“ซาร่า” ลั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ชาร์จแบตนาฬิกา “แม็กซ์เวลล์” หาย ตอนนี้ “ไมค์” ได้คุยกับลูกแล้ว เซ็งญาติเยอะเรื่องบานปลาย วอนฟังความจริงจากปากตน ไม่ขอพูดถึง “วาดิม” จากนี้ไม่ขอใช้คำว่าแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง
คิดว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดีแล้ว แต่ก็ยังเกิดประเด็นร้อนอีก เมื่อ “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ได้ตอบคำถามแฟนคลับในไอจีสตอรี่ที่ถามว่า “ตั้งแต่ให้นาฬิกาพี่แม็กซ์ไป ได้คุยกับพี่แม็กซ์บ่อยขึ้นไหมคะ”ซึ่งทางไมค์ได้ตอบกลับไปว่า “ได้แค่อาทิตย์แรกครับ แต่ตอนนี้ติดต่อไม่ได้มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว คิดถึงพี่แม็กซ์”
จากนั้นมีคนอ้างว่าเป็นญาติของ “ซาร่า คาซิงกินี”เข้าไปคอมเมนต์ในเพจดังถึงสาเหตุที่ไมค์ติดต่อน้องแม็กซ์เวลล์ไม่ได้นั้นเป็นเพราะนาฬิกาถูกลืมไว้ที่กรุงเทพฯ ซึ่งทนายส่วนตัวของไมค์ “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ก็ได้แซะกลับว่า “นาฬิการุ่นนี้บอกตำแหน่งได้นะ”
ล่าสุด ซาร่าได้ควงผู้จัดการส่วนตัว “กะปุ่น” ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวในงาน ประกวดมิโมซ่า ควีนไทยแลนด์ 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่โรงละคร คิงเพาเวอร์
ซาร่า : “จริงๆ คุยกันค่ะ ที่เขาบอกว่าติดต่อลูกไม่ได้ น่าจะเป็นช่วงที่น้องอยู่ภูเก็ต แล้วตัวซาร่าอยู่กรุงเทพฯ เขาทำที่ชาร์จแบตหายแล้วทางที่บ้านก็ช่วยกันหาแล้วก็เจอ ก็ให้น้องชาร์จ น่าจะประมาณอาทิตย์ เหมือนตอนเขาทักมาหาเรา เขาบอกว่า 8 วัน มองว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรแค่น้องทำที่ชาร์จหายเจอแล้วก็ชาร์จ
ไม่ตกใจกับข่าว เพราะว่าจริงๆ เราก็คุยกันอยู่ไม่ใช่ไม่ได้คุยกัน เหมือนตัวนาฬิกาที่คุณพ่อน้องให้มามันก็น่าจะแจ้งเตือนอยู่ตลอด เพราะไม่ได้ชาร์จแบตเขาก็บอกเราว่านาฬิกาลูกไม่ได้ชาร์จแบต คุยกับลูกล่าสุดเห็นลูกบอกว่าอยู่กรุงเทพฯ ยังไงฝากบอกที่บ้านช่วยดูให้หน่อย
เราก็ถามที่บ้านว่าแม็กซ์เวลล์ไม่ได้ชาร์จแบตนาฬิกาเหรอ เวลาซาร่ามาทำงานที่กรุงเทพฯ แม็กซ์เวลล์ก็อยู่กับครอบครัวซาร่าที่ภูเก็ต เราก็พูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้เขาได้คุยกับแม็กซ์เวลล์แล้ว หลังจากที่ข่าวออกไปน่าจะประมาณ 2-3 วันค่ะ”
เผยช่วงที่เป็นข่าวมีคนอ้างว่าเป็นญาติของตนเยอะ ลั่นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามขอให้รอคำตอบจากตนจะดีที่สุด
