xs
xsm
sm
md
lg

การ์ตูนปราบ COVID "ดาบพิฆาตอสูร" สร้างสถิติถล่มทลายในภาวะวงการหนังทั่วโลกซบเซา

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี



ขณะที่โรงภาพยนตร์ทั่วโลกกำลังเงียบเหงา และอาจจะถึงขั้นปิดกิจการจากปัญหา COVID-19 ระบาด แต่ที่ประเทศญี่ปุ่น โรงหนังกลับแน่นไปด้วยผู้คนที่มาตีตั๋วชมภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Demon Slayer ที่ล่าสุดทำรายได้สูงเป็นประว้ติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น

จากหนังสือการ์ตูนสุดฮิต สู่อนิเมชั่นทางโทรทัศน์ที่มีเรตติ้งถล่มทลาย เรื่อง Demon Slayer ยิ่งสามารถสร้างกระแสได้รุนแรงขึ้นไปอีก จนตอนนี้ทำเงินไปแล้วถึง 223 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่เพียงเป็นอนิเมชั่นที่ทำเงินสูงสุดอันดับ 4 ตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่น แต่ยังติดอันดับหนังที่ทำเงินสูงสุดอันดับ 7 ของบ็อกซ์ออฟฟิศโลกในปีนี้ด้วย จึงมีโอกาสอยู่เหมือนกันที่ Demon Slayer จะก้าวขึ้นไปเป็นอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล

ปกติแล้วเวอร์ชั่นหนังโรงของการ์ตูนอนิเมะจากประเทศญี่ปุ่น จะมีเนื้อเรื่องในลักษณะของการต่อยอดจากเนื้อเรื่องหลักมากกว่า เป็นการผจญภัยที่ไมมีให้ดูในเวอร์ชั่นเต็ม เรียกว่าเป็นภาคพิเศษ ตอนเสริม อะไรแบบนั้นก็คงจะได้ บางครั้งมีตัวละครใหม่, หรือไอเทมใหม่ ๆ (ออกมาขายเป็นของเล่น)

ส่วนใหญ่จะออกมาในแนวดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เป็นไร เพราะเนื้อเรื่องของภาคหนังโรงพวกนี้ มักจะไม่กระทบกับเนื้อเรื่องของภาคหลักอยู่แล้ว

แต่ไม่ใช่สำหรับ เวอร์ชั่นหนังโรงของ “Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba” หรือ “ดาบพิฆาตอสูง” การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดังแห่งยุค ที่เวอร์ชั่นหนังจะเล่าเนื้อเรื่องหลักของการ์ตูนกันเลย


การ์ตูนม้ามืดแห่ง JUMP

คิเมะสึ โนะ ไยบะ เป็นผลงานของ "โคโยฮารุ โกโตะเกะ" เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม คามาโดะ ทันจิโร่ ที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนักล่าอสูร เพื่อล้างแค้นแทนครอบครัว และหาวิธีรักษาน้องสาวที่กลายเป็นอสูรไปด้วยเหมือนกัน

คิเมะสึ โนะ ไยบะ ตีพิมพ์ในนิตยสาร โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปี 2016 ความนิยมตอนแรก ๆ ก็ไม่ได้ฮือฮาอะไร พูดกันตรง ๆ งานภาพก็ไมได้โดดเด่นอะไรด้วย จนหลายคนฟันธงว่าน่าจะเป็นการ์ตูนที่อายุไม่ยืน และโดนตัดจบอย่างรวดเร็วแน่นอน

แต่อยู่ ๆ ยอดขายของการ์ตูนก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มากขึ้นจนน่าตกใจ ไต่อันดับขึ้นจนทำสิ่งที่เหลือเชื่อสุด ๆ ได้นั่นก็คือ เอาชนะการ์ตูนยอดขายอันดับ 1 ตลอดกาลของ Jump อย่าง one piece จนขึ้นครองแชมป์เป็นการ์ตูนขายดีอันดับ 1 ของปี 2019 ได้อย่างเหลือเชื่อ

และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ผู้เขียนเลือกที่จะปิดฉาก คิเมะสึ โนะ ไยบะ ลงในปีนี้เอง เรื่องราวปิดฉากด้วยฉบับรวมเล่มแค่ 23 เล่ม ถือว่าน้อยเหมือนกันเมื่อเทียบกับการ์ตูน Jump ทั่ว ๆ ไป ที่ยิ่งหายดีก็ยิ่งยืดเรื่อง จนระดับ 50 - 60 เล่มนี้เป็นเรื่องธรรดมาๆ เลย


อนิเมะสุดเนียบ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้อยู่ ๆ ก็ฮิตถล่มทลายขึ้นมา ก็คือการถูกดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นโดยสตูดิโอที่ชื่อว่า Ufotable (ยูโฟเทเบิล) นั่นเอง เพราะ Ufotable เป็นสตูดิโอที่ไม่ได้เน้นทำการ์ตูนแนวฉายโทรทัศน์รายสัปดาห์เป็นหลัก แต่ยังเน้นการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นฉายโรง กับ OVAs หรือ Original Video Animation ที่ขายเป็นแผ่นด้วย ก็เลยทำงานออกมาค่อนข้างเนียนมาก โดย คิเมะสึ โนะ ไยบะ ฉบับอนิเมชั่นฉายโทรทัศน์ก็เป็นการ์ตูนที่มีงานภาพเนียบแบบสุด ๆ เหนือมาตรฐานของการ์ตูนญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปแบบหลายขุมทีเดียว

