“ลีเดีย” เล่านาทีพ่อถูกรถถอยมาชนก่อนโดนข่มขู่ ยันต้องมีสติ แนะคนมีรถติดกล้อง ขอบคุณรถเมล์ช่วยเป็นพยานให้ โอดหวั่นโควิด-19 ระบาดอีกรอบ ไม่รู้เป็นแล้วจะเป็นอีกไหม
ทำเอาหลายคนตกใจที่คุณแม่ลูกสอง “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถยนต์ของคุณพ่อ ที่เกิดเหตุการณ์ขณะรถติด ที่อยู่ๆ รถคันหน้าก็ถอยหลังมาชน แถมคนขับยังลงมาต่อว่าต่อขานยกใหญ่ จะเอาเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายให้ได้ ก่อนจะล่าถอยเพราะพ่อสาวลีเดียจะเรียกประกัน และมีคนขับรถเมล์ลงมาช่วยยืนยันว่าไม่ได้มีความผิด
ล่าสุดได้เจอสาวลิเดียในงาน Robinson Magical Celebration เปิดไฟต้นคริสต์มาส ณ โรบินสัน ลาดกระบัง เจ้าตัวก็ยอมรับว่าตกใจที่เห็นคลิปเหมือนกัน เพราะตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“เรื่องประเด็นรถของคุณพ่อก็อย่างที่ทุกคนเห็นในคลิปนะคะ ตัวเดียไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ วันนั้นก็คือมีแค่คุณพ่อกับคุณแม่สองคนที่ขับรถอยู่ เรามารู้ตอนที่เขากลับถึงบ้าน เขาบอกว่าเดียเปิดกล้องให้หน่อย ก็เลยให้น้องสาวเป็นคนเปิด แล้วก็เห็นตามคลิปเหมือนที่ทุกคนเห็น ซึ่งก็น่าตกใจ เพราะว่าเขาก็จอดอยู่ของเขาเฉยๆ และน่าตกใจนิดนึงที่อีกฝ่ายลงมาก็เรียกร้องเลย แล้วอารมณ์ขึ้นมาก
ซึ่งเดียก็รู้สึกว่าอย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่เดียกลับมาถึงบ้านแล้วปลอดภัย แต่ก็คิดว่าทุกคนที่ขับรถควรจะต้องมีสติตลอดเวลา คือป๊าตอนนั้นก็อาจจะแฮปปี้ร้องเพลงมองออกนอกหน้าต่าง ไม่ได้สังเกตอะไรเท่าไหร่ มารู้อีกทีก็ เฮ้ย เราชนเขาเหรอ ก็เลยรู้สึกว่าทุกคนที่ขับรถติดกล้องหน้ารถไว้ก็จะดีมาก ต้องมีสติ เพราะมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อค่ะ
ถามว่าตอนที่รู้เรื่องตกใจหรือโกรธไหม ก็ตกใจค่ะ คือพ่อเดียเขาไม่ได้เป็นคนชน แล้วทำไมเขาถึงลงมาแล้วของขึ้นอะไรได้ขนาดนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าเจตนาเขาคืออะไร แต่เราก็เห็นตามคลิปเหมือนที่ทุกคนเห็นค่ะ”
บอกไม่คิดจะดำเนินคดีอะไร แค่พ่อแม่ตนปลอดภัยก็โอเคแล้ว
“เดียก็ถามคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อเดียบอกว่าเขาอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร เดียก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่กลับมาปลอดภัยก็พอแล้ว คือรถมันก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณพี่คนขับรถเมล์ เพราะกล้องตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่พยายามเปิด แต่ก็เปิดไม่ได้ เขาก็บอกว่าเราชนเขาๆ เขาเสียหาย ทั้งๆ ที่รถไม่มีรอยอะไรเลย แล้วพี่รถเมล์เขาก็มาจอดข้างๆ แล้วก็บอกพ่อว่า เขาชนคุณ คุณไม่ได้ชนเขา คุณพ่อเดียก็เลยบอกว่างั้นขอเปิดดูกล้องก่อน เขาก็พยายามเปิด แต่ก็เปิดไม่ได้
