xs
xsm
sm
md
lg

“ธีร์” เผยโอกาสที่ 2 ของการมีชีวิต พูดอย่างไม่อาย เอาเงินบริจาคไปซื้อบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธีร์” เผยชีวิตใหม่ หลังป่วยเป็นวัณโรคใกล้ตาย ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อมาม่ากิน รอดชีวิตมาได้เพราะฮึดสู้สะกดจิตตัวเองให้แข็งแกร่ง ยอมรับแบบไม่อายเอาเงินบริจาคไปซื้อบ้าน เพราะไม่มีบ้านอยู่ที่ถาวร จากนี้ไปจะขอเป็นคนดีทำความดีตอบแทนสังคม ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือในวันที่เหลืออะไร

ตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ธีร์ ภูมิธนะวัชน์ บุญลือประดิษฐ์” ที่ป่วยเป็นวัณโรค ซูบผอมเหลือแต่กระดูก กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว ทำให้ธีร์ออกมาไลฟ์สดร้องไห้ขอความเห็นใจจากประชาชนชาวไทย จน “เอ็มมี่ อมลวรรณ กิตติศิริรัตน์” มาเห็นเข้าจึงช่วยแชร์ทำให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือลงขันได้รับเงินบริจาคถึง8ล้านบาท

“ผมสบายดีแล้วครับ หายแล้วกลับมาทำงานได้ ถ่ายละครได้ ออกรายการได้ มีรายการอะไรให้ไปออกยินดีมากครับเป็นแอคติ้งโค้ช บริหารกองถ่าย รับทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ผมหายมาได้ซัก4-5เดือนแล้ว ก็เริ่มมีงานติดต่อเข้ามา รีวิวสินค้าอะไรก็รับหมดไม่เลือกงานไม่ยากจน"

ได้โอกาสที่2ของการมีชีวิตต่อจากนี้ขอดูแลแม่ให้ดีที่สุด
"เราผ่านช่วงเวลาความเป็นความตายมาได้ตอนที่ป่วยคิดว่าตัวเองไม่น่าจะรอดแล้ว พอรอดกลับมาได้ เราก็ได้คิดว่าช่วงเวลาของคนที่ใกล้จะตายมันได้รู้สึกอย่างไรมันได้คิดถึงอะไรบ้างในช่วงเวลานั้นแล้วถ้าเรามีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเราจะปฎิบัติตัวอย่างไร เราจะทำอะไรกับสิ่งที่มันยังค้างคาใจเราอยู่หรืออยากจะทำอะไรให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วเรายังไม่ได้ทำ สำหรับธีร์สิ่งที่ขาดหายไปในช่วงที่ยังแข็งแรงดีในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เราเป็นวัยรุ่นเราไม่ค่อยได้เอาใจใส่คุณแม่ไม่มีเวลาให้ท่าน ตอนนี้กลับมามีชีวิตใหม่ ถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่กับเราในช่วงวินาทีชีวิตที่วิกฤตที่สุดก็คือคุณแม่ธีร์เลยได้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งตอนนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ก็อยากจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด คุณแม่อายุมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ซีกขวาอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัด”

กอดแม่ร้องไห้ขอลาตาย

“ตอนนั้นคิดว่าเราไม่ไหวแล้ว ตัวเองคงจะต้องตายแล้วแหละไม่น่ารอดก็คิดหาวิธีว่าจะตายยังไง เราจะกลั้นใจตายไปเลยดีไหมหรือยังไงดี เราก็เข้าไปกอดแม่บอกเขาไม่ไหวแล้วแม่ ลูกต้องไปแล้วแหละ(เสียงสั่น คำตาคลอ)แม่ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน แม่ก็บอกว่าไม่ได้ต้องอยู่ด้วยกัน แล้วก็กอดกันร้องไห้วินาทีที่กอดกันร้องไห้นี่แหละมันทำให้เรารู้เลยว่าเรายังตายไม่ได้ มันไม่มีใครรักเราอีกแล้ว นอกจากแม่ของเรา แล้วถ้าเราตายไปแม่จะอยู่กับใครเพราะแม่ก็เหลือเราอยู่แค่คนเดียว เลยทำให้มีแรงสู้ ทิ้งความกลัว ความขี้ขลาดความไม่กล้าเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราก็ลุกขึ้นมาบอกกับตัวเองว่า ได้! ลูกจะแข็งแรงลูกจะกินข้าว ลูกจะเดินให้ได้ ลูกจะกลับมาดูแลแม่”