ซาร่า : “เอาเป็นว่าซาร่าอยากให้ข่าวทุกข่าวที่มันออกมามันสื่อสารจากซาร่าโดยตรงดีกว่า เพราะข่าวมันมาจากหลายทิศหลายทาง ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากซาร่าโดยตรงก็รอคำตอบจากเราน่าจะดีกว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะเราคุยกันในครอบครัว พอมันมีข่าวออกมาซาร่ามองว่าบางสิ่งบางอย่างซาร่าไม่ต้องมานั่งชี้แจงตลอดเวลา มันเป็นเรื่องแค่ที่ชาร์จแบตลูกหาย เป็นเรื่องที่ทุกบ้านน่าจะเกิดปัญหาลูกลืมของตรงนั้นตรงนี้ (คนที่มาเม้นต์เขาบอกว่ารู้จักกับซาร่า?) ตั้งแต่มีข่าวมาคนสนิทค่อนข้างเยอะ (หัวเราะ)”
กะปุ่น : “จริงๆ หลายๆ ข่าวที่ออกมาไม่ได้ออกมาจากตัวน้องเลย บอกว่าเป็นคนรอบข้างตลอด เพราะฉะนั้นเวลาที่มีข่าวอะไรออกไปอยากให้เป็นสิ่งที่น้องได้สื่อสารเองมากกว่า อยากให้เชื่อข่าวที่ออกมาจากตัวของน้องมากกว่า”
ไม่ซีเรียสการออกตัวแรงของคนรอบตัวทำให้ตนเสื่อมเสีย มองเป็นเรื่องเล็ก โฟกัสที่เลี้ยงลูกมากกว่า
ซาร่า : “ซาร่าไม่ได้ซีเรียสเลย ไมค์เป็นพ่อ ซาร่าเป็นแม่ แม็กซ์เวลล์เป็นลูก สื่อสารกันในครอบครัวเรารู้เรื่อง ข้างนอกมันก็แค่ข่าวค่ะ ไม่โกรธๆ เราชิลๆ เราโฟกัสทำงานเลี้ยงลูกเพราะว่ามันเป็นเรื่องเล็ก สำหรับซาร่ามองคือก่อนหน้านี้เรามีข่าวค่อนข้างเยอะมาก เรื่องมันใหญ่มาก พอเป็นเรื่องนี้ซาร่ามองว่ามันเล็กน้อยไม่ได้เอามานั่งคิดมากอะไร”
ไม่หวังที่ “ไมค์” โพสต์โดนกีดกันจะมีผลต่อรูปคดี คนที่ตัดสินคือผู้พิพากษาว่าตนกีดกันหรือไม่
ซาร่า : “คือหลักฐานในชั้นศาลกับสื่อมันแตกต่างกัน คือผู้พิพากษาเขาพิจารณาจากหลักฐานข้อเท็จจริง ซึ่งมันไม่มีหลักฐานกีดกันค่ะ เพราะฉะนั้นการกัดกันมันไม่ใช่ความจริง ซาร่ามองว่าในศาลยุติธรรมที่สุด ศาลให้ความยุติธรรมทั้งไมค์ ซาร่า และแม็กซ์เวลล์ที่สุด เรื่องนี้มันถึงกระบวนการศาลแล้ว คนที่จะตัดสินก็คือผู้พิพากษาเขาจะต้องเห็นผลประโยชน์ของลูกเราทั้งคู่”
หวังศาลนัด 24 ธ.ค. นี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
ซาร่า : “อันนี้ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเรายังไม่เคยเจรจากันเลยสักครั้ง ซาร่าก็เลยไม่รู้ว่ามันจะเป็นรูปแบบไหน แต่ส่วนตัวซาร่าอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี (ทนายบอกว่าก่อนวันที่ 24 เรามีสิทธิ์ไกล่เกลี่ยพูดคุยกันนอกรอบ เราได้คุยกันไหม?) ทางทนายฝั่งคุณไมค์เขาไม่ได้ติดต่อมาค่ะ เราก็รอ จริงๆ ทางเราก็มีติดต่อไปหลายๆ ครั้งแต่ว่าไม่ได้คำตอบ เราก็โอเคไม่เป็นไร ทางฝั่งเรายืดหยุ่นหรือยอมได้ในทุกอย่างที่เป็นผลประโยชน์ของแม็กซ์เวลล์ ซาร่ายอมอยู่แล้วค่ะ”
ย้ำตลอด 6 ปีให้พื้นที่ “ไมค์” ได้เจอกับลูกมาโดยตลอด ล็อกคิววันพ่อปีนี้ให้แล้ว พ่อลูกต้องได้เจอกัน
ซาร่า : “ซาร่าโอเพ่นเรื่องนี้ตลอดกับ 6 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นวันพ่อ วันคริสต์มาส ปีใหม่ทุกเทศกาลหรือไม่ต้องเทศกาล ทุกครั้งที่ไมค์เขาอยู่กรุงเทพฯ ซาร่าพยายามที่จะจัดตารางทุกอย่างให้กับพ่อกับลูกอยู่แล้วอย่างเช่นวันพ่อที่จะถึงนี้เราก็ล็อกคิวล็อกตารางแล้วว่ามันเป็นวันพ่อ มันเป็นวันของเขายังไงเราก็ต้องให้ลูกกับเขาได้ทำกิจกรรมร่วมกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แม็กซ์เวลล์กับพ่อจะได้มาเจอกันเร็วๆ นี้ ที่กรุงเทพฯ”
