“เป้ย” เปิดใจถึง ปัญหามือที่ 3 ทำเอาเกือบเป็นโรคซึมเศร้า ผ่านมาได้เพราะลูก ตัดสินใจไม่เลิกกัน เพราะชั่งน้ำหนักแล้ว มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ด้าน “ป๊อบ นิธิ” สามี บอก รักมากที่สุด ขอโทษที่ทำให้เสียใจ
แม้จะผ่านมรสุมปัญหามือที่สามมาแล้วอย่างลำบากสำหรับ “เป้ย ปานวาด” กว่าจะเข้มแข็งได้ทำเอาเกือบเป็นโรคซึมเศร้าเลยทีเดียว แต่ผ่านทุกอย่างมาได้เพราะลูก วันนี้เลือกที่จะเป็นครอบครัวเหมือนเดิม เพราะเป้ยและ “ป๊อบ นิธิ บุญยรัตกลิน” สามี ต่างคนต่างทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดี ชั่งน้ำหนักแล้วการอยู่ร่วมกันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ด้านป๊อบเผย รักเป้ยมากที่สุด
“ช่วงเวลาที่เราดูลูก เราก็ดูลูกไป แต่มันจะมีช่วงเวลาที่เอาลูกเข้านอน เราจะมีเวลาคุยกัน นั่งดูหนังด้วยกัน เวลาออกไปไหน เราก็จะเอาลูกฝากคุณย่าบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคืนทุกวันที่เราต้องอยู่กับลูก เราก็อาจจะมีเวลาของเราสองคน ออกไปเดทบ้าง และถ้าบางเวลาถ้าเราชวนลูกไปได้ อย่างเวลาไปทานเนื้อย่างก็จะชวนไป โปรดเขาจะกินเป็นเพื่อนพ่อ”
“ความสวีทมันไม่เท่าเดิมหรอก เพียงแต่มันไม่ได้จี๊ดจี๊ด แต่เราก็พยายามไม่ได้ทิ้งและไม่ต่างจากเดิมมากนัก เพราะด้วยนิสัยเราเป็นคนที่ชอบจิจ๊ะกับสามีอยู่แล้ว ชอบเสียงสองเสียงสาม ชอบเล่นกับเขา ฟิวส์ชอบแกล้งกันชอบเล่นกัน เวลาอยู่บ้าน”
ตอนนี้สามีเริ่มรู้จักทำเซอร์ไพร์ส
“ก็มีบ้าง หลังๆ ก็รู้จักทำเซอร์ไพร์ส เพราะในส่วนตัวของเราชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะวันพิเศษหรือวันไหนๆ ก็คอยคิดแพลนต่างๆ เพื่อให้คนสำคัญอย่างเขา ในมุมกลับกันเขาคงคิดว่า ต้องตอบแทนมั่งแล้วล่ะ อย่างวันเกิดล่าสุดเขาก็ทำให้เรา เราตกใจน้ำตาแตกมาก เขาปิดห้องอาหาร ให้พี่บี พีรพัฒน์มาร้องเพลง สำหรับเขาสิ่งนี้ที่ทำให้เรา มันก็เยอะมากแล้ว และในมุมของเราที่ถูกเซอร์ไพร์สเราคิดว่า เราอาจจะไม่ได้สิ่งนี้หรอก แต่พอเราได้น้ำตาแตกมาก ส่วนของขวัญก็มี แต่สิ่งที่เขาทำก็คือดีแล้ว”
เปิดใจกับสามีถึงปัญหามือที่สาม และสามีให้ตัดสินใจว่า จะทำอย่างไร
“เราเปิดใจ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขาก็ยอมรับความจริงทุกอย่าง เขาก็ให้เราเป็นคนตัดสินใจว่า จะเอายังไง ให้เป้ยบอกมาได้เลย (และทุกวันนี้ครอบครัวกลับมาแฮปปี้หรือยัง?) จะบอกว่ายังไงดี ทุกๆ วันนี้มันก็มีความสุข เวลาที่เห็นพ่ออยู่กับลูก เขาเล่นด้วยกัน มันก็มีความอิ่มอุ่นใจ ทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตเรามันไม่ต้องการอะไรมากเลย และทุกวันนี้ภาพที่เราเห็นมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ภาพนี้ไม่ได้หายไปไหน ต่อให้มันมีปัญหาเข้ามาก็ตามแต่ แต่ปัญหาหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ มันไม่มีเลย มันยังอยู่ครบถ้วน”
