xs
xsm
sm
md
lg

สัมภาษณ์พิเศษไฟท์เตอร์สาว “นูมิ ราเพซ” กับบทบาทสุดหินใน The Secret We Keep

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ



“นูมิ ราเพซ” นักแสดงสาวในลุคไฟท์เตอร์ ที่มีคาแร็คเตอร์โดดเด่น แตกต่างจากนักแสดงหญิงทั่วไป ความโดดเด่นของเธอไม่เพียงแต่ลุคที่ดูแอ็คชั่น และมุ่งมั่นเท่านั้น ผลงานการแสดงของเธอก็เป็นที่ประจักษ์ให้กับคอหนังทั่วโลกมาแล้วมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาพยนตร์รางวัล BAFTA อย่าง The Girl with the Dragon Tattoo หรือภาพยนตร์ไซไฟสุดล้ำของเจ้าพ่อเอเลี่ยนนอกโลก “ริดลีย์ สก๊อต” ใน Prometheus และล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟพล๊อตล้ำไม่ธรรมดา กับบทบาท 7 แฝดที่ได้รับคำชมทั่วโลกจาก What Happened to Monday ภาพยนตร์ที่คอหนังชาวไทยเทคะแนนให้อย่างล้นหลาม

ครั้งนี้เธอกลับมาเดือดอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญที่มีกลิ่นอายของความเป็นแอคชั่นผสม ผลงานล่าสุดจากผู้สร้าง The Hurt Locker, Zero Dark Thirty และ Hacksaw Ridge อย่าง The Secrets We Keep ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความโหดร้ายในอเมริกายุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มายา (นูมิ ราเพซ) เหยื่อสงครามชาวโรมานีอพยพจากยุโรปมาเริ่มชีวิตใหม่กับสามีชาวอเมริกันของเธอในหมู่บ้านย่านชานเมือง


แต่เธอกลับพบว่าเพื่อนบ้านแปลกหน้าคนใหม่ (คินนาแมน) เขาอาจจะเป็นอดีตทหารนาซีที่เคยจับเธอไปทรมานเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มายาจึงวางแผนลักพาตัวเพื่อนบ้านผู้เคราะห์ร้ายเพื่อเอาคืนให้สาสม แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเพราะเธอไม่หลักฐานมัดตัว มายาจึงต้องปลุกด้านมืดของเธอออกมาเพื่อคาดคั้นความจริงจากปากชายโชคร้ายคนนี้
The Secrets We Keep กำกับโดย ยูวัล แอดเลอร์ (Bethlehem, The Operative) บทภาพยนตร์โดย ไรอัน โควิงตัน (Wanda the Wonderful, Bula’s Fortune) และแอดเลอร นำแสดงโดย นูมิ ราเพซ (Prometheus, The Girl with the Dragon Tattoo) โจล คินนาแมน (“The Killing,” “Hanna”), คริส เมสซินา Chris Messina (“The Mindy Project,” Argo) และ เอมี่ ไซเมตซ์ (Upstream Color, Pet Sematary)

และก่อนที่จะได้ชมความเข้มข้น ดุเดือดในบทบาทใหม่ของ “นูมิ ราเพซ” วันนี้มีบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำงาน และบทบาทใหม่ของเธอคนนี้ มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน

Q: นอกจากแสดงนำคุณยังทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างด้วย ทำไมคุณเลือกที่จะออกจากคอมฟอร์ตโซนมารับผิดชอบมากขึ้น?

นูมิ: พอฉันได้อ่านบท The Secrets We Keep ลอเรนโซ (ลอเรนโซ ดิ โบนาเวนทูรา โปรดิวเซอร์ชื่อดัง) ฉันรู้เลยว่านี่คือสิ่งที่ตามหาอยู่ จริงๆแล้ว ฉันเคยโปรดิวซ์มาก่อนแต่ไม่ได้ทำทุกขั้นตอนขนาดนี้ มันเป็นประสบการณ์ล้ำค่า มันสอนให้รู้ว่าการทำหนังหนึ่งเรื่องให้สำเร็จมันต้องลงทุนลงแรงขนาดไหน

Q: แล้วหน้าที่ของคุณในฐานะผู้อำนวยการสร้างมีอะไรบ้าง?

นูมิ: ฉันติดต่อ โจเอล (โจเอล คินนาแมน) เข้ามารับบทเป็นคาร์ล ชายคนที่ตัวละครของฉันสงสัยว่าอาจเป็นอดีตทหารนาซี คนที่เคยจับเธอไปทรมาน คุณรู้ไหมว่าฉันกับโจลเคยเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันที่สวีเดน เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราเคยเล่นหนังด้วยกันเรื่อง Child 44 เมื่อปี 2015 เราอาจได้แสดงร่วมกันไม่กี่ซีนแต่ฉันรู้ทันทีว่าเขามีฝีมือ ฉันหาโอกาสทำงานกับเขาอยู่เสมอ พอฉันได้อ่านบท ฉันว่าเขาเหมาะกับเรื่องนี้ฉันเลยส่งบทต่อให้เขา โชคดีที่เขาตอบตกลงแม้ว่าตารางงานของเขาจะแน่นแล้วก็ตาม

ฉันเป็นเลือก ยูวัล แอดเลอร์ มากำกับด้วย ฉันได้ดู Bethlehem ผลงานของเขา มันระทึกมาก ฉันที่หนังบีบคั้นอารมณ์ผ่านประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ อิสราเอล-ปาเลสไตน์ อีกหนึ่งคุณสมบัติของเขาคือยูวัลไม่เคยอ่อนข้อ เขาต้องการนำเสนอความเป็นตัวเองลงไปในทุกๆ ผลงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันมองหาในตัวผู้กำกับ


