“แอน สิเรียม” ป้อง “นนนี่” เลิกสามี ยันอีกฝ่ายไม่ได้ขอคำปรึกษา ไม่อยากก้าวล่วง เพราะตนก็เป็นแค่คนที่สาม ไม่รู้ดีเทลลึกๆ รับห่วงลูก แต่เชื่อแค่งอนๆ กัน ชีวิตครอบครัวเหมือนลิ้นกับฟัน ลั่นที่ผ่านมาไม่ได้เลี้ยงลูกบงการชีวิตมาตั้งแต่แรก โตแล้ว ต้องเคารพการตัดสินใจของลูก พร้อมเมื่อไหร่ก็เดินมาหาเอง พร้อมเดินไปกับลูก
ถูกจับตาว่าขาเตียงสั่น ร้าว หรือหัก หลังจากที่ “นนนี่ นนลนีย์ โอแกน” ลูกสาว “แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์” ลบรูปคู่สามีในอินสตาแกรมทิ้ง พร้อมโพสต์ข้อความ BROKE AGAIN, Ask me คนโสด ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัวแม่แอนในงานบวงสรวง สายลับลิปกลอส ณ บ.บรอดคาซท์ฯ ถ.เทียมร่วมมิตร จึงสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งแอนก็เผยว่าลูกยังไม่ได้เลิกสามี เชื่อแค่งอนกัน แต่พร้อมเคารพการตัดสินใจของลูก
“แอนไม่ได้อ่านเนื้อข่าวละเอียดว่าอะไรยังไงบ้าง คือลูกก็มาพูดให้ฟังแต่ก็ยังไม่ได้มาในเชิญขอคำปรึกษา เลยยังไม่ได้คุยดีเทลขนาดนั้น ส่วนที่คนคาดเดาว่าเขาเลิกกัน ก็คงจะมีงอนๆ กันแต่ว่ายังไม่ได้เลิก ส่วนที่เขาบอกว่าถอยกันคนละก้าว เห็นเขาว่าอย่างนั้นนะคะ คือลูกก็ยังไม่ได้มาขอคำปรึกษาเป็นเรื่องเป็นราวแล้วแอนเองก็มองว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน แอนเป็นคนที่สาม แอนเลยไม่อยากจะเข้าไป แอนก็มีระยะกันมาแบบนี้ แอนให้เกียรติการตัดสินใจของเขา ให้เกียรติการดำเนินชีวิตของลูก แอนมองว่าถ้าเขายังไม่พร้อมที่จะมาขอคำปรึกษา แอนก็เป็นคนที่สาม ก็ไม่อาจจะก้าวไปล้วงละเมิดสิทธิ์ของเขา”
เผยแยกกันอยู่คนละประเทศ สามีลูกต้องกลับไปทำงาน
“ตอนเดือนมีนาคมก็กลับมาพร้อมกัน แต่ทางนั้นที่ทำงานเขาเปิดแล้วก็เลยต้องกลับไป นนนี่ก็อยู่กับแอนที่เมืองไทย เขาก็แยกกันอยู่คนละประเทศ สภาพจิตใจน้องก็เป็นปกติอยู่นะคะ เขาไม่ได้เข้ามาขอคำปรึกษาอะไร ก็เลยคิดว่าคงจะแค่งอนๆ กัน มันก็ต้องมีบ้าง แอนก็บอกลูกไปแล้วว่าชีวิตแต่งงานมันเป็นสเต็ปแรกของการดำเนินชีวิตจริงๆ แบบ real life นะเริ่มต้นมันก็จะต้องมีอุปสรรคอะไรกันบ้าง ลิ้นกับฟัน
ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าครอบครัวเราก็ไม่ได้มีอะไรทำกันมาก เราต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง ถ้าเป็นชีวิตแบบปกติทุกวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกจากบ้าน ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานที่จะต้องไปทำ มันก็ลดภาระการปะทะกัน มันก็อาจจะน้อยลงจากที่เราโตมาแล้วเรามีบทเรียนชีวิตจากการดำเนินชีวิตของเรา เราก็จะเล่าให้ฟังในลักษณะนี้ได้ แต่ถามเรื่องในเชิงลึก เป็นดีเทลแอนไม่ทราบจริงๆ”
ห่วงลูก แต่ไม่บงการชีวิต เคารพการตัดสินใจ
“ทุกคนต้องเป็นห่วงลูกทุกคน เพียงแต่วิธีการเลี้ยงดูมันก็แตกต่างกัน คือเขาเข้ามาคุยกับเราได้เสมอ แต่ว่าแอนไม่ใช่แม่ที่จะต้องคอยบงการชีวิตลูก แอนไม่ได้เลี้ยงเขามาอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก แอนก็ต้องยอมรับตรงนี้ ซึ่งพอมีข่าวนี้เขาไม่ได้ซีเรียส เขาเข้าใจว่ามันเป็นยังไง แอนดูจากอาการเขาก็เป็นปกติดี ก็ยังรับงาน ส่งงานให้แม่อยู่ทุกวัน”
"ถามว่าเขามาปรึกษาเราก่อนหรือว่าอ่านจากข่าว เขามาพูดนิดหน่อย แล้วตอนหลังมีคนมาบอก เดี๋ยวนี้เขาโตขึ้นเยอะแล้ว เขาไม่ได้เป็นเด็กๆ แล้ว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เราก็รับฟังอย่างเดียวแอนเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็ต้องทำแบบเดียวกับแอน คือฟังลูก แล้วไม่ใช่แค่เรื่องนี้ เรื่องอื่นๆ เรื่องพี่ เรื่องน้อง เรื่องญาติเราก็รับฟัง”
พร้อมเมื่อไหร่ให้เดินมาหาเอง
“เราก็ยืนอยู่ตรงนี้ เขาพร้อมเมื่อไหร่ เขาก็เดินมาหาเราเอง เราไม่จำเป็นที่จะต้องลุกไป แอนก็ถามสามีนะคะเขาก็บอกว่าจริงๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคน เราเป็นคนที่สามสี่ห้าแล้ว มันก็ต้องมีเรื่องบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตในชีวิต เขาตัดสินใจยังไงเราก็พร้อมเดินไปกับเขาอยู่แล้ว เขาเป็นลูกเราเราก็ต้องพร้อมหมด แอนว่าสมัยนี้ เด็กๆเขาโตกันแล้ว อย่ามองว่าเขาเป็นเด็ก บางทีเขาก็มีวิธีคิด การบริหารจัดการชีวิตในรูปแบบของเขาเอง”