กะปุ่น : “ช่วงนั้นน้องซาร่าน่าจะมีงานค่ะ จริงๆ น้องซาร่าจะพาน้องแม็กซ์เวลล์มาเรียนพิเศษที่กรุงเทพฯ อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ก็คือจะต้องบินไปบินมาค่ะ เพราะฉะนั้นจะต้องมีการสลับสับเปลี่ยนกันว่า ถ้ามาเจอกรุงเทพฯ สะดวกไหมหรือเจอภูเก็ตสะดวกกว่า ก็ต้องอยู่ในการตัดสินใจของน้องซาร่าและครอบครัว”
ซาร่า : “เราไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องมาเจอกันอาทิตย์ละกี่วัน ด้วยความที่น้องเรียนอยู่ ก็ต้องเอาตารางน้องเป็นหลัก อย่างวันพ่อที่จะถึงนี้เขาก็จะได้เจอกัน เพราะว่าเป็นวันของคุณไมค์ด้วย ก็เคลียร์ตารางให้พ่อกับลูกแล้วค่ะ”
ยันที่ผ่านมาไม่เคยคิดสู้กับ “ไมค์” บอกทุกวันนี้คุยกันเองไม่เคยผ่านคนกลาง
ซาร่า : “ซาร่าก็ไม่เคยสู้กับใครนะ ซาร่าก็อยู่เหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกค่ะ ทุกวันนี้ก็คุยกันเอง ไม่ได้ผ่านใคร มันเป็นเรื่องในครอบครัว คิดว่ามันเป็นเรื่องที่พ่อแม่สามารถคุยกันได้เสมอเพื่อลูกค่ะ เราก็คุยกันตลอด แค่มันจะมีช่วงหนึ่งช่วงที่เรามีปัญหากันโควิดช่วงนั้นอาจจะตึงๆ ไม่พอใจกันก็เป็นเรื่องปกติทุกๆ บ้านต่อให้คุณไม่ได้แยกทางกัน เป็นสามีภรรยาอยู่ในบ้านกันมันก็ต้องมีตึงกันบ้างในบางครั้ง อย่างตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว ทุกวันนี้เราคุยกันแค่เรื่องลูกเหมือนทุกๆ ครั้งค่ะ เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกปกติค่ะ
ซาร่าก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเพิ่ม ทุกอย่างมันอยู่ภายใต้กฎหมาย ผู้พิพากษาเป็นคนตัดสินและมองถึงประโยชน์ของบุตรเราทั้งคู่”
กะปุ่น : “ในฐานะผู้อยู่ข้างเคียงน้องซาร่า อยากจะบอกว่าตัวน้องเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น้องทำงานหนักมาก ถ่ายหนังบางทีโหนสลิงเองนะคะ ตึก 3 ชั้น เหมือนในครั้งนี้เหมือนกัน ธุรกิจก็เตรียมเซ็ตดิ้งของเขามาเกือบ 2 ปีแล้วเหมือนกันที่เราวางแพลนกัน”
ซาร่า : “เราก็มาเป็นตัวแทน CEO ของเรา เป็นผลิตภัณฑ์ Cheryl (เชอริล) วันนี้เราก็มามอบรางวัลให้ผู้ประกวดด้วย มันเป็นธุรกิจที่เราสตาร์ทอัพกับพี่ปุ่น ผู้จัดการของเรา เตรียมตัวมา 2 ปีแล้ว ตอนแรกเราจะเปิดตัวช่วงก่อนโควิดแล้วพอมีโควิดทุกอย่างก็ถูกเลื่อนไป”
ลั่นข้อไกล่เกลี่ย 4 ข้อที่ยื่นไปไม่ได้เรียกว่าเป็นข้อเรียกร้องหลังจากการเซ็นรับรองบุตรแล้ว