สะกดจิตตัวเองให้กินทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหาย ลั่นโรคร้ายทำอะไรไม่ได้ถ้าใจเราสู้

“หลังจากนั้นก็กินข้าว กินๆสะกดจิตตัวเอง มันเลยทำให้เรารู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมันอยู่ที่จิตใจของเราไม่ว่าคุณจะป่วยเป็นอะไร
เป็นมะเร็ง เป็นโรคร้ายแรงมันอยู่ที่ใจคุณเลยว่า คุณจะสู้กับมันไหม ถ้าคุณสู้โรคร้ายทำอะไรคุณไม่ได้แล้วอีกอย่างที่เป็นยาที่ดีที่สุดเลยสำหรับธีร์คือความรักของแม่ความรักจากคนรอบข้างของเรา อย่าทอดทิ้งความรักของพวกเขาที่เขาให้เรา มันดีมากจริงๆ มันเป็นยาที่วิเศษที่สุดเลย”

“ในตอนนั้นเรากินข้าวไม่เคยได้กินข้าวไม่เคยอร่อยเลย แต่ก็ต้องอดทนกินข้าวให้ได้ เราต้องกินข้าวให้หมดทำอย่างนั้นอยู่ 2 เดือน อยู่ๆจากคนไข้ติดเตียงก็ลุกขึ้นมาเดินได้ จากนั้นก็เริ่มกายภาพบำบัดตัวเองเริ่มทักทายเพื่อนฝูงทุกท่านที่เคยช่วยเหลือเรา ตอนนี้หายแล้วได้กลับมาทำในสิ่งที่คิดไว้ในช่วงที่เราอยู่กับความเป็นความตายคือได้กลับมาดูแลแม่ก็อยากจะใช้เวลาของตัวเองที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อดูแลแม่อย่างดีที่สุด"

สำนึกบุญคุณแม่เหลือมาม่าห่อเดียว ยังให้ลูกกินก่อน
“ในตอนนั้นที่เราไม่มี มันก็คือไม่มีจริงๆ มาม่าห่อนึงแบ่งกับแม่กิน แม่ถามหิวไหมแม่จะทำกับข้าวให้กิน แม่ก็บอกว่ามีมาม่าอยู่ห่อนึง แม่เขาก็โกหกว่าเขากินแล้วแต่เรารู้ว่าเขายังไม่ได้กิน เขาก็อดเพื่อให้เราได้กิน เราก็กินไปนิดนึงแล้วก็แบ่งให้แม่ เพราะถ้าแม่ไม่กินผมก็ไม่กินมันทำให้ผมจำได้ว่าในช่วงเวลาที่เราไม่มีเงิน เราไม่มีจะกินมันเป็นยังไง"

"เงินที่ได้มาตอนนั้นผมเอาเงินไปซื้อบ้านมา 1 หลัง เป็นบ้านมือ 2 เงินที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้ให้ได้นานที่สุดตอนนี้ก็พยายามหางาน ทักไปหาคนที่เราเคยรู้จักถ้ามีโอกาสอะไรให้เราทำที่เราสามารถทำได้ขอเราทำด้วย จะได้มีเงินไปดูแลแม่ต่อเพราะตอนนี้แม่ต้องใช้เงินแล้ว แม่มีสิทธิ์ตามบัตรทองก็จริงแต่เราก็อยากให้แกได้บำรุง อยากหาเงินซื้ออาหารเสริมสุขภาพแม่ เพราะแม่เป็นเบาหวานความดัน เก๊า แล้วก็ปลายประสาทอักเสบทำให้ซีกขวาแกขยับไม่ได้ก็ต้องซื้อยาพิเศษเสริมเพิ่มให้แก”

