“ฟ้าใส” พร้อมผู้จัดการ-ทนาย ท้า “ปุ้ย MUT” เปิดสัญญาร่วมกันจะได้รู้ใครพูดจริง ใครโกหก ยันไม่ได้เป็นคนบ่ายเบี่ยงไม่เซ็นสัญญา แต่สัญญาถูกเปลี่ยนเนื้อหาและสาระสำคัญ ร่ำไห้เครียดจนถูกคนทักเป็นโรคซึมเศร้า ยันไม่อยากออกมาฟาดฟันอีกฝ่ายให้เสื่อมเสีย ด้าน “เอส” ชิงเคลียร์แทนฟ้าใสยังภูมิใจกับเวทีนี้อยู่หรือไม่
คดีพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนมึนตึ๊บ หลังจากก่อนหน้านี้ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ออกมาเคลียร์ปมขัดแย้ง กรณี “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ถูกกองประกวดฯ ยึดมงกุฎและเงินรางวัลคืน เหตุไม่ยอมเซ็นสัญญา พร้อมซัดกลับฟ้าใสเป็นฝ่ายมาขอเปลี่ยนเนื้อหาสัญญา แม้ว่าในที่สุดแล้วทางกองประกวดฯ จะยอมแก้ไขให้ตามที่ฟ้าใสต้องการ แต่เจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นอยู่ดี ซึ่งทางฝ่ายของ “ปุ้ย ปิยาภรณ์” ถึงกับกางไทม์ไลน์แจกแจงเหตุการณ์ชนิดละเอียดยิบให้เห็นกันจะจะไปเลยว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ย.63) เป็นทางฝั่งของ “ฟ้าใส” ที่ออกมาพูดบ้างหลังจากเงียบมานาน โดยได้เปิดแถลงข่าวที่สตูดิโอ 1 ช่อง 9 อสมท. งานนี้ฟ้าใสจัดทีมรบชุดใหญ่ มาพร้อมด้วย “เอส อนุสิทธิ์” ผู้จัดการส่วนตัว โดยเรียกใช้ทนายถึง 2 คนคือ “ทนายนงลักษณ์ แตงเจริญ” และ “ทนายคริส โปตระนันทน์” ก่อนจะโต้กลับทุกเม็ดชนิดหนังคนละม้วนท้าให้ทางกองประกวดฯ มาเผชิญหน้าแถลงข่าวพร้อมกัน เอาหลักฐานมาเปิดสู้กันเลย หูยย..ฟาดได้ฟาดมากแม่
เอส : “จากข่าวที่เกิดขึ้นมันเกิดความเสียหาย หลายคนเริ่มเข้าใจน้องผิดแล้วจากข่าวที่ว่าน้องไม่เซ็นสัญญาเพราะว่าน้องหัวหมอน้องอยากจะรับงานเองบ้าง อันที่รุนแรงสุดคือไม่กตัญญู มันก็มีหลายความเห็นแต่หลายคนไม่เคยได้ยินว่าเหตุผลที่แท้จริงของการที่ฟ้าใสไม่เซ็นสัญญาจากปากฟ้าใสมันเป็นยังไง อาจจะได้ยินจากข่าวที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดเนื่องจากฝั่ง TPN พี่ปุ้ยที่เราเคารพรักและยังเคารพรักพี่ปุ้ยเหมือนเดิมในฐานะผู้ใหญ่ของ TPN ก็ได้ออกมาแถลงข่าวเกิดความเข้าใจผิดในตัวน้อง
และมีผลจริงๆ วันนี้เราเลยให้น้องมาชี้แจงจากปากของน้องจริงๆ ว่าข้อเท็จจริงรายละเอียดตามไทม์ไลน์ที่ TPN แถลงนั้นเป็นอย่างไร วันนี้เรามาพร้อมหลักฐานและพร้อมข้อมูลอย่างละเอียดอยากให้ทุกคนตั้งใจฟังจากปากของน้องเอง
และที่น้องต้องใส่แว่นตาเพราะว่าน้องสายตาสั้นนะ (หัวเราะ) ไม่ได้เฟียสมากในการแถลงข่าวก็ต้องขอใส่แว่นตาเพราะต้องอ่านและพี่เอสก็จะตอบและสรุปให้แต่ละจุดให้นะครับ”
ฟ้าใสชี้แจงข้อเท็จจริง สาเหตุไม่ต่อสัญญาเพราะว่า TPN ขอเปลี่ยนสัญญาฉบับที่ 2 และ 3 หลังจากที่ประกวดมิสยูนิเวิร์สเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่เพราะตนอยากจะเปลี่ยนแปลงสัญญาตามที่ TPN ได้แถลงไป
ฟ้าใส : “ฟ้าใสขออนุญาตชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการไม่ต่อสัญญากับบริษัท TPN 2018 จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาฟ้าใสไม่เคยออกมาชี้แจงเลย แต่วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ทุกคนจะได้ฟังความจริงจากปากของฟ้าใสค่ะ จากการแถลงข่าวในช่วงที่ผ่านมาของบริษัท TPN 2018 จำกัด พี่ปุ้ยได้ออกมาบอกว่าทาง TPN ไม่เคยเปลี่ยนสัญญาขอฟ้าใสเลยฟ้าใสขอยืนยันข้อเท็จจริงนะคะว่าทาง TPN 2018 เป็นผู้ขอเปลี่ยนสัญญาในฉบับที่ 2 ที่แอตแลนต้า ในอีกครั้งหนึ่งคือฉบับที่ 3 ที่ฟ้าใสได้รับที่เมืองไทยหลังจากเสร็จสิ้นการประกวดมิสยูนิเวิร์สเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เอส : “เนื่องจากในคำแถลงของพี่ปุ้ยในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้บอกว่าทาง TPN ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสัญญาน้องเลย แต่จริงๆ มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาของน้องที่เป็นสาระสำคัญในฉบับที่ 2 ที่ให้ที่แอตแลนต้าและในฉบับที่ 3 ที่กลับมาที่เมืองไทยน้องขอยืนยันแล้วว่าจากคำแถลงมีการเปลี่ยนแปลงจริงครับ”
ยันไม่เคยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นสัญญาตามที่ทนายฝั่ง TPN กล่าวอ้าง แต่เพราะสัญญาฉบับที่ 2-3 ไม่เหมือนกับสัญญาฉบับแรกซึ่งตนก็ทักท้วงตลอดมา