เคยรู้สึกแย่จนแทบจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ผ่านมาได้เพราะลูกชายคนโต
“มันมีครั้งนึงที่เราเคยรู้สึก เราเคยเจอปัญหาก่อนคลอดลูกคนที่สอง เรารู้สึกย่ำแย่มาก มันคงไม่มีทางลุกขึ้นมาได้เลย สภาพจิตใจเราทำอะไรไม่ได้เลย เราไปปรึกษาหมอ เราต้องหาทางออก คุณหมอบอกว่า ภาวะนี้มันเข้าข่ายโรคซึมเศร้า วิธีจัดการปัญหาอย่างแรกให้เรารับยาไปก่อนไปไหม ซึ่งตอนนั้นเรากำลังท้องอยู่ เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับตั้งท้อง และคลอดน้องออกมาเจอสภาวะเบบี้บลูไปอีก ตัวเป้ยเราไม่อยากทานยา คือถ้าเราทานยาเข้าไปผลมันจะทำให้เรานิ่ง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เราก็ไม่รู้ว่ายาจะส่งผลกับน้ำนมหรือเปล่า เราจะมากินตลอดไม่ได้ เราต้องพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง และเราโชคดีที่มีคุณหมอให้คำปรึกษา คุณหมอก็ให้เราทำในสิ่งที่เรามีความสุขทำไปเลย ถ้ารู้ส่าอารมณ์จะดาวน์ลง เราต้องรีบตั้งสติให้ได้และหนีอารมณ์นั้นออกไป จะบอกว่าหนีปัญหาก็ได้นะ แต่มันก็ยังโอเคกว่าที่เราจะจมอยู่กับมัน เกือบปีกว่าๆ กว่าเราจะหนีพ้นปัญหานี้ได้”
“ผ่านมาได้ก็คือลูก มันยากมากนะ กับการเราอ่อนแออยู่ แต่เราต้องหนีให้พ้นปัญหานั้นให้ได้ แค่เรามองตาเขา เขาอยากเล่นกับเรา ทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องลุกขึ้นจากตรงนี้ โปรดเป็นเหมือนคนที่ดึงมือเป้ยให้ลุกขึ้น เพราะเราคุยกับลูกตลอดเวลา และเราพยายามไม่ให้ลูกเห็นเราในสภาพแบบนั้น”
แม่เป็นแบบอย่างให้เข้มแข็ง
“อยากจะบอกว่าให้เบี่ยงเบนปัญหานั้นออกไป ซึ่งจริงๆ มันยากนะ และอยากจะบอกว่า ถ้าคุณมีคนรอบข้างคอยซัมพอร์ตคุณได้ ก็ให้เขาช่วยซัมพอร์ตดีกว่า และพลังบวกอีกอย่างคือได้มาจากคุณแม่ คุณเป็นแบบอย่างให้เราสู้ชีวิตมากๆ คุณแม่เราอยู่ในสถานะเลี้ยงเดี่ยว คุณแม่ให้กำลังใจเราตลอดเวลา ขอบคุณแม่ที่เป็นอย่าง ขอบคุณลูกๆ ที่ทำให้เรายืนได้อีกครั้ง มันเป็นพลังบวกมากๆ”
ตัดสินใจอยู่เป็นครอบครัวเพราะมันมีผลดีกว่า