โดยอนิเมชั่นของ Kimetsu no Yaiba เริ่มออกอากาศเดือน เม.ย. ปีก่อน และไปจบปี 1 ในเดือน ก.ย. ปีเดียวกันด้วยจำนวนตอน 26 ตอน เนื้อเรื่องครอบคลุมไปถึงมังงะตอนที่ 53 - 54 ซึ่ง Kimetsu no Yaiba ฉบับหนังโรงก็จะเล่าเรื่องต่อจากนั้นทันที

สำหรับ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train ที่เป็นฉบับหนังจะครอบคลุมเรื่องในช่วงที่เรียกว่า "Mugen Train Arc" มุเกนเทรน อาร์ค" หรือ ก็ตามชื่อเรื่องในฉบับภาษาไทยที่ว่า "ศึกรถไฟนิรันทร์" นั่นเอง

Kimetsu no Yaiba เล่าเรื่องในช่วงที่เรียกว่ายุคไทโช หรือสมัยการครองราชของจักรพรรดิ์ไทโช แห่งญี่ปุ่นนั่นเอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 10 กว่าปี (1912 - 1926) ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงกับญี่ปุ่นมากมาย ชาวญี่ปุ่นเริ่มนิยมสวมเสื้อผ้าแบบชาวตะวันตกมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นในอนิเมชั่นเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ

ทันทีที่ Kimetsu no Yaiba ฉบับภาพยนตร์ปล่อยตัวอย่างออกมา ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ทันที แม้ตัวอย่างดังกล่าวจะไม่ค่อยเผยให้เห็นรายละเอียดอะไรมากนัก เพราะไม่ต้องโปรโมตอะไรมาก แค่ประกาศวันฉายแฟน ๆ ของ การ์ตูนก็คงพร้อมจะตีตั๋วไปชมกันอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยตัวอย่างก็เผยตัวละครที่จะมีบทบาทในหนังออกมาให้ดูกันหลายตัว อาทิ ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ เจ้าของเพลงดาบ "ปราณสัตว์ป่า" หัวหมูป่าคนนี้, อากัตสึมะ เซ็นอิตสึ จอมขี้ขลาด แห่งวิชาเพลงดาบ "ปราณอัสนีบาต"


จอใหญ่สานต่อกระแสจากจอเล็ก

แต่ที่น่าจะเป็นไฮไลท์ก็คือ ตัวละครสุดเท่ห์อย่าง เร็นโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเปลวเพลิงคนที่น่าจะมีบทเด่นสุด ๆ ใน หนังเรื่องนี้ แล้วก็น่าจะมีบทบาทในฉากต่อสู้ที่สำคัญสุด ๆ ในหนังด้วย

เนื้อเรื่องช่วง "ศึกรถไฟนิรันทร์" จะกินเนื้อหาในการ์ตูนเล่มประมาณเล่มที่ 7 - 8 นับแล้วหนังน่าจะเล่าเรื่องราวรวมทั้งหมดประมาณ 15 ตอนของหนังสือ ซึ่งตามปกติ คิเมะสึ โนะ ไยบะ จะไม่ได้สร้างตอนต่อตอน

ซึ่งหลังจบหนังโรงแล้วอนิเมชั่น คิเมะสึ โนะ ไยบะ ปี 2 ก็น่าไปต่อด้วย "บทย่านโคมแดง" พอดี

ปกติแล้วถ้าการ์ตูนญี่ปุ่น มักจะมีเนื้อเรื่องมักจะทำมาเป็นเอกเทศที่สามารถไปชมได้ โดยไม่จำเป็นต้องดูเรื่องหลักเลยมาแล้วก็ยังพอจะจับเรื่องราวได้พอสมควร เนื้อเรื่องมีลักษณะจบในตอนอยู่ในระดับหนึ่ง และสามารถดูได้รู้เรื่องโดยไม่ต้องดูภาคหลักมาก่อน

แต่สำหรับ คิเมะสึ โนะ ไยบะ นี่อยากจะแนะนำว่า ผู้ชมควรอาจต้องทำการบ้านมาก่อนพอสมควร เพราะหนังญี่ปุ่นประเภทที่ต่อยอดมาจากทีวีอะไรแบบนี้ เค้าจะไม่ค่อยสนใจเล่าเรื่องย้อนความอะไรให้เราเท่าไหร่ เรียกว่าทำออกมาให้แฟน ๆ ดูกันเป็นหลัก เพราะระดับ "การ์ตูนยุคแห่ง" อย่าง คิเมะสึ โนะ ไยบะ นั้น ผู้สร้างก็คงมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่งว่าแค่แฟน ๆ ประจำของการ์ตูนก็น่าจะเพียงพอที่จะทำเงินได้อย่างมหาศาลแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น