ฟ้าใส : “แล้วที่ทนายของฝั่ง TPN 2018 แจ้งว่าฟ้าใสบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นสัญญามาโดยตลอด อันนี้บอกเลยนะคะว่าไม่เป็นความจริงค่ะเนื่องจากฉบับที่ 1 ที่เราเซ็นไปแล้วได้บอกถึงเงินรางวัลระยะเวลาในสัญญาและบทบาทหน้าที่ของผู้รับตำแหน่งไว้อย่างครบถ้วนนะคะ
แต่ในฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 ทาง TPN2018 เปลี่ยนแปลงเนื้อหาและเงื่อนไขที่ไม่ตรงกับฉบับที่ 1 เมื่อเราได้ทราบเนื้อหาในฉบับที่ถูกเปลี่ยนแปลง ฟ้าใสจึงได้ทักท้วงทาง TPN มาโดยตลอดเพราะฉะนั้นวันนี้ฟ้าใสจะมาขอชี้แจงไทม์ไลน์และข้อเท็จจริงต่างๆ พร้อมกับหลักฐาน”
เอส : “เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาน้องได้ทักท้วงไปทาง TPN ว่าเนื้อหาไม่ตรงนะเพราะฉบับที่แล้วที่เราเซ็นไปมันไม่ได้เป็นแบบนี้ในเนื้อหา”
ขอชี้แจงไทมไลน์ของที่มาสัญญาเป็นข้อๆ ข้อที่ 1 ตนได้เซ็นสัญญาฉบับที่ 1 ที่ในนั้นระบุรางวัลระยะเวลาผูกพันการแบ่งเปอร์เซ็นต์เงื่อนไขการทำงานไว้ชัดเจน แต่ฝ่าย TPN กลับแย้งว่านั่นไม่ใช่สัญญาเป็นเพียงข้อตกลง
ฟ้าใส : “ข้อที่ 1 นะคะวันที่ 6 มิถุนายน 2562 ฟ้าใสได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับบริษัท TPN 2018 จำกัดในขณะที่ได้เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 โดยในสัญญาได้ระบุรางวัลระยะเวลาผูกพันสัญญากี่ปี การแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กองประกวดกี่เปอร์เซ็นต์ และเงื่อนไขการทำงานบทบาทหน้าที่ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เข้าร่วมการประกวดในรอบ 60 คนทุกคนนะคะต้องเซ็นสัญญาฉบับนี้”
เอส : “แต่จากการแถลงข่าวของพี่ปุ้ย พี่ปุ้ยได้บอกว่าอันนี้ไม่ได้เป็นสัญญาเป็นข้อตกลงเฉยๆ แต่ในข้อตกลงนี้ได้ระบุละเอียดถึงเงินรางวัล ระบุละเอียดถึงการหักเปอร์เซ็นต์ ระบุละเอียดถึงรางวัลต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ถ้าเป็นข้อตกลงผมจะให้ทนายเป็นผู้บอกว่าสิ่งที่ฟ้าใสเซ็นไปในรอบ 60 คนกับเพื่อนทั้งหมด”
ทนายคริส : “ประชาชนทั่วไปมักจะมีความเข้าใจผิดว่าถ้าเกิดว่าในหัวข้อไม่ได้เขียนว่าสัญญาไม่ใช่สัญญาจริงๆ ไม่ใช่นะครับ ไม่ว่าเอกสารใดที่ท่านเซ็นไปไม่ว่าจะเขียนว่าสัญญาข้อตกลง MOU บันทึกไม่ว่าจะเขียนว่าอะไรทั้งสิ้น ตราบใดก็ตามที่เจตนาของผู้เสนอและผู้สนองต้องตรงกันเราตกลงกันแล้วสัญญาต้องเป็นสัญญาข้อตกลงต้องได้รับ การบังคับสามารถบังคับใช้ได้ทุกกฎหมายได้ทุกประการ เหมือนสัญญาปกติทั่วไปไม่ว่าจะเขียนว่าข้อตกลงก็ตาม”
เอส : “สัญญาฉบับแรกน้องได้เขียนไปแล้วในนั้นมีรายละเอียดชัดเจนถึงเนื้อหาสำคัญไม่ว่าจะเป็นเงินรางวัลของรางวัล อายุสัญญากี่ปี น้องได้เซ็นไปแล้วแต่ทางนั้นถือว่าเป็นข้อตกลงเราเลยให้ทนายมาพูดว่าทางนั้นเรียกว่าสัญญา ฝากถึงน้องๆ ผู้เข้าประกวดทุกคนที่จะประกวดบนเวทีต่อๆ ไปถ้าเราได้มีโอกาสได้เซ็นข้อตกลงแบบนั้นนั่นหมายความว่าคุณได้เซ็นสัญญาไปแล้วนะครับ”
แจงข้อสองขอยืนยันว่าทาง TPN ไม่เคยเรียกตนเข้าไปเซ็นสัญญา โดยโชว์หลักฐานเป็นตารางงานกองประกวดโดยในวันที่รองทั้ง 4 ท่านไปเซ็นสัญญาก็ยังทำงานอยู่กับตน
ฟ้าใส : “ข้อที่ 2 วันที่ 17 กรกฎาคม 2062 ทาง TPN ได้แถลงข่าวว่ารองทั้ง 4 ท่านได้เข้ามาเซ็นสัญญายกเว้นฟ้าใส ฟ้าใสขอบอกนะคะในวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ขอยืนยันว่าทาง TPN ไม่เคยแจ้งและไม่เคยเรียกเข้าไปเซ็นสัญญาเลยค่ะ และสิ่งที่เป็นหลักฐานและสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าฟ้าใสไม่ได้ถูกเรียกเข้าไปเซ็นสัญญาคือตารางงานของกองประกวดค่ะ”
เอส : “อันนี้คือตารางงานของกองประกวดที่มาจากกองประกวดน้องทำงานตั้งแต่ 8 โมงครึ่งจนถึง 3 ทุ่มและตารางงานผู้จัดการกองประกวดเป็นคนลงไม่มีการลงให้ไปเซ็นสัญญาเลยแล้วถ้ามีการลงจริงก็ไม่รู้ว่าจะช่วงไหนจะไปเซ็นอาจจะเป็น 4 ทุ่มรึเปล่า เพราะฉะนั้นนี่คือตารางงานซึ่งเป็นตารางงานของกองประกวดที่ผู้จัดการกองจะต้องลงไว้ไม่ใช่ตางรางงานที่เราทำขึ้นมาเอง
อาจจะเกิดการเข้าใจผิด ผมเห็นพี่ปุ้ยแถลงว่ายกเว้นน้องคนเดียวอาจจะไม่ได้บอกว่าไปเรียกน้องก็ได้ แต่จริงๆต้องบอกว่าไม่มีการเรียกน้องจริงๆ เขาอาจจะไม่เรียกจริงๆ ก็ได้นะครับ แต่อยากจะบอกว่าวันที่ 17 น้องทำงานทั้งวัน เพราะฉะนั้นข้อที่บอกว่าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นสัญญาไม่เป็นความจริงเลยครับนี่คือตารางงานสามารถให้นักข่าวทุกคนได้หลังจากนี้
