เรียกว่าทัวร์ลงกันรัวๆ เลยทีเดียว สำหรับพิธีกรฝีปากกร้าว อย่าง “ม้า-อรนภา กฤษฎี” หลังจากที่เจ้าตัวได้แสดงความคิดเห็นด้วยข้อความที่เผ็ดร้อนในสื่อโซเชียล“
“นอนแหก..อยู่บ้าน ไม่ต้องมาเรียน เด็กเป-ต”
โดยวาทกรรมที่ว่านี้ ถูกนำมาเชื่อมโยงกับกรณีของเด็กนักเรียนชู 3 นิ้ว อันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ที่หมายต่อต้านเผด็จการ
กรณีดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสื่อโซเชียลถึงความเหมาะและควรของการใช้ภาษา ในฐานะที่เจ้าตัวเป็นคนของประชาชน มีบทบาทในฐานะที่ทำหน้าที่พิธีกรหลายรายการ อีกทั้งยังมีวัยวุฒิที่ไม่พึงจะแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยภาษาที่หยาบคายในลักษณะที่ไม่สมควรเอาเยี่ยงอย่าง
และลุกลามไปจนสะเทือนไปถึงบทบาทหน้าที่การงาน โดยเฉพาะในฐานะพิธีกร เป็นเหตุให้เจ้าตัว “หลุด” จากเก้าอี้พร้อมกันถึง 3 รายการรวด
เริ่มจาก “ข่าวใส่ไข่” ทางช่องไทยรัฐทีวี ที่ประเดิมเป็นรายการแรก โดยหนึ่งในพิธีกรอย่าง “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ประกาศกลางรายการ ว่าหลังจากนี้ม้าจะไม่ได้เป็นผู้ดำเนินรายการนี้แล้ว
ตามมาด้วย “สามแซ่บ” และ “อลหม่านจานเด็ด” ทางช่อง 3 ซึ่งผู้ผลิตรายการ อย่าง “โพลีพลัส” และ “ไก่-วรายุฑ” ก็ทยอยร่อนจดหมายแจงกับสื่อมวลชนว่า ม้าขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรด้วยตัวเอง และในฐานะผู้ผลิตก็น้อมรับในการตัดสินใจดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนเจ้าตัวก็พอจะคาดเดาได้ว่า จากวาทกรรมข้างต้นจะส่งผลกระทบอะไรกับพื้นที่ยืนในวงการ ดังที่ รุ่นน้องคนสนิทอย่าง “มดดำ-คชาภา” ในฐานะพิธีกรรายการ “แฉ” ได้พูดคุยกับเจ้าตัวผ่านทางโทรศัพท์ และพิธีกรรุ่นพี่ก็หลุดปากออกมา ว่า
“ฉันรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ของคุณที่เป็นห่วง รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนด่า แต่ไม่คิดว่าจะมหาศาลขนาดนี้ แต่คิดออกมั้ย ฉันไม่อยากเป็นคนตกงาน”
จากข้อความนี้ ก็ไปสะดุดความรู้สึกของนักข่าวคนดังอย่าง “ต๊ะ-นารากร ติยายน” ที่อดรนทนไม่ไหว ถึงกับต้องออกมาโพสต์ข้อความต่อว่า
“ณ วันนี้ คนตกงานจากสภาพเศรษฐกิจมีตั้งหลายล้านคน พวกเค้าไม่เคยตอบโต้ใครทางโซเชียลด้วยถ้อยคำหยาบคาย แบบ “นอนแหก.... อยู่บ้านไป ไม่ต้องมาเรียน เด็ก.....“
ถ้อยคำนี้ไม่ได้กระทบเฉพาะผู้เห็นต่าง แต่ยังกระเทือนถึงเพศหญิงทุกคนด้วย คนที่ถูกเลิกจ้าง และกลายเป็นคนตกงานเหล่านั้น พวกเค้าไม่มีทางเลือกด้วยซ้ำ แต่พี่ม้ามีโอกาส มีรายได้ มากกว่าคนตกงานอื่นๆ อีกมากมาย “
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็สอดคล้องกับความคิดเห็นของอีกหลายๆ บุคคล ที่เห็นพ้องต้องกันว่า เหตุที่ทำให้ม้า-อรนภา แทบไม่เหลือที่ยืนในวงการบันเทิง ทั้งที่เป็นอาชีพที่เจ้าตัวผูกพันมานานกว่าค่อนชีวิตนับตั้งแต่ปี 2525 นั้น มูลเหตุหลักๆ เป็นเพราะการขาดวุฒิภาวะ ที่ย้อนแย้งกับวัยวุฒิที่ล่วงมากว่า 60 ปี
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าตัวฝากวาทกรรมเด็ดๆ ที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกต่อต้าน โดยเฉพาะคู่กรณีที่เจ้าตัวพาดพิงถึงดังที่ปรากฏเป็นข่าวคราวมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “ริชชี่ - อรเณศ ดีคาบาเลส” ที่ถูกเปลี่ยนตัวจากละคร “ซ่อนเงารัก”
หรือกรณีของ “ตั๊ก-บงกช” ที่ดอดไปวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุที่ผอมลง ว่าเป็นเพราะใช้วิธีรัดกระเพาะ
รวมถึงกรณีที่ไปวิจารณ์การแต่งตัวของ “เปิ้ล-ไอริณ” ที่ลามไปถึงดูถูกรสนิยมการออกแบบของดีไซเนอร์อย่าง “ป๋อง ซีเบท”
กรณีพูดถึง “กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์” ว่า “ท้องก่อนแต่ง” และกรณีใช้คำจำกัดความ “ใหม่-ดาวิกา” ว่า “อีทรยศ”
ไม่เพียงดาราไทย ที่โดนม้าพ่นผรุสวาจาใส่ แม้แต่ศิลปินฝั่งฮอลลีวู้ด อย่าง “บียอนเซ่” กับ “เจนนิเฟอร์ โลเปซ” ก็ยังไม่รอด
ไม่เว้นกระทั่งการแสดงความคิดเห็นต่อต้าน พ.ร.บ. ชีวิตคู่ ทั้ง ที่ตัวเอง ก็เป็นพวก LGBT ว่า
“พ.ร.บ.คู่ชีวิตอะไรล่ะ เพ้อเจ้อ อยากมี พ.ร.บ.คู่ชีวิต ถ้ามีในชีวิตของพวกแกเนี่ย ก็เลี้ยงผู้ชายอยู่แล้ว ฟังก่อน เลี้ยงไม่เลี้ยงก็ต้องเลี้ยง แล้วถ้าวันหนึ่งมี พ.ร.บ.คู่ชีวิต แล้วแกจดทะเบียนสมรสกัน แกเลี้ยงผู้ชายไม่พอ วันไหนที่แกเลิกกัน มันเอาของแกไปหมดไม่เหลืออะไรเลย เนี่ยเขาเรียกว่าหมดตูด เข้าใจคำนี้ไหม”
งานนี้ก็เรียกว่าม้า-อรนภา ได้รับผล “กรรม” อย่างแสนสาหัส จาก “วาทะ” ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว !!!
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม – 4 กันยายน 2563