เลิกตีกันแล้วจ้า “พชร์-นิก” ยุติศึก กอดกันกลมโชว์สื่อ ด้านพชร์เผย เป็นฝ่ายโทรไปหานิกเพราะไม่อยากมีอะไรค้างคากัน ยินดีให้อภัย พร้อมกับป้อนงานให้
ตอนทะเลาะกันก็ฟาดกันสุดฤทธิ์สำหรับ “พชร์ อานนท์” กับ “นิก คุณาธิป ปิ่นประดับ” เด็กในสัง อดีตแฟนเก่า “แตงโม นิดา” พชร์ประกาศฟ้องแหลกนิกจะเอาให้ถึงที่สุด ด้านนิกก็แฉสุดเช่นกัน แต่พอนิกมีแฟนใหม่ปัญหาที่เคยมีกับพชร์ก็คลี่คลาย งานนี้เลยไม่วายโดนเม้าว่า ซอฟเพราะแฟนใหม่หรือเปล่า ด้านพชร์เผยเป็นคนโทรไปหานิกเอง เพราะไม่อยากมีอะไรค้างคาต่อกัน ยินดีให้อภัย โดยล่าสุดทั้งคู่ก็ได้มาบวงสรวงหนัง “บอกโลกให้รู้ ว่ากูรักมึง” (Tell The WORLD I Love You) ภาพยนตร์ “รัก” ที่ดีที่สุด ณ บริเวณลานเซ็นทรัลเวิล์ด ด้านหน้าศาลพระพิฆเนศ พร้อมกับเปิดใจถึงการยุติศึกครั้งนี้ว่า...
พชร์ : “ก็คุยกันแล้วนะครับ เพราะว่าเราก็ต้องยกโทษให้เด็ก เพราะว่าเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันตั้งแต่มีเรื่อง ก็อาจจะมีอะไรคาดเคลื่อนนิดหน่อย หลังจากนั้นเราก็โทร.หาเขา เพราะเขายังมีสัญญาอยู่กับเรา 2 ปี แล้วเราก็เป็นคนดูแล เราก็ติดต่อเขาว่าอย่างเล่นหนังไหม เพราะเราก็ต้องตามสัญญาที่เราเซ็นไว้ แล้วเราก็ชวนเขามาเล่น เขาก็โอเค ว่าของคุยขอเคลียร์กับพี่พชร์ก่อน เราก็บอกไม่ต้องเคลียร์หรอก เรื่องเก่าๆ ให้มันลืมๆ ไป เพราะว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน เข้าใจผิดกัน”
เรื่องไม่เข้าใจกันมีหลายเรื่อง
“เรื่องไม่เข้าใจกันมันมีหลายเรื่องครับ แต่เราก็พยายามคุยกัน พยายามเคลียร์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ไม่ใช่ว่า เรามายอมดีกับนิก ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้โอกาสเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะน้องก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย แต่เราก็ในเมื่อจะคุยกัน เราก็คุยกันแล้วก็ให้งานน้องทำ”
ไม่อยากคาใจ เลยเป็นฝ่ายโทรไปหา “นิก”
พชร์ : “เราโทร.หาเขาก่อน นิกเขาก็พยายามจะโทรหาเราแหละ แต่เราไม่รับ คุณแม่โทรมาก็ตัดทิ้ง คือเราไม่รับเขาเลยช่วงนั้น แต่เราก็เข้าใจเด็กไง ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันดี เราก็ไม่ว่ากัน แต่ต่อไปนี้ก็ต้องคุยกันว่า อะไรเป็นยังไง มันเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ต่างคนต่างหัวร้อนทั้งคู่ เราก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว สไตล์เราก็เชิ่ดๆ เลิศๆ อยู่แล้ว แต่พอเรามาคิดดูวันหนึ่ง มันเหมือนมีอะไรติดขัดในใจเรา เราก็คุยกันดีกว่า เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องยกโทษให้เด็ก อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เหมือนคนไทยตอนนี้อะไรที่อภัยได้ก็อภัยกัน เพราะว่ามันจะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นนะครับ”