และก็มากกว่าตารางงาน เรามีรูปที่เราได้ทำงานจริงในวันนั้น นี่คือรูปที่น้องทำงานกับรองทั้ง 4 คน ซึ่งหมายความว่าวันนั้นโอกาสที่จะไปเซ็นสัญญามันยากมากสำหรับน้อง เพราะว่าน้องทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มและน้องก็แอบกระซิบบอกว่าพี่หนูก็ไม่รู้ด้วยว่าเพื่อนไปเซ็นไม่มีใครบอกหนูเลย ก็เลยน่าแปลกเพื่อนไปเซ็นตอนไหนเขาอาจจะมีเวลาว่างกว่าฟ้าใส ตอนนั้นอันนี้คือหลักฐานที่ให้ทุกคนได้ขอยืนยันว่าน้องไม่ได้บ่ายเบี่ยงไม่เคยรับทราบเลยว่าวันนั้นมีการเซ็นสัญญา”
แจงข้อที่ 3 ในความเป็นจริงทาง TPN ส่งสัญญาฉบับที่ 2 มาให้ตนตอนเที่ยงคืนก่อนเดินทางไปแอตแลนต้า
ฟ้าใส : “ข้อที่ 3 นะคะในการแถลงข่าวพี่ปุ้ยบอกว่าก่อนเดินทางไปแอตแลนต้า ได้ส่งสัญญามาให้ฟ้าใสทางบริษัท TPN 2018 ส่งมาคืนก่อนที่จะเดินทางไปแอตแลนต้าตอนเที่ยงคืน”
เอส : “สมมติพรุ่งนี้จะเดินทางไปแอตแลนต้า ตอนเย็นที่สนามบินที่มีคนไปส่งน้องเยอะๆ TPN ส่งมาคืนนี้ตอนเที่ยงคืนนั่นหมายความว่า ถ้าได้รับสัญญาแล้วน้องก็จะหลับเลยทันทีแล้วตื่นแต่งหน้าทำผมเพื่อเตรียมตัวจะไปสนามบิน ถามว่าถ้าท่านเป็นน้องท่านมีโอกาสจะเซ็นสัญญามั้ย ถ้าท่านได้รับตอนเที่ยงคืนจะได้เปิดสัญญาแล้วเซ็นเจรจากับทางกอง TPN มั้ย เพราะว่าได้รับตอนเที่ยงคืนคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าเตรียมตัวเก็บกระเป๋าไปสนามบินตอนเย็น
นั่นหมายความว่าคำว่าก่อนแอตแลนต้าหมายความว่าคืนก่อนบินเลยครับ ด้วยภาระหน้าที่ ตอนนั้นน้องก็โฟกัสเพราะฉะนั้นเราดูไทม์ไลน์มันยากมากที่ได้เที่ยงคืนแล้วตีหนึ่งเปิดสัญญาแล้วเซ็นกลับไปมันคงไม่มีใครเซ็นตอนตี 1 แน่นอนคงต้องอ่านก่อนนะครับ”
แจงข้อ 4 เมื่อได้พิจารณาสัญญาแล้วก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากฉบับเดิมแม้จะนำกลับไปแก้ไขแล้วก็ยังมีเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ตรงกับสัญญาฉบับแรก
ฟ้าใส : “ข้อที่ 4 เมื่อเดินทางไปถึงแอตแลนต้าแล้วในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 คืนก่อนฟ้าใสจะเข้ากองมิสยูนิเวิร์ส ได้รับสัญญาจากมือพี่ปุ้ยโดยตรง โดยคุณแม่ของฟ้าใสก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นด้วย จึงได้รู้ว่าสัญญาฉบับนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาซึ่งไม่ตรงกับสัญญาฉบับแรก อาทิเช่น มีการเพิ่มจำนวนปีเพิ่มจำนวนการหักเปอร์เซ็นและอื่นๆ อีกด้วยค่ะคุณแม่จึงขอให้เปลี่ยนสัญญาตามเจตนารมณ์ของฉบับแรกซึ่งทาง TPN 2018 ก็ส่งสัญญาอีกฉบับกลับมานะคะแต่ก็ยังมีเนื้อหาบางอย่างที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เหมือนฉบับแรกค่ะ”
เอส : “น้องได้รับก่อนจะเข้าเก็บตัวตอนกลางคืนส่งให้คุณแม่น้องและอย่างที่พี่ปุ้ยบอกเลยครับคุณแม่น้องก็ค้างอยู่กับน้อง และสุดท้ายพอน้องได้รับก็เปิดสัญญาพรุ่งนี้จะเข้าเก็บตัวแล้ว เอ้า มันไม่ตรงกับข้อตกลงครั้งแรกก็เลยให้เปลี่ยนตามข้อตกลงครั้งแรก สัญญาถูกเปลี่ยนแล้วก็ส่งกลับมาแต่ก็มีบางข้อที่ไม่ได้เปลี่ยน ทำให้ไม่ได้มีการเซ็นครับ”
ฟ้าใส : “ดังนั้นนะคะจากที่พี่ปุ้ยแถลงข่าวว่าคุณแม่ฟ้าใสขอหักเปอร์เซ็น 70:30 ก็เป็นเรื่องจริงนะคะ แต่ก็เป็นเพราะว่าในสัญญาฉบับที่แอตแลนต้ามีการขอหักเปอร์เซ็นต์มากกว่า 70:30”
เอส : “ขอย้ำนะครับจากที่พี่ปุ้ยแถลงข่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องหัก 70:30 จริงครับเป็นเรื่องธรรมดาแต่สัญญาฉบับแอตแลนต้าขอหักมากกว่า 70 : 30 มีอีกข้อหนึ่งสัญญาทั่วไป 70:30 แต่สัญญาที่ส่งมาในค่ำคืนนั้นก่อนที่จะเข้ากองเดี๋ยวจะมี 50 นะครับมันมากว่า 70:30ทางคุณแม่ก็เลยขอกลับมาที่ 70:30 ได้ไหมคือมันมากกว่า 70:30”
โดยสัญญาที่ทาง TPN ไม่ยอมเปลี่ยนคือหากตนได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สขอหัก 50 เปอร์เซ็นต์ทุกกรณีด้าน “ทรายคริส” ชี้ตามหลักกฎหมายฟ้าใสมีสิทธิ์ที่จะไม่เซ็นในเงื่อนไขใหม่ที่ไม่ตรงกับสัญญาเก่า
เอส : “แล้วทางพี่ปุ้ยได้พูดครั้งที่แล้วว่าขอหักต่างประเทศ 50 น้องฟ้าใสอ่านเลยว่าถ้าจะเคลียร์เอเจนซี่ให้เราจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเลยสัญญาไม่ได้เขียนแบบนั้นและระบุแบบนั้น”