ซาร่า : “อันนี้ต้องให้ผู้พิพากษา ทนาย ตัดสินไกล่เกลี่ย 4 ข้อที่ยื่นไปมันเรียกว่าข้อเรียกร้องไม่ได้ค่ะ มันเป็นเหตุและผลที่เราเสนอต่อศาล เพราะไม่ว่าทนายทั้งสองฝั่งจะเขียนอะไรไป สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่คำสั่งตายตัวว่ามันต้องเป็นแบบนี้ สุดท้ายแล้วผู้พิพากษาก็ต้องมาดูเหตุและผลข้อเท็จจริงว่าอันนี้มันได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นไมค์หรือซาร่าเราไม่สิทธิ์ที่แบบจะเอาอันนั้นอันนี้สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลของศาลว่าอันไหนที่มันเหมาะสมต่อบุตรของเรา ก็อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
(จะมีการเซ็นรับรองบุตรกันวันนั้นเลยไหม?) รับรองบุตรมันเกิดขึ้นอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าไมค์เขาเป็นคุณพ่อน้องตั้งแต่วันที่ซาร่าให้คุณไมค์เขาเซ็นใบเกิดตั้งแต่วันที่น้องเกิด เพราะฉะนั้นความเป็นพ่อมันเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นแล้วค่ะ”
ไม่ขอพูดถึง “วาดิม” ว่าตนได้ตัดขาดอีกฝ่ายไปแล้วหรือไม่ และตนจะไม่ขอใช้คำว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกเพราะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำนี้
ซาร่า : “เรื่องนี้ซาร่าไม่ขอพูดถึงแล้วกันนะคะ ตอนนี้ซาร่าก็ทำหน้าที่ (ใช้คำว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ไหม?) ซาร่าไม่ขอใช้คำนี้แล้วกันเพราะซาร่าไม่เข้าใจนิยามของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่แท้จริงว่ามันคืออะไร ก่อนหน้านี้ทุกคนให้คำนิยามซาร่าว่าแม่เลี้ยงเดี่ยว เราก็คิดว่า อ๋อ แม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ ณ วันนี้ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เรายังไม่เข้าใจในคำนี้จริงๆ”
กะปุ่น : “คือเรารู้สึกว่าไม่ว่าจะแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือว่าแม่ คำว่าแม่มีความหมายมากๆ นะคะ ไม่ว่าจะแม่แบบไหน วันนี้น้องซาร่าทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์กับลูกทั้ง 2 คน ปุ่นมองว่าแล้วแต่คนจะให้คำนิยามน้องเลย”
ไม่ขอตอบ “วาดิม” ได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกบ้างหรือไม่ รับมรสุมชีวิตที่ผ่านมาหนักเกินไป แต่รับมือไหว
ซาร่า : “ขอไม่พูดเรื่องวาดิมล่ะกันค่ะ เพราะว่าเขาไม่ใช่คนในวงการ ซาร่าไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวของเขามาพูด ซาร่ารู้สึกว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันหนักเกินไปไหมสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
ถ้าจะบอกว่าไม่หนักมันก็คงโกหกเกินไป แต่รับมือได้ รับมือไหว สำหรับลูกสาวซาร่าก็เลี้ยงลูกเอง ไม่ว่าเราอยู่ตรงไหน เหมือนตอนที่เลี้ยงแม็กซ์เวลล์เราก็ไปด้วยกัน ทุกที่เพราะว่าน้องยังกินนมจากอกค่ะ เราจะห่างกับลูกได้ก็ตอนที่เขาเข้าโรงเรียน หย่านมค่ะ”