุณแม่ แต่ยังบินไปมาอังกฤษอยู่ ทำงานจิตบำบัด โดยรักษาผ่านทาง ZOOM ได้เงิน 3 พันต่อ 50 นาที
“ไปๆ มาๆ ครับ มาดูแลคุณแม่ ส่วนคุณพ่อเพิ่งเสียไปช่วงโควิด-19 เลยครับ มาอยู่เป็นบัดดี้กับคุณแม่ ถ้าไม่ติดโควิดก็อาจจะยังทำงานฟูลไทม์อยู่ที่อังกฤษ แต่ตอนนี้ก็ยังทำจิตบำบัดกับคลีนิคที่อังกฤษอยู่ เป็นการคุยผ่านทางออนไลน์23.00 - 02.00 น. รักษาผ่าน ZOOM เอา
แต่ก็มีเป็นอาสาด้วย แล้วก็ได้เงินด้วย เรตเงินที่ได้ประมาณ 50 นาทีต่อ 70 ปอนด์ (ประมาณ 3,000บาทไทย) วันหนึ่งที่เคยรับมากสุดก็คือ 6-7 เคส”
ว่างจากงานก็เอาความรู้เรื่อง LGBTQ+มาแชร์ให้สังคมได้รับรู้และทำความเข้าใจมากขึ้น ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่เพศชายเพศหญิง
“เวลาว่างที่เหลือก็เอามาทำให้คนรู้เพิ่มมากขึ้นว่า
LGBTQ+คืออะไร มันคือคอมมูนิตี้ของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานเจนเดอร์ และอีกมากมาย ทำให้รู้ว่าโลกเราไม่ได้มีแค่ผู้หญิงผู้ชาย แต่มันเป็นโลกที่เปิดกว้าง”
“จุดเริ่มต้นที่ลุกขึ้นมาใส่กระโปรง จริงๆ เขื่อนใส่มาสักพักแล้วนะครับ ตั้งแต่เรียนปริญญาโท ปริญญาเอก ก็ทาปาก ใส่กระโปรงไปเรียนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้นำเสนอในโซเชียลมีเดียมากกว่า อยากใส่ก็ใส่ครับ เพิ่งจะเอามาลงในโซเชียลช่วงๆ เพราะคิดว่าพร้อมแล้ว ที่จะให้โลกเห็นในอีกมุมหนึ่งของเรา ที่ตัดสินใจใส่กระโปรงครั้งแรก
ก็คือนั่งเขียนข่าวอยู่บ้าน แล้วก็รู้สึกว่าวันนี้ไม่อยากใส่บ็อกเซอร์ ไม่อยากใส่กางเกง มันไม่สบาย แล้วมีกระโปรงของเพื่อนอยู่ ก็ลองเอามาใส่ แล้วก็รู้สึกว่าเออ...มันสบาย มันชิลจังเลย ลมเข้ามามันเย็น”
แต่งแบบนี้เป็นปกติตอนอยู่อังกฤษ ก็มีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ
“ตอนอยู่อังกฤษเราก็แต่งตัวชุดผู้หญิงเป็นปกติ
ถามว่าคนอังกฤษรับได้ไหม ก็มีสองแบบ มีที่เดินมาแล้วบอกว่ายูดูโอเคก็มี หรือเดินเข้ามาแล้วบอกว่า What the fxxx ก็มี แต่ว่าเขื่อนเลือกที่จะรับกับความคิดเห็น ที่เป็นบวกและเป็นลบได้แล้ว ซึ่งสำหรับคนที่เข้ามาพูดไม่ดีกับเรา เขื่อนก็บอกเลยว่า ถ้าเกิดคุณมีปัญหากับชุดฉัน
คุณต้องไปจัดการกับตัวเองก่อน ปัญหาของฉันฉันจัดการแล้ว”
เผยชีวิตรักหลังจากแยกทางกับ “เดเมียน” สามีชาวต่างชาติ ก็ยังไม่อยากมีรักใหม่ มีอะไรต้องทำหลายอย่าง กลัวจะดูแลอีกฝ่ายได้ไม่ดี รอให้พร้อมที่สุดก่อนดีกว่า
“ในเรื่องความรักตอนนี้ เขื่อนเรียนด้วย เขียนวิทยานิพนธ์ด้วย ทำงานกับคลีนิคที่อังกฤษ และดูแลที่บ้าน ถ้าวันนี้มีใครเข้ามา เขื่อนรู้สึกว่าเขื่อนดูแลเขาได้ไม่ดีที่สุด เขื่อนไม่เอาดีกว่า ดูแลคุณแม่กับคุณพี่ให้ดีที่สุดก่อน ตอนนี้ยังดูแลตัวเองให้ดีไม่ได้เลย เราจะไปดูแลใครได้ครับ ก็มีคนมาจีบบ้าง แต่ความที่เวลาเขื่อนมีแฟน เราชอบดูแลเทคแคร์ พอไม่ได้ทำ เราก็จะรู้สึกไม่ดี
รอให้พร้อมที่สุดดีกว่า”
เปิดในอยากมีลูก แต่ตอนนี้คงทำได้แค่ไปอุปการะมาเลี้ยง ก็ต้องรอกูโอกาสต่อไป ตอนนี้ยังมีหน้าที่ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก คาดจบเมื่อไหร่คงกลับมาอยู่ไทยแบบยาวๆ
“อยากมีลูกครับ ด้วยหลายๆ เหตุผล แต่ว่าวันนี้ถ้าจะมีลูกคงไม่ได้มีของเขื่อนเอง คงจะอุปการะมาเลี้ยง เพราะรู้สึกว่ามีน้องๆ หลายคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
จะเป็นเด็กฝรั่งหรือเด็กไทย ตอนนี้อยู่ไทยก็คงจะเป็นเด็กไทยครับ ก็ต้องรอดูโอกาสด้วยครับ แต่ถามว่าจะกลับไปอยู่อังกฤษไหม คือตอนนี้เขื่อนมีหน้าที่ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก ก็ต้องให้จบตรงนี้ด้วย ถ้าจบแล้วก็คงจะอยู่ไทยยาวครับ ตอนนี้คือไปกลับๆ แต่พอมีโควิด จะไปจะกลับแต่ละทีก็ต้องกักตัว ช่วงนี้เลยยังไม่กลับดีกว่าครับ”