ฟ้าใส : “สัญญาระบุว่าถ้าฟ้าใสได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สขอหัก 50 เปอร์เซ็นทุกกรณี”
เอส : “นั่นหมายความว่าถ้าฟ้าใสได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สขอหัก 50 เปอร์เซ็นต์ทุกกรณี”
ทนายคริส : “ในหลักกฎหมายมันมีหลักใหญ่สำคัญอยู่หลักหนึ่ง เขาเรียกว่าสัญญาต้องเป็นสัญญา คุณเซ็นอะไรลงไปคุณเอาข้อเสนอมาให้น้องเซ็นในวันแรกยังไงคุณต้องผูกพันตามสัญญานั้น ถ้าคุณอยากจะแก้ไขสัญญาคุณเดินมาหาน้องแล้วบอกว่านี่คือเงื่อนไขใหม่น้องมีสิทธิ์ทุกประการที่จะยอมตามหรือมีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะฉะนั้นถามว่าพี่ปุ้ยเดินมาบอกว่าสัญญาฉบับใหม่มาอย่างนี้น้องมีสิทธิ์ที่จะไม่เซ็นหรือไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์”
เอส : “ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งครับว่า 70:30 คุณแม่น้องขอไปเพราะว่าในสัญญามากกว่า 70:30 และที่บอก 50 เปอร์เซ็นต์งานต่างประเทศไม่ได้เขียนแบบนั้นครับเขียนเลยว่าถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สของหัก 50 เปอร์เซ็นต์ทุกกรณี นั่นหมายความว่าถ้าน้องได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 1 ปี 2 ปี 3 ปีที่มาอยู่ที่ไทยถ้าผูกพันสัญญา TPN น้องต้องหัก 50 เปอร์เซ็นต์ให้ TPN ทุกงานอันนี้ที่มันเพิ่มมา”
ยันไม่เกี่ยวเงื่อนไขสัญญาฉบับ 1-2-3 ที่ไม่เหมือนกันเพราะเซ็นคนละสถานะตำแหน่งซึ่งแม่ของตนได้ยืนยันเจตนาที่อยากจะใช้สัญญาที่เหมือนกับสัญญาฉบับแรก
ฟ้าใส : “มันยังมีอีกหลายๆ ข้อที่ไม่ตรงกับสัญญาฉบับแรกแม่ฟ้าใสเลยได้แก้เป็นลายมือและปากเปล่าให้แก้ตรงตามเจตนารมณ์ของสัญญาฉบับแรก ฟ้าใสขอสรุปดังนี้นะคะ สัญญาฉบับแอตแลนต้าบริษัท TPN 2018 ได้ขอเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในสัญญาหลายข้อคุณแม่ฟ้าใสเลยขอร้องให้มีการแก้สัญญาให้เหมือนกับสัญญาฉบับที่ 1”
เอส : “หลายคนที่ฟังข่าวมาว่าน้องไม่ยอมเซ็นสัญญา เราเซ็นไปแล้วฉบับแรกมีเนื้อหาเลยสมมติน้องๆ ไปสมัครงานบอกเงินเดือนบอกจำนวนปีทำงานไปหมดแล้วแต่เนื้อหามันถูกเปลี่ยนในสาระสำคัญก็ต้องคิดแล้ว”
แจงข้อที่ 5 จากการประกวดมิสยูนิเวิร์สตนได้รับสัญญาฉบับที่ 3 แต่กลับพบว่าสัญญาฉบับนี้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากเดิมเยอะมากตนจึงยังไม่เซ็น
ฟ้าใส : “ข้อที่ 5 ในวันที่ 15 มกราคม 2563 หลังจากกลับจากการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ทางกองประกวดได้เรียกเข้าไปเซ็นสัญญาฉบับใหม่อีกฟ้าใสก็ได้เข้าไปตามที่กองประกวดเรียก แต่เมื่อได้อ่านสัญญาฟ้าใสจึงได้รู้ว่าสัญญาฉบับใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเยอะมากซึ่งมากกว่าฉบับก่อนหน้านี้อีก ฟ้าใสจึงไม่ได้เซ็นสัญญาในวันนั้นและขอกลับมาปรึกษาผู้ใหญ่”
เอส : “เซ็นฉบับแรกก่อนเข้ากอง ฉบับสองก่อนไปแอตแลนต้า และที่แอตแลนต้าฉบับ 3 กลับมาแล้วเรียกน้องเข้าไปเซ็นสรุปว่าเนื้อหาตรงนี้ถูกเปลี่ยนแปลงอีกเยอะมาก น้องก็เลยบอกขอกลับไปปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนมันไม่ตรง น้องรู้สึกว่ามันไม่เหมือนกับที่เราเคยเซ็นไว้”
แจงข้อ 6 ย้ำไม่ได้บ่ายเบี่ยงการเซ็นสัญญาเพราะตนทวงถามและมีการนัดเข้าไปคุย
ฟ้าใส : “ข้อที่ 6 ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ฟ้าใสได้ติดตามไปทางอดีตผู้จัดการกองประกวดถึงเรื่องของสัญญาและขอนัดเข้าไปคุยจึงนัดมาเป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งการนัดครั้งนี้เกิดจากการทวงถามของฟ้าใสถ้าดูไทม์ไลน์จะรู้นะคะว่าฟ้าใสไม่ได้บ่ายเบี่ยงที่จะเซ็นสัญญาเลยค่ะ
เอส : “จริงๆ วันนี้มีหลักฐานมาโชว์ว่าบ่ายเบี่ยงยึดเยื้อไม่เคยเป็นเลยครับ ที่ผ่านมามากกว่าครั้งนี้น้องก็เคยติดตามทวงถามเรื่องสัญญากับทางนั้น วันนี้ก็มีไลน์เอามาให้ดูด้วยเขียนว่า พี่...คะหนูมีเรื่องปรึกษาทาง TPN ยังไม่ได้นัดวันกับฟ้าใสเข้าไปคุยเรื่องสัญญาเลยค่ะถ้าเป็นช่วงกลางวันวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ทาง TPN สะดวกไหมคะทางนี้ก็บอกว่าขอเป็น 17 ได้ไหมคะแล้วสุดท้ายตกลงกันได้เป็น 21 กุมภาพันธ์ ก็คือน้องทวงถามไปแล้วทางนั้นก็สรุปกลับมาว่าเป็น 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับไทม์ไลน์