"ปีที่แล้วที่เราเป็นผู้ป่วยติดเตียง แม่ยังแข็งแรงดี หาข้าวดูแลเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวให้เรา คือทำให้ธีร์ทุกอย่าง ตอนนี้ก็สลับกันตอนนี้แม่อ่อนแรงลง ธีร์ก็ต้องทำให้แม่บ้าง เราต้องทำหน้าที่นั้น เปลี่ยนแพมเพิสเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวแม่ เราเลยได้รับรู้ความรู้สึกนั้น เนี่ย...ขี้เยี่ยวของแม่ที่เราทำให้กัน มันไม่ได้ครึ่งกับตอนที่แกทำให้เราในตอนที่เรายังเล็กๆ ที่แกเลี้ยงเรามาจนโต หรือตอนที่เราเป็นผู้ป่วยติดเตียง มันไม่ได้ครึ่งเลยจริงๆ มันเลยยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่า เวลาที่เหลืออยู่ของเรา เราจะดูแลแม่และคนที่เรารักรอบข้างเรา”

ระหว่างที่มาทำงานที่กรุงเทพเพื่อนบ้านอาสาดูแลแม่ให้
“มีข้างบ้านช่วย เป็นน้องที่น่ารักมากๆ เขาบอกไม่ต้องจ้างหนูนะ หนูอยากจะดูแลยายเหมือนกับที่หนูดูแลแม่ตัวเอง ก็รู้สึกว่าเราได้กัลยาณมิตรที่ดีมีน้ำใจ ช่วยเหลือดีมาก รู้สึกขอบคุณชีวิตตัวเอง เรานี่เป็นคนที่โชคดีมากๆ โชคดีเหลือเกิน ที่มีกัลยาณมิตรที่ดี ทั้งคนรอบข้าง พี่น้องในวงการบันเทิงและประชาชนทั่วประเทศ และต่างประเทศที่ช่วยเหลือเราเข้ามา โซเชียลมันมีพระคุณต่อเรามาก พระคุณจากคนไทยทั่วประเทศมันมีพระคุณต่อเรามาก พอธีร์ลุกขึ้นมาได้ ธีร์ก็บอกกับตัวเองว่าจะรักคุณแม่ให้มากๆและจะทำประโยชน์ให้กับสังคม แบ่งปันน้ำใจของเราเล็กๆ น้อยๆ ตามกำลังของเราอย่างตอนนี้ก็ช่วยเหลือพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชที่กำลังประสบอุทกภัยอย่างหนักอยู่”

อยากเจอและกราบขอบคุณ “เอ็มมี่”
“ก็มีหลายๆ คนถามว่าเราร่วมงานกับน้องได้ไหม ต้องบอกว่าตั้งแต่ตอนที่ธีร์ป่วยจนถึงตอนนี้น้องก็ยังเป็นผู้ที่มีพระคุณกับธีร์อยู่ครับ สำหรับธีร์ร่วมงานกับน้องได้ อยากเจอน้อง อยากกราบ อยากขอบคุณอยากกอดเขาสักครั้งนึง ขอบคุณจริงๆ(ยกมือไหว้) ขอบคุณมาก ทุกวันนี้ก็ยังมีพี่ชายอีกคนนึงที่เรานึกขอบคุณเขาอยู่เสมอคือพี่ชายแฮ็คส์ (ดร.วโรดม ศิริสุข) พี่น่ารัก เป็นพี่ที่ดีกับธีร์มาโดยตลอด พอเราบอกว่าเรากลับมาทำงานได้แล้วนะ พี่เขาก็ช่วยแนะนำงานให้ จะได้มีเงินดูแลแม่ต่อไป”

ขอบคุณน้ำใจคนไทยทุกคนที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้มีชีวิตใหม่
“ตอนแรกๆ ที่มีกระแสก็มีคนถามบ่อยธีร์บอกอย่างไม่อายว่าธีร์เอาเงินไปซื้อบ้านจริงๆ เพราะเราไม่มีบ้านจะอยู่กันตอนนั้นเราเช่าบ้านเอื้ออาธรอยู่ พอมีเงินปุ๊บสิ่งเดียวที่เราต้องการก็คือที่อยู่อาศัยที่มั่นคงแค่นั้นเลย ตอนนี้เราก็ไปๆ มาๆ ระหว่าง กทม. กับเชียงใหม่ ถ้ามีงานก็มาทำ ตอนนี้ทำอยู่ที่บ. นาวาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ก็ไปขอนอนที่บริษัทเขา"