ตกใจ “พชร์” โทรมาคิดว่าชาตินี้จะไม่ไดเล่นหนังอีกแล้ว
นิก : “ตอนแรกก็ตกใจครับ เพราะว่าเราไม่ได้คุยกันนานมากๆ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่เราไม่ได้พูดคุยกันมากกว่า พอมาเจอกันอะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ ก็มีการขอโทษกันครับ ณ ตอนนั้นเลย พอพี่เขาให้อภัยแล้ว เราก็แฮปปี้ครับผม อย่างที่บอกจริงๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่พชร์ พี่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรผม แค่เราไม่ได้คุยกัน”
“ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นหนังแล้วครับ ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เล่นหนังอีกแล้ว ผมก็ไปทำช่องยูทูปของผม ไปทางอื่น จนวันที่พี่เขาโทรหา จริงๆ อยากเคลียร์อยู่ตลอดอยู่แล้ว ผมก็ให้แม่โทรไป พี่เขาก็บล็อกเบอร์แม่ผม ก็เลยไม่รู้จะติดต่อยังไง”
ไม่หวั่นจะกลับไปทะเลาะกันอีก
นิก : “จริงๆ ไม่ กลัวเพราะว่าที่ผ่านมาจริงๆ ผมว่าพี่พชร์เขาไม่ได้จะทำร้ายอะไรผมอยู่แล้ว มันเป็นด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างมีอารมณ์แค่นั้นเอง”
เลิกโกรธ “นิก” เพราะสติ ไม่เกี่ยวกับมือที่ 3
พชร์ : “มันไม่ได้หายงอนหรอก เราเห็นเด็กที่เราทำงานด้วยกัน เคยอยู่สังกัดเดียวกัน พอเรารู้สึกว่าเขามีปัญหาเราก็อยากจะช่วยให้เขาดีขึ้น เราก็ไม่เคยลืมเขา ใครจะว่ายังไงเราก็ยอมรับอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมาทำไมถึงขึ้นศาลทำไมถึงโวยวายเราก็ยอมรับ เราก็ยอมรับผิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องให้โอกาสเด็กคนหนึ่ง ตอนแรกว่าจะเอาให้ถึงที่สุด แต่ก็เออ..ไม่เอาดีกว่า"
“สติทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุด เพราะตอนนั้นโมโหหัวร้อน พอคนเรามีสติก็กลับไปทบทวนว่า เรื่องมันเป็นอะไรยังไง ทำยังไงถึงจะให้มันดีขึ้น ไม่งั้นมันก็จะค้างคาใจว่า เราทะเลาะอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เราก็ยกโทษให้ดีกว่า แล้วก็การที่เราให้อนาคตเด็กอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะให้เขาพิสูจน์ว่า เขาจะเป็นคนเดิมไหม ไม่เกี่ยวกับมือที่ 3 มือที่ 4 ที่5 ที่ 6 ไม่เกี่ยว”
หลังจากมีแฟนใหม่ “นิก” ก็ดูซอฟมากขึ้น
พชร์ : “อ๋อไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องแฟนเรื่อง ต่างคนต่างทรนงมากกว่า เขาก็จะสไตล์เขา เราก็จะสไตล์เรา แต่พอมาคิดดูแล้วว่าถ้าคนเราดีกัน ดีกว่าโกรธกัน ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะว่าเราทำงานกันดีกว่า อดีตที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เพราะเราก็อยากจะบอกทุกคนว่า อะไรที่มันยกโทษได้ก็อภัยให้กันดีกว่า สังคมจะได้มีความสุข”