การที่บอกว่าน้องบ่ายเบี่ยงน้องยึดเยื้อที่ทนายพูดจริงๆ มีมากกว่า 1 ครั้งนะครับ เราสามารถส่งให้ดูได้ไลน์จริงแน่นอน แล้วคนที่เป็นพยานได้คือผู้จัดการกองคนที่ดูแลน้องเพราะเขาต้องนัดกับทาง TPN เพราะฉะนั้นคำว่าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นสัญญาไม่เป็นความจริงเลยครับ”
แจงข้อ 7 ทาง TPN ปฎิเสธแก้ไขสัญญาตนเลยตกลงไม่เซ็นสัญญา
ฟ้าใส : “ข้อที่ 7 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ฟ้าใสจึงเดินทางเข้าไปพบ TPN 2018 อีกครั้งจึงเจรจาเรื่องสัญญา แต่ทางบริษัท TPN 2018 ปฏิเสธที่จะแก้ไขจึงได้มีการตกลงนัดคุยกันและสุดท้ายมีการจบสัญญากันในวันที่ 4 มีนาคม 2563 ค่ะ”
เอส : “21 กุมภาพันธ์ ก็ได้เข้าไปตามนัดที่น้องทักท้วง สุดท้ายก็เป็นไปตามที่บอกว่าคุยในข้อตกลงสัญญาไม่ได้ก็เลยจบไม่ได้เซ็นสัญญาต่อ เพราะฉะนั้นก็เข้าใจตรงกัน สรุปจากที่แถลงข่าวน้องไม่ได้บ่ายเบี่ยงน้องไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยนเนื้อหาสาระสำคัญสัญญาฉบับที่ 2 ฉบับที่ 3 จากการที่ TPN แถลงไปว่าไม่ได้เปลี่ยนเราจะทำยังไงในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนี้ (หัวเราะ)”
ลั่นข้อสำคัญไม่ได้อยู่ตรงข้อตกลงสุดท้ายตามที่ TPN พูดแต่เป็นเนื้อหาสัญญาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากฉบับที่ 1 เสนอยินดีให้ TPN เปิดสัญญาทุกฉบับของตนโดยตนยินดีจะเข้าร่วมแถลงข่าวด้วยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกันทั้งสองฝ่าย
ฟ้าใส : “จากการที่พี่ปุ้ยแถลงข่าวยินยอมให้ฟ้าใสได้เปิดข้อตกลงสุดท้ายได้โดยจะไม่เอาความ ฟ้าใสก็ยินดีที่จะให้พี่ปุ้ยเปิดข้อตกลงนั้นเหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่ข้อตกลงฉบับสุดท้าย แต่อยู่ที่เนื้อหาในสัญญาทุกฉบับว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า และบางข้อในสัญญาไม่เป็นไปตามสัญญาฉบับที่ 1 หรือไม่นะคะ จึงอยากให้พี่ปุ้ยและบริษัท TPN 2018 เปิดสัญญาทุกฉบับ โดยฟ้าใสยินดีมาร่วมงานแถลงข่าวด้วยนะคะเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายและยืนยันข้อเท็จจริงกับประชาชนและพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน”
เอส : “ทาง TPN บอกว่าไม่ได้เปลี่ยนทางน้องบอกไม่ได้เปลี่ยน ง่ายมากเลยครับ เราเกรงใจสื่อมวลชนเกรงใจประชาชนที่ต้องรับข่าวสารไปมา ทางน้องก็ขอเรียนเชิญพี่ปุ้ยเปิดสัญญาทุกฉบับ ขอพูดนิดนึงหลายคนที่ฟังข่าวอาจจะเข้าใจผิดว่าพี่ปุ้ยได้บอกให้เปิดสัญญา แล้วจริงๆ พี่ปุ้ยได้บอกให้เปิดข้อตกลงสุดท้ายเฉยๆ แต่ยังไม่ได้บอกให้เปิดข้อสัญญาฉบับที่ 1 ที่ 2 3 4 ก็ว่ากันไป
ในฐานะที่ครั้งที่แล้ว เราเห็นมีผู้เข้าประกวดท่านนึงคุยกันเรื่องกองเรื่องการแถลงข่าวต่างๆ ทางพี่ปุ้ยก็ได้เรียนเชิญเขามารับฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ฟ้าใสยินดีเลยครับขอให้พี่ปุ้ยเปิดมาก่อนทุกฉบับ 1-4 แล้วข้อตกลงครั้งสุดท้ายเราจะมาร่วมนั่งแถลงข่าวด้วยเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่ต้องมาโต้ตอบกันไปมาขอยืนยันว่าน้องมาแน่นอน
ก็ขอแถลงข่าวแบบนี้ว่าเราไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยนแปลงสัญญาแล้วให้พี่ปุ้ยเปิดสัญญาคิดว่าการแถลงข่าวก็จะไม่ใช่การว่ากันไปมาเพราะเราก็มีเจตนาที่จะรักษาชื่อเสียงของทั้งสองฝ่ายและยังเคารพรักกองประกวดเขายังเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักอยู่เหมือนเดิมแต่เราก็อยากให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริงด้วยเพราะน้องถูกเข้าใจผิดเยอะ”
วอนอย่ามองว่า “ฟ้าใส” ไม่แฮปปี้กับข้อตกลงในสัญญาของทาง TPN และทนายคริสซัดไม่มีสัญญาข้อใดที่อนุญาตให้กองประกวดเปลี่ยนแปลงสัญญาได้โดยฝ่ายเดียวด้วย
เอส : “อย่าใช้คำว่าไม่แฮปปี้ เนื้อหาในสัญญาสาระสำคัญถูกเปลี่ยน ยกตัวอย่างง่ายๆ วันนี้น้องเข้าไปเซ็นสัญญาทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งแล้วเขาตกลงเงินเดือนจำนวนปีผูกพันโบนัสน้องเรียบร้อยแล้วแต่อยู่มาวันนึงเอาสัญญาอีกฉบับมาให้น้องเซ็น แล้วเนื้อหาสาระสำคัญบางอย่างถูกเปลี่ยน เอ๊ะ ทำไมอันนี้อันนั้นไม่เหมือนเดิมน้องก็บอกว่าอ้าวทำไมไม่เหมือนเดิมขอเหมือนเดิมได้ไหม”