"เรามีกันสองคนแม่ลูกจากที่เราป่วยแล้วเราฟื้นขึ้นมาได้ เชื่อไหมว่า ความคิดเราเปลี่ยน เราไม่ได้อยู่กันสองคนแม่ลูกแล้ว ตอนที่เราจะตายเรามีกันสองคนแม่ลูก แต่เมื่อทุกคนยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้เราได้ข้อพิสูจน์ว่าคนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจมากจริงๆ คนทั้งประเทศหลั่งไหลเข้ามาช่วยเราทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่กันลำพังสองคนแม่ลูก เราอยู่ท่ามกลางคนที่เป็นห่วงเรารักเรา ไม่อย่างนั้นธารน้ำใจคงไม่หลั่งไหลมา ตั้งแต่แถลงข่าวคราวนั้น ก็ไม่ได้รับเงินบริจาคอีกเลย แต่ก็จะมีคนส่งเป็นอาหารเสริมพวกโปรตีนถั่วอาหารเสริมต่างๆ มาให้โดยไม่คิดเงิน จนตอนนี้น้ำหนักตัวกลับมาเท่าเดิมที่74กิโล”

“(ยกมือไหว้) ธีร์กับแม่ต้องขอขอบคุณจากใจจริงๆ มันไม่รู้จะพูดยังไง ก็ขอบคุณที่สุดที่ทำให้ธีร์กับแม่มีชีวิตใหม่ เราไม่รู้หรอกว่าวันนี้ใครจะตายก่อนกันแต่ก่อนจะตายจากกันมันมีอยู่สิ่งเดียวที่เราจะทำให้ต่อกันได้ก็คือความดีความรักที่มีให้ต่อกัน ตอนที่มีกันอยู่รักกันให้มากๆ ผิดใจอะไรให้กันพูดให้บอกกันเพราะวันนึงเราไม่รู้เลยว่าเราจะได้ลุกขึ้นมาทำสิ่งนั้นหรือเปล่า”

ชีวิตหลังจากนี้ยึดคำสอนในหลวงรัชกาล ๙ ปิดทองหลังพระ ขอทำดีแบ่งปันตามกำลังที่ตนจะช่วยได้เหมือนที่ครั้งนึงตนเคยได้รับมา
“ก็แบ่งปันเท่าที่เราจะทำได้เหมือนที่ครั้งนึงเราก็เคยได้รับน้ำใจจากการแบ่งปันเหล่านั้น ซึ่งมันเคยก็มีกระแสว่าเราสร้างภาพทำดี บริจาคช่วยเหลือนั่นนี่เราเลยตัดสินใจไม่โพสต์ ไม่บอกว่าเราทำอะไรแล้ว ทำดีมันก็อยู่ที่ตัวเราไม่ต้องไปบอกใคร ธีร์จำได้ดีพ่อของเรา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ท่านเคยสอนว่า ทำดี ทำเข้าไปเถอะ เหมือนปิดทองหลังพระ ถ้ามันมีแต่คนปิดทองแต่ข้างหน้า
ข้างหลังก็โล่ง ว่างเปล่า ไม่มีใครทำดีอยู่ข้างหลัง เราปิดทองหลังพรได้วันนี้ปิดไปเถอะ เราปิดไปซักวันทองนั้นมันจะล้นออกมาเองให้คนได้เห็นว่าทองที่เราปิดไปเราปิดไปด้วยความดี ความรัก ความตั้งใจ เราไม่ได้เสแสร้งวันนี้ใครจะพูดยังไงธีร์ไม่สนใจ ธีร์สนว่าวันนี้เราได้ทำความดีแล้วหรือยัง ทำแล้วแล้วเรามีความสุข ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเชื่อมั่นใจความดีแล้วความดีจะตอบแทนเราเองเหมือนที่ธีร์เชื่อในความดีที่ธีร์มีความรักและความกตัญญูต่อแม่ วันนี้สิ่งนั้นตอบแทนธีร์อย่างมาก ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ (น้ำตาคลอ) ขอบคุณครับ”
























กำลังโหลดความคิดเห็น