“อีกอย่างเวลาที่มันเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเรา และเราใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มันง่ายมากที่เราสามารถเดินออกมาจากความเป็นครอบครัว มันง่ายมากถ้าเราจะเลิก วันหนึ่งเป้ยก็อาจจะได้เจอใครใหม่ คุณป๊อปก็อาจจะมีครอบครัวใหม่ ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ เราก็ต้องมองกลับมาว่า แล้วลูกของเราล่ะ โปรดเขาติดพ่อมาก เขาจะเห็นพ่อเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของเขา เวลานอนเขาก็อยากให้นอนพร้อมกันสามคน อยากให้นอนมาเป็นแฟมิลี่ด้วยกัน และโปรดก็จะพูดตลอดว่า โปรดรักแม่ โปรดรักป๋า โปรดรักทั้งสองคน พอเราได้ยินแบบนี้ เราเข้าใจ มันอาจจะเป็นคำพูดที่ธรรมดา แต่เราฟังแล้วเราเข้าใจว่า เขาคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าวันนึงเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ ทำให้บรรยากาศครอบครัวไม่โอเค ส่งผลต่อสภาพจิตใจเขา เป้ยก็พร้อมจะเดินออกมา แต่ ณ วันนี้ อย่างที่บอกไปต่อให้เกิดเรื่องราวอะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งที่ความเป็นพ่อเป็นแม่มันยังสมบูรณ์แบบอยู่ คุณป๊อปยังทำหน้าที่ของความเป็นพ่อได้ดี และเรายังโอเคอยู่ เราชั่งน้ำหนักแล้ว ดีมันมีมากกว่าเสีย มันก็ยังไปได้สำหรับเรา”
ต่อไปนี้ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ให้นึกถึงลูกแล้วจะฝ่าฟันไปได้
“เราก็มีมานั่งคุยกันถามคุณป๊อปว่า เป้ยมีอะไรไม่ดีหรือเปล่า เป้ยบกพร่องตรงไหนหรือเปล่า บอกเป้ยได้เลยนะ เขาก็จะคอยให้กำลังใจ บอกเป้ยว่าทุกอย่างดีหมด ไม่มีอะไรเสีย มันโอเคที่เวลามีปัญหาอะไร เราก็ยังคุยกันได้ เรารู้อยู่แล้วว่าพื้นฐานเรารักกัน ต่างคนต่างฝ่ายยังทำหน้าที่ได้ดี พื้นฐานมันยังแน่อยู่ มันก็ไม่ยาก ถ้าเราเจอปัญหาอะไร และเราคิดถึงเรื่องลูกก่อน ทุกปัญหามันคือเรื่องเล็ก มันก็สามารถฝ่าฟันไปด้วยกัน และที่สำคัญสามีต้องร่วมมือกับเราด้วย”
ไม่ยอมรับฉายาเมียยืนหนึ่ง
“สำหรับเป้ยคือไม่ใช่เลย เป้ยแค่ทำหน้าที่แม่ให้ดี และภรรยาที่ดีเท่านั้นเอง”
“ป๊อบ” ยืนยัน เป้ยยืนหนึ่ง รักที่สุด ขอโทษที่ทำให้เสียใจ
เป้ย : “อย่ายืนหนึ่งซิ เดี๋ยวมีสอง มีสาม” (หัวเราะ)
ป๊อป : “ยืนหนึ่งเดียวครับ รักที่สุดอยู่แล้วครับ อยากจะบอกว่ารักมากๆ รักที่สุด ขอโทษสำหรับทุกๆ สิ่งที่ทำให้เสียใจ”
ไม่อนุญาตให้สามี มีภรรยาคนที่สองหรือสาม
“เขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นแม่ที่ดีและเป็นภรรยาที่ดีอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการขอ แต่แค่อยากบอกว่า การที่จะมีคนที่สอง คนที่สามนั้นมีไม่ได้ ถ้าคนแรกไม่อนุญาติ (หัวเราะ) อยากจะบอกว่ามันก็ยากหน่อย”