ถามว่าทำไมคุณพ่อยอมรับผิดตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ผิด ประเด็นคือตอนนั้นรถติดมาก แล้วคุณพ่อลงไปดูแล้วรถก็ไม่ได้เป็นอะไร ไม่มีรอยอะไร แล้วคุณพ่อเขาก็อยากรีบกลับบ้าน เพราะมันก็กลางคืนแล้ว เขาก็อยากกลับมาหาเดมี่ มาหาหลาน เขาก็เลยขอโทษ เพราะเขาอยากจะรีบกลับ ไม่อยากให้มีเรื่อง แต่ฝั่งโน้นก็บอกว่าไม่ได้ เขาเสียหาย”
เตือนคนขับรถควรติดกล้องเอาไว้ ป้องกันเหตุไม่คาดคิด
“ซึ่งพอเราโพสต์ไปก็ไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรกลับมาค่ะ ก็จบตรงนั้นไป คือพอจะเรียกประกันมา เขาก็บอกไม่เป็นไร ไปแล้วกัน ก็ดีที่คุณพ่อเดียใจเย็น เดียก็ไม่รู้ว่าถ้าคุณพ่อเดียร้อนขึ้นด้วย ทุกอย่างจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้คุณพ่อกลับมาแล้วปลอดภัยทั้งคู่ รถก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็โอเค ไม่ได้จะดำเนินคดีอะไร ถ้าเดียอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเดียคงบอกป๊าอย่าลงไป แต่เราไม่ได้อยู่ ก็ถือว่าโชคดีค่ะที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้
ที่ตอนแรกเหมือนคุณพ่อจะควักเงินให้เขาไปก่อน เดียว่าในใจป๊าเขาคงคิดว่าอยากจะเคลียร์ให้มันจบๆ แต่จริงๆ แล้วรถมันไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าเสียหายอะไรยังไง เพราะมันไม่ได้เป็นอะไรเลย ก็เรียกประกันดีกว่า แล้วเราก็ไม่ได้ผิดด้วย เราอยู่ของเราเฉยๆ
ถามว่าอยากจะบอกอะไรกับคนแบบนี้ไหม คือทุกคนต้องใช้ถนนร่วมกัน เราต้องมีสติตลอดเวลา คอยระวังเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดคาดฝัน เพราะมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จริงๆ ก็โชคดีที่มีกล้อง และโชคดีที่มีพี่คนขับรถเมล์ที่ช่วยเป็นพยานให้ ก็อยากจะฝากถึงทุกคนว่ามีสติ ติดกล้องค่ะ”
หวั่นโควิดกลับมาระบาดอีกรอบ ไม่รู้จะกลับมาเป็นได้อีกหรือเปล่า แต่ก็ป้องกันอย่างดี
“น่ากลัวมาก จริงๆ แล้วมันเป็นอะไรที่ทั่วโลกก็ยังมีปัญหานี้อยู่นะคะ แต่บ้านเราก็ถือว่ายังรับมือกับสถานการณ์ได้ดีอยู่ เพราะมันก็ไม่ได้แพร่ระบาดในหลักที่เยอะๆ เดียคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ตอนนี้คือใส่มาสก์ ระวังให้ได้มากที่สุด ล้างมือบ่อยๆ อย่าไปในที่คนเยอะแออัด ก็ต้องโซเชียลดิสแทนซิ่ง ก็ทำตามไกด์ไลน์ที่มีมาตลอด เดียว่าก็ช่วยได้ในระดับนึงเลย
ถามว่าด้วยความที่เราเคยเป็นแล้ว มันมีโอกาสกลับมาเป็นมากกว่าคนอื่นไหม อันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นแล้วจะเป็นอีกได้ไหม แต่โดยทฤษฎีก็น่าจะเป็นอีกได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตัวแอนตี้บอดี้ในร่างกายเรามันสามารถสู้กับเชื้อโรคได้ดีกว่าครั้งแรกที่เราติดหรือเปล่า ยังไงก็ต้องระวัง และไม่อยากติดรอบสองค่ะ”