ทนายนงลักษณ์ : “สัญญาฉบับแรกที่น้องเซ็นไป ในนั้นมีพิมพ์ไว้เลยว่าผู้ชนะตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์จะต้องมีของรางวัลดังนี้ๆ มีระยะเวลาสัญญาผูกพันนางงามยังไงสัญญาที่จะเป็นนักแสดงยังไง มีกำหนดระยะเวลา และในขณะที่น้องเซ็นไปแล้ว และหลังจากที่น้องเซ็นไปแล้วได้ตำแหน่งสัญญาฉบับนั้นยังมีผลบังคับอยู่ยังไม่หมดอายุสัญญาจนกระทั้งถึงวันที่น้องเซ็นฉบับสุดท้ายในปี 63”
เอส : “สัญญาฉบับแรกครอบคลุมกับตอนที่น้องได้ตำแหน่งครับ ถ้าเราได้ตำแหน่งเราจะได้อะไรมันครอบคลุมแล้วครับทางกฎหมาย”
ทนายคริส : “ในสัญญาฉบับแรกมีเขียนไว้ละเอียดยิบว่าผู้ชนะได้อะไร รองได้อะไร รองอันดับ 2 ได้อะไร เขียนชัดมาก และไม่มีข้อตกลงไหนเลยไม่มีสัญญาข้อใดเลยที่อนุญาตให้กองประกวดเปลี่ยนแปลงสัญญาได้โดยฝ่ายเดียว ไม่มีเลย”
เอส : “ไม่มีเลย ย้ำ”
ส่วนในสัญญามีเปลี่ยนของรางวัล “ฟ้าใส” จริงหรือไม่ทางผู้จัดการขอเก็บเอาไว้ตอบตอนเปิดสัญญาร่วม
เอส : “คิดว่าคำถามนี้จะได้คำตอบเมื่อทางนั้นเปิดสัญญาร่วมกันว่ามีการเปลี่ยนแปลงของรางวัลน้องหรือเปล่า เราอยากให้ทาง TPN เป็นผู้เปิดจริงๆเพราะเขาเป็นผู้เขียนสัญญาเราอยากให้เกียรติผู้ใหญ่ก่อนเราพร้อมที่จะมานั่งแถลงข่าวด้วยกัน”
บอกความยุติธรรมจะปรากฎต่อเมื่อเปิดสัญญา “ทนายคริส” ซัดไม่มีใครสามารถโกหกข้อเท็จจริงหน้าเอกสารได้ความจริงจะชนะทุกสิ่ง
เอส : “ยกตัวเองเลยเช่นฉบับที่ 2 ทางพี่ปุ้ยแจ้งว่า 70:30 แล้วคุณแม่น้องขอเปลี่ยนคุณแม่บอก 70:30 จริงแต่ในสัญญาบอกว่าไม่ใช่ 70:30 มันมากกว่านั้นแต่เราไม่ขอบอกตัวเลขเราจึงขอเปลี่ยนเป็น 70:30 ที่พี่ปุ้ยบอกว่าหักงานต่างประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มีการเขียนข้อความนั้นครับแต่เขียนว่าถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สขอหัก 50 เปอร์เซ็นต์ทุกกรณี กลับมาที่ไทยจะผูกสัญญากี่ปีก็ต้องถูกหัก 50 เปอร์เซ็นต์ เราเปิดเผยแค่ 2 ข้อเพราะทางพี่ปุ้ยเปิดเผยมาแค่ 2 ข้อ แต่มันมีข้ออื่นๆ อีกรอพี่ปุ้ยแถลงแล้วเราจะมานั่งร่วมด้วย
ความยุติธรรมจะขึ้นอยู่กับการเปิดสัญญาครั้งนั้นแหละครับอยากให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเลยอยากให้ทาง TPN เป็นผู้เปิดรับรองว่าไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง จะมีแต่ความเข้าใจกันเสียมากกว่า เพราะสุดท้ายสัญญามันจะเป็นคนบอกเองว่าใครโกหก”
ทนายคริส : “เรื่องนี้ข้อเท็จจริงในเอกสารมันมีชัดเจนไม่มีใครจะโกหกต่อหน้าเอกสารได้ วันนั้นเรามาเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง รวมถึงให้โอกาส TPN ได้เคลียร์ตัวเองด้วยวันนี้ในโลกออนไลน์ มีแฟนคลับทั้งสองฝ่ายสู้กันโจมตี ด่าทอกัน ผมคิดว่าวันนั้นเรามานั่งด้วยกันแล้วเปิดสัญญาเปิดข้อเท็จจริงร่วมกัน จบ ความจริงจะชนะทุกสิ่งแล้วเดี๋ยวเรามาลองดูกัน”
โอดรุนแรงเกินไปหากจะกล่าวหาสัญญาดังกล่าวว่าเป็นสัญญาทาส
เอส : “คิดว่าคำนี้รุนแรงเกินไปสำหรับใช้กับสัญญากับทาง TPN ว่าเป็นสัญญาทาส เอาเป็นว่าเราไม่ขอใช้คำนี้เอาเป็นว่าเนื้อหาในสัญญาบางอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงและตกลงกันไม่ได้เท่านั้นเอง”
ทนายคริส : “มันไม่ใช่เรื่องของการมาเจอกันตรงกลางเพราะสัญญามันตกลงกันไปแล้ว ถ้าก่อนหน้าคุยกันแล้วมาบอกว่าฟ้าใสไม่ได้ 70 ฟ้าใสไม่มาประกวดนะอันนี้คุยกันได้ แต่วันนี้สัญญามันเซ็นไปแล้วเราตกลงแล้ว วันที่เขาเปลี่ยนสัญญาฟ้าใสได้โอกาสไปประกวดที่อเมริกาแล้วนะครับ วันนั้นคือตัวเก็งแล้วจะมาเปลี่ยนสัญญาวันนั้น”
เอส : “เหมือนน้องไปกู้เงินมา สัญญาเขียนว่าน้องต้องเสียดอก 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฎเจ้าหนี้มาขอเปลี่ยนขอคิดดอกขึ้นเป็น 30 เปอร์เซ็นต์น้องจะยอมไหม”
ทนายคริส : “คือเจ้าหนี้เกิดเห็นว่าเราได้เงินเดือนเพิ่มจาก 2 หมื่นเป็น 4 หมื่นเลยไปขอเพิ่มดอกเบี้ยของการซื้อบ้านครั้งนั้น เราจะยอมไหมถ้าสถานการณ์มันเปลี่ยน”
อธิบายในมุมที่หลายคนอาจจะมองว่าถึงการลงทุนของผู้จัดไปกับ “ฟ้าใส” ตรงนี้ “เอส” เล่าทางฟ้าใสเองก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองตอบแทนอย่างครบถ้วนแล้ว