Q: มาว่ากันด้วยบทบาทการแสดงของคุณในเรื่องนี้บ้างดีกว่า คุณรับบทเป็นใคร?นูมิ: ฉันรับบทเป็น มายา ตัวเอกของเรื่อง ผู้หญิงที่รอดมาจากเงื้อมมือนาซีมาได้ เธอย้ายมาแต่งงานกับคนอเมริกัน แต่จู่ๆ เธอกลับพบเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนทหารนาซีที่จับเธอไปทรมาน มันทำลายชีวิตที่สงบสุขของเธอ เธอไม่เคยเล่าให้เคยฟังว่าคืนนั้นเกิดไรขึ้น แม้กระทั่งกับสามีตัวเอง เเธอแค่พยายามตัดขาดจากอดีตอันขมขื่น

ตอนสงครามสิ้นสุดลง มายาเหลือแค่น้องสาวคนเดียว พวกเธอเดินเท้ากลับโรมาเนียแต่กลับโดนกลุ่มทหารเยอรมันซุ่มโจมตี พวกนั้นใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์ แทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่แล้ว พวกมันข่มขืนมายาและฆ่าน้องสาวเธอ ทำแทบจำอะไรในเหตุการณ์นี้ไม่ได้ เธออยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งทางเดียวที่จะได้ความจริงคือการทำทุกอย่างให้เพื่อนบ้านคนนั้นของเธอยอมปริปาก

Q: ได้ยินว่ามีการปรับปูมหลังตัวละครให้เข้ากับชีวิตจริงของคุณด้วย

นูมิ: ใช่แล้ว ยูวัลเป็นคนเสนอไอเดียให้เปลี่ยนมายาให้เป็นชาวโรมานี มันเปลี่ยนมุมมองของเรื่องไปเลย ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินเรื่องราวของชาวโรมานี พ่อฉันเป็นนักร้องเพลงฟลาเมนโกลูกครึ่งโรมานี เราเริ่มหาข้อมูลเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามและหลังสงคราม เพราะการบิดตัวละครตามที่เล่าไป มันทำให้ฉันอินกว่าเดิม ฉันชอบมุมมองของยูวัล เขาไปสุดจริงๆ


Q: แล้วชาวโรมานีคือใคร?นูมิ: ชาวโรมานีเป็นเผ่าเรร่รอนของประเทศโรมาเนีย ชาวโรมานีไม่เป็นที่ต้อนรับในยุโรป พวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดนสังคม เป็นต้นเหตุของอาชญากรรม โดนตราหน้าว่าเป็นหัวขโมย มายาเลยต้องระหกระเหินไปพร้อมกับครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้น รัฐบาลโรมาเนียขับไล่ชาวโรมานีไปยังชายแดน ซึ่งทหารนาซีรอต้อนพวกเขาไปเป็นทาสอยู่แล้ว

Q: แล้วคุณเตรียมตัวเพื่อรับบทนี้อย่างไรบ้าง?

นูมิ: ฉันนั่งดูเทปสัมภาษณ์หญิงสาวที่รอดมาจากค่ายกักกันเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา หญิงสาวคนนั้นเล่าว่าเธอมีอาการ PTSD ทุกครั้งที่มีคนตะโกนภาษาเยอรมันในที่สาธารณะ ผู้หญิงคนนั้นจิตหลุดไปเลย มันทำให้ฉันอยากศึกษาประเด็นนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเกี่ยวกับค่ายเอาชวิตซ์ ฉันดูสารคดีและคำให้การของผู้รอดชีวิต ฉันสนใจประเด็นที่ผู้หญิงเยียวยาตัวเองหลังผ่านเหตุการณ์ฝังใจจากสงคราม ว่าพวกเธอสร้างชีวิตใหม่หลังการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ได้อย่างไร

และฉันเคยไปอยู่โรมาเนียถึงหกเดือนตอนถ่ายทำWhat Happened to Monday? ประเทศนี้แทบไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ยุคสงครามโลก” เธอกล่าว “ฉันซึมซับวัฒนธรรมของพวกเขา วิถีชีวิตของผู้คน พวกเขาเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเอง ฉันอยากเพิ่มส่วนนั้นลงไปในตัวละคร


Q: ทุกบทที่คุณเลือกมักเป็นหญิงแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น The Girl with The Dragon Tattoo หรือWhat Happened to Monday? คุณคิดว่ามายาในเรื่องนี้เข้าข่ายหญิงแกร่งหรือไม่?
นูมิ: ฉันคิดว่าใช่นะ เพราะการที่เรื่องเกิดขึ้นในยุค 1950 ยิ่งทำให้การตัดสินใจของมายาน่าทึ่งยิ่งขึ้น มันเกิดขึ้นในยุคที่ทั้งโลกมองผู้หญิงเป็นแค่ความงาม ความเซ็กซี่ ต้องเป็นกุลสตรี การที่มายากล้าลักพาตัวผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าเธอเท่าตัว มันทำให้เห็นชัดเจนว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ ในยุคที่ผู้หญิงยังไม่ได้รับการยอมรับ มายายืนหยัดเพื่อตัวเอง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบภาพยนตร์รสชาติแปลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยความสนุก ไม่ซ้ำซาก ความเรียล ความมันส์ในแบบของ นูมิ ราเพซ เป็นคำตอบที่จะทำให้คอหนังแอ็คชั่น เต็มอิ่มไปกับความทุ่มเทของเธอ

เมื่อความเจ็บปวดในอดีตกลับมาทวงถาม เธอจึงปลุกความแค้นกลับมาทวงคืน “The Secrets We Keep” ผลงานเรื่องใหม่ของ “นูมิ ราเพซ” 24 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์


กำลังโหลดความคิดเห็น