“เขาคบกับใครก็เรื่องของเขา เพราะว่าคนเก่าคนนั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับเราแต่ แต่เราก็ต้องบอกให้เขารู้จักดูแลตัวเอง ให้เขาเลือกคบคน”
“นิก” คิดถึงอยากกลับมาหา “พชร์”
นิก : “จริงๆ อย่าเรียกว่าไปไหนไม่รอดเลยดีกว่า จริงๆ เรียกว่าอยากกลับมา เราคิดถึงกันมากกว่าครับ ผมอยากกลับมาร่วมงานกันมากกว่า พอพี่พชร์เขาได้ติดต่อมา ผมก็แฮปปี้ที่จะอยากกลับมาทำงาน เพราะอย่างที่บอก ผมพูดตรงๆ ว่า ตอนแรกผมก็เอียนกับการที่จะเล่นหนังไปแล้ว ผมอยากจะไปเป็นยูทูปเบอร์ ไปทางนั้นแล้ว”
ยอมรับตอนดีกันใหม่ๆ คุยกันแล้วมีกำแพง
นิก : “จริงๆ ไม่มีอะไรต้องปรับครับ ตอนที่เรากลับมาคุยไลน์กันกับพี่พชร์ แรกๆ ก็เหมือนมีอะไรมากั้น แต่พอเรานัดเจอกันก็เหมือนทะลายกำแพง”
พชร์ : “เหมือนมีคลื่นมากั้น เพราะเราคุยโทรศัพท์กันไง คือเรามาคิดแล้วก็ให้อภัยกันดีกว่า ทะเลาะไปก็เท่านั้น เราเป็นคนสไตล์นี้อยู่แล้ว คือเป็นคนให้อภัยคน ไม่ใช่กรณีนิกคนเดียว คนอื่นเราก็ให้ ถ้าใครที่เรารู้สึกว่าเขาดีขึ้น แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนใจดี ให้อภัยแล้วรู้สึกสบายใจ อะไรที่ตะขิดตะขวงใจก็ปล่อยวาง ทำให้มันดีขึ้น ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงเขาก็เคยเป็นเด็กเรา ใครจะด่าเราก็ได้นะ เราไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะเราคิดดีแล้ว เราถึงคุยกับเขา”
เหลืออีก 2 ปี หมดสัญญา ไม่บังคับให้อยู่ต่อ
พชร์ : “ก็รอให้มันหมด อีก 2 ปีหมด ระหว่างนี้เขาก็ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรก็ตามสบาย เรื่องของเขา ไม่ได้บังคับให้เซ็นต่อ เราไม่บังคับแล้ว อยู่ที่จิตใจเขา เพราะคนเรามันดูแลได้แค่ตัว แต่จิตใจเราดูแลกันไม่ได้อยู่แล้ว”
โล่งอกประกาศรับงาน
นิก : “โล่งอกครับ แล้วก็อยากจะบอกคนที่เคยติดต่อมา ตอนนี้รับงานได้แล้วนะครับ ที่ผ่านมาก็เสียไปเยอะมากครับผม แค่ค่ารีวิวก็เยอะแล้ว”
ส่วนเรื่องคดีรอเรียกไกล่เกลี่ยก็จบ
พชร์ : “ต้องรอ มันเป็นรูปของคดี แต่จริงๆ แล้วศาลก็อยากให้ประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันมากกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา 2 คน เดี๋ยวรอศาลท่านเรียกเราอีกครั้งหนึ่ง ก็ค่อยไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รู้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นปีหน้า”
“ไกล่เกลี่ยเสร็จก็จบ เราทำงานด้วยกันแล้ว ถ้าไม่จบก็แปลกหรือเปล่า เราไม่ได้ว่าท่านนะ เราไปขอให้ท่านช่วย ให้ตัดสินกันไป เราก็อยากให้จบกันดี เพราะเราก็ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม อันนี้ไม่ได้เป็นตัวอย่างอะไรนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเลียนแบบ ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน มันเป็นแต่ละกรณีไป”
พชร์ : “ว่าจะจูบให้ดูแต่เขาไม่กล้า (หัวเราะ แล้วหันมากอดกัน)