เอส : “เรื่องนี่เป็นเรื่องที่หลายคนคาใจว่าผู้จัดได้ลงทุนไปแล้วเขาอาจจะต้องถอนทุนจากตรงนี้ ตลอด 1 ปีที่ฟ้าใสได้ดำรงตำแหน่ง ฟ้าใสได้ยินยอมให้กองหักตามเปอร์เซ็นต์ที่ระบุไว้ในสัญญาฉบับแรกทุกบาททุกสตางค์แล้ว ฟ้าใสถ่ายสปอนเซอร์ ถ่ายโฆษณาสปอนเซอร์ เราเป็นผู้จัดการดารามา 11 ปี การถ่ายโฆษณาตัวนึงจะไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้าน ฟ้าใสถ่ายให้ 2 ตัว โดยที่ไม่ได้เงินเพิ่มมันเป็นภาระหน้าที่ของเราเมื่อได้ตำแหน่งแล้วฟ้าใสดำรงตำแหน่งและทำหน้าที่อย่างสมบทบาทไปประกวดมิสยูนิเวิร์สยอมถูกการเทรน
ไม่มีสิ่งไหนเลยที่ตลอด 1 ปีฟ้าใสไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนั้น ฉะนั้นสิ่งที่ TPN ได้ไปเป็นตัวบอกเลยว่าฟ้าใสรักกองประกวดเขารู้สึกสำนึกในบุญคุณนั้นไม่เคยรู้สึกอะไรกับการที่ TPN ได้หักเปอร์เซ็นต์ตามสัญญาฉบับที่ 1 เลย ซึ่งนางงามบอกเลยว่าจะมีงานมากที่สุดคือปีแรกปีที่ได้ตำแหน่ง นั่นหมายความว่าปีที่ได้ตำแหน่งน้องหักให้ทาง TPN ครบหมดแล้วทุกงานที่ออกเป็น 20-30 งานหักไปหมดแล้ว ปีที่ 2 ก็ต้องคนใหม่มาพอคนใหม่มา สัญญามันถูกเปลี่ยนมันไม่เหมือนกับฉบับแรก เราจึงต้องคิดก่อนถูกไหมถ้าในแง่ของความกตัญญูเชื่อว่าฟ้าใสได้ทำอย่างเต็มที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟ้าใสไม่เคยได้พูดอะไรสักครั้งเดียว”
ในส่วนที่ทาง TPN บอกว่าเพราะ “ฟ้าใส” ไม่ได้เซ็นสัญญาเลยไม่มีสิทธิ์ได้มงกุฎและเงินรางวัลตรงนี้ “เอส” ขอชี้แจงหลังจากที่ได้เปิดสัญญาแล้ว
เอส : “ขออนุญาตให้มีการเปิดสัญญาก่อนแล้วทุกอย่างจะชี้แจงข้อเท็จจริงหลายๆ อย่าง ต้องขอโทษจริงๆ เพราะมันผูกพันกัน 2-3-4 มันไม่ได้เกิดแค่ข้อตกลงสุดท้าย ถ้าฟังแล้วจะเก็ตเลยฉบับที่ 1 เซ็นแล้ว 2 มาเปลี่ยนฉันเปลี่ยนเนื้อหาอีก 3-4 มาเปลี่ยนฉันอีก เชื่อว่าถ้าทุกคนเป็นพนักงานก็จะไม่เซ็น วันนี้เราขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงสัญญาแต่เป็นทางนั้นที่เปลี่ยนแปลงสัญญาฉบับที่ 2-3”
ทนายคริส : “ในมุมมองของนักกฎหมายต้องผูกพันกันตามสัญญา อันนี้เป็นหลักใหญ่ใจความเลย ถ้ากองประกวดอยากจะได้แบบไหนอย่างไรให้เขาเซ็นตั้งแต่วันแรก อันนั้นแฟร์ แต่ถ้าจะมาขอเปลี่ยนแน่นอนว่ามันเป็นสิทธิ์ของผู้เข้าประกวดทุกคน ไม่ว่าจะได้ตำแหน่งหรือไม่ได้ตำแหน่งที่จะผูกพันตามสัญญาที่เขาได้เซ็นไปแล้วตั้งแต่วันแรกสัญญานี้ ฟ้าใสไม่ได้เซ็นคนเดียวทุกคนเซ็นเหมือนกันหมดทั้ง 60 คน”
เอส : “ตัวเราเองไม่เคยเห็นสัญญา เพราะเราไม่ได้เป็นผู้จัดการฟ้าใสตอนที่น้องอยู่ในตำแหน่ง พอน้องจบทางนั้นแล้วจึงมาตัวเราเองส่งนางงามมาหลายปีมีนางงามให้มือเป็นสิบๆ คนเมื่อข้อตกลงแรกเป็นยังไงสัญญาฉบับนั้นก็จะเหมือนข้อตกลงแรก”
“ฟ้าใส” โอดประกวดมาหลายเวทีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศแต่ก็ไม่เคยเจอการแก้ไขสัญญาแบบนี้
ฟ้าใส : “ทุกคนทราบว่าฟ้าใสประกวดมาหลายเวทีมากทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ขอพูดที่ประเทศไทย โดยปกติแล้ววันแรกที่มีการลงนามในข้อตกลงก็จะมีสัญญาฉบับที่ 2 ซึ่งมันตรงกับรายละเอียดทุกอย่างที่คุยที่เซ็นกันไว้ ตั้งแต่วันแรกมันจะตรงกับฉบับแรก ไม่เคยเจอการเปลี่ยนแปลงมาก่อนในชีวิตการประกวดของฟ้าใสก็เลยค่อนข้างตกใจ”
ทนายคริส “ทางกองประกวดไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงสัญญาโดยที่ไม่บอก”
ทนายนงลักษณ์ : “สัญญามันคือสองฝ่ายหรือมากกว่าสองฝ่ายก็ยังได้ เขาเรียกว่าคำเสนอคำสนอง ถ้ามันตกลงกันได้เป็นยังไงก็ถือว่าเป็นสัญญาที่บังคับได้ เว้นแต่เนื้อหาของข้อสัญญามันขัดต่อกฎหมาย ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายให้น้องบอกว่ายอม 90:10 ก็ถือว่าเป็นสัญญาถามว่า TPN มีสิทธิ์เปลี่ยนไหมจะเปลี่ยนยังไงก็เปลี่ยนได้ แต่อยู่ที่ว่าน้องจะตกลงด้วยไหม น้องเขามาจากต่างประเทศ เขาไม่ชินภาษาไทยเขาได้ศึกษาเนื้อหาสัญญาฉบับแรกอยู่ในสมองเขาเลยเขาเลยถือตรงนี้เป็นบรรทัดฐานปฎิบัติตามสัญญานี้อย่างเคร่งครัด”
ทนายคริส : “ในสัญญาจะต้องมีหน้าที่ของนางงามที่จะต้องปฎิบัติ ฟ้าใสปฎิบัติตามข้อสัญญาทุกข้อไม่มีสัญญาข้อไหนเลยที่ฟ้าใสไม่ได้ปฎิบัติตาม”
ย้ำการออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองกลับคืนมาแล้ว ส่วนยังหวังจะได้มงกุฎและเงินรางวัลคืนด้วยมั้ยนั้นขอให้มีการเปิดสัญญาก่อนแล้วค่อยมาสรุปกันอีกที
เอส : “เราแค่ขอชี้แจงเหตุผลว่าเราไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยนสัญญา ไม่ได้เป็นผู้บ่ายเบี่ยง ก็อยากจะให้ทาง TPN มาเปิดสัญญาร่วมกันเพื่อชี้แจงต่อประชาชนทั้งหมดว่าฟ้าใสไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อนเท่านั้นเอง แล้วตัวอื่นเดี๋ยวเราจะมาสรุปกันอีกครั้งนึงหลังจากตรงนั้น”
“ฟ้าใส” ปล่อยโฮเผยที่ตนเงียบไม่ใช่ว่าตนไม่รู้สึกอะไรแต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง บอกทุกวันนี้ตนไม่เหมือนเดิมจนมีคนทักว่าเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า
ฟ้าใส : “ตลอดระยะเวลาที่เจอมา ก็ค่อนข้างเศร้าร้องไห้หลายๆ คนทักเลยว่าฟ้าใสเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า เพราะว่าฟ้าใสไม่เหมือนเดิม (ร้องไห้) โดยปกติฟ้าใสจะชอบคุยกับคุณพ่อ มีหลายอย่างที่ฟ้าใสชอบทำแต่กลายเป็นว่าฟ้าใสคนนั้นหายไป ฟ้าใสขอโทษด้วยไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ มันเจอมาเยอะ ประกวดมาหลายครั้งไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้มาก่อน โชคดีที่ฟ้าใสมีคนที่อยู่ใกล้ๆ คอยสนับสนุน ที่ผ่านมาที่ฟ้าใสเงียบไม่ได้แปลว่าเราไม่รู้สึกนะคะ มันเยอะจนเรารู้สึกว่าเขาพาเรามาถึงจุดนี้เราก็ไม่อยากจะออกมาพูดอะไรให้เขาเสื่อมเสียงหรืออะไรก็แล้วแต่เลย โอเค ก็ตามที่เขาอยากจะพูด แต่มันกลายเป็นว่าวันนี้สิ่งที่เขาพูดมันกลับมากระทบเราโดยตรง”
นักข่าวถามย้ำ “ฟ้าใส” 2 ครั้งถึงสิ่งที่เจอมามันยังทำให้ภาคภูมิใจกับเวทีนี้อยู่หรือไม่แต่ทาง “เอส” กลับพูดแทนว่าฟ้าใสรู้สึกและไม่มีความสุขกับสิ่งที่เจอรวมถึงอยากชี้แจงเรื่องถูกคนเข้าใจผิดในเรื่องที่ตนเองไม่ได้เป็นอย่างนั้นแต่มีเหตุผลที่พูดไม่ได้
เอส : “ขอสรุปปิดตรงนี้ว่าอยากให้ทาง TPN มาเปิดสัญญาทุกฉบับและข้อตกลงสุดท้ายร่วมกันและน้องก็ได้ชี้แจงว่าน้องเป็นอย่างที่กล่าวหาหรือเปล่า ส่วนเรื่องน้อง น้องรู้สึกอยู่แล้วหลายคนถามว่าทำไมพี่เอสถึงช่วยฟ้าใสพี่เอสมีโอกาสรู้รายละเอียดหลายอย่างมากเลย แล้ววันนึงฟ้าใสเดินมาบอกว่าพี่เอสคะ หนูไม่มีความสุขเลยกับสิ่งที่เจอ หนูถูกเข้าใจผิดมาตลอด
แม้แต่เรื่องที่เขาเข้ากองสาย เพราะเขาตื่นสาย เขาอยากจะพูดทุกครั้งว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น และไม่เคยทำแบบนั้นเลยแต่มันมีเหตุผลบางอย่างที่เขาพูดไม่ได้ และจุกอยู่ในใจของเขาและเขาร้องไห้มาตลอด วันนี้พี่เอสอยากจะให้ผู้หญิงคนนึงที่ไม่เคยพูดอะไรเลยในข้อเสียของตัวเองออกมาชี้แจงอยากให้ประชาชนตัดสินอย่างเป็นธรรมว่าพอเปิดสัญญาแล้วน้องเป็นอย่างที่ทุกคนกล่าวหาหรือเปล่าน้องเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือเปล่าน้องบ่ายเบี่ยงหรือเปล่า”
ซัดกลับคนมอง “ฟ้าใส” อกตัญญู ตราหน้าหลังจากนี้คงได้แต่งานหรืออีเว้นต์กิ๊กก๊อกว่างานทุกงานมีคุณค่าในตัวเองและวอนอย่าใช้คำว่ากิ๊กก๊อกกับใครอีก
เอส : “คำว่าอกตัญญูมีคนบอกว่าแม่น้องอยากรับงานเองก็เลยไม่ให้น้องเซ็นสัญญา พยายามบ่ายเบี่ยง เราเป็นผู้จัดการ น้องมาอยู่กับเราหลังจากที่น้องจบสัญญา เราหักน้องปกติตาม TPN นี่แหละ ถ้าน้องอยากรับงานเองจะมาอยู่กับเราทำไม ทำไมไม่ขึ้นเบอร์แม่ของเขา ทำไมไม่ขึ้นเบอร์เขาแล้วรับงานไม่เต็มๆ เราเป็นผู้จัดการที่หักเงิน เพราะเรามีค่าใช้จ่าย เขาวิ่งร้องไห้มาขอความช่วยเหลือเรา เราเป็นผู้จัดการไม่ได้อยากจะดูแลใครเพิ่มเพราะ 2 คนก็เยอะแล้ว
อันนึงจากที่มีข่าวว่าน้องรับอีเว้นต์กิ๊กก๊อกเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้โทษนะครับ เราเป็นผู้จัดการมา 10 ปี ทุกอีเวนต์ที่ลูกค้าให้มันมีค่าสำหรับเราไม่ว่าจะโชว์ตัวที่ปลายนา งานวัดไหนๆ คุณค่าของงานไม่มีคำว่ากิ๊กก๊อก ทุกคนคือผู้มีพระคุณสำหรับเรา เราไม่เคยสอนเด็กในสังกัดเลยว่าอีเวนต์นั้นกิ๊กก๊อกอีเวนต์ทุกอีเวนต์ดี ฟ้าใสรับผ่านเรา เราให้คุณค่ากับงาน กับเจ้าของงาน เราขอบคุณเจ้าของงานที่จ้างเรา
วันนี้ถ้ามีคนมาว่าว่าเราเป็นผู้จัดการกิ๊กก๊อก อยากจะถามว่าเขาเอาอะไรมาตัดสิน และถ้ามีคนมาว่าท่านหลายคนว่าท่านเป็นพิธีกรกิ๊กก๊อก อยากจะให้ท่านตอบเขาว่าอย่าตัดสินเราด้วยคำว่ากิ๊กก๊อก ทุกงานที่เราทำมันสุจริต มันมีคุณค่าหมดครับ คำว่ากิ๊กก๊อกอย่าใช้คำนี้กับใครเพราะทุกงานที่เรารับมีคุณค่าจริงๆ”
ซึ่งหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ก็ได้เข้ามาสวมกอดฟ้าใสและให้กำลังใจ