“แต้ว ณฐพร” เคลียร์ดรามามูฟออน อยากวิจารณ์ก็เชิญ ฟรีๆ ห้ามไม่ได้ สวนชาวเน็ตก็ห้ามตนไม่ได้เหมือนกัน ลั่นควง “ไฮโซณัย” ไปรู้จักคนที่ตนรัก ไม่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งอะไร ย้ำสถานะไฮโซณัยเพื่อนที่พยายามรู้จักกัน ไม่แฟร์ถูกตัดสินตื้นเกินไปต้องคบไฮโซ แจงเลิก“ต้น อาชว์” ก็เสียใจ แต่ผ่านการแก้ไขมาหลายปีและแก้ไม่ได้ มูฟออนให้เร็ว ไม่ยึดติดอดีต ทุกข์สุขต้องเรียนรู้ที่จะก้าวออกมา
หลังเลิกรากับคนรักเก่า “ต้น อาชว์ ไหลสกุล” เดินหน้าคบ “ไฮโซณัย ประณัย พรประภา”นางเอกสาว “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์”ก็โดนวิจารณ์ยับว่าทำไมมูฟออนเร็วทัวร์ลงเจ้าตัวทันที แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์คุณพ่อของนางเอกสาวเสียชีวิตทำให้เรื่องราวมูฟออนหยุดพักไป
หลังจากทำใจเรื่องคุณพ่อได้สาวแต้วก็โดนจับจ้องว่าเดินหน้าเปิดตัวไฮโซณัยมากขึ้น มีภาพคู่ให้เห็นกันถี่ๆ ในอินสตาแกรม ล่าสุดเจอสาวแต้วที่งาน Central International Watch Fair 2020 ครั้งที่ 22 เจ้าตัวก็มาอัปเดตสภาพจิตใจและสถานะหัวใจให้ได้ฟังว่า...
“ตอนนี้ค่อยๆ รับรู้ความเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ แต้วได้คำสอนจากคุณพ่อมาเยอะเรื่องการมองโลกในความเป็นจริง คำสอนนี้ทำให้เรามีสติ ยิ่งเวลาที่เราเศร้าเรานึกถึงคำสอนนึกถึงคุณพ่อมันช่วยได้จริงๆ คุณแม่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ตะเวนทำบุญกันเยอะมากเพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะครบ 50 วันพ่อเสีย ในวันครบรอบก็ตั้งใจจะทำบุญถวายผ้าไตรถวายเครื่องสังฆทานตามประเพณี
“ทุกคนเห็นแต้วเข้มแข็ง เป็นเพราะคุณพ่อสอนมาเยอะ สอนไม่ให้เราประมาทกับการใช้ชีวิต ตระหนักอยู่เสมอ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ แม้กระทั่งเรื่องของชีวิตเราเอง ที่มันไม่แน่นอน มันเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันช่วยได้มากจริงๆ จริงๆ การกลับมาทำงานก็ช่วยได้มาก ทำให้เรามาโฟกัสอยู่กับงาน ไม่จมอยู่กับตรงนั้นแต่ก็ยังเศร้าอยู่”
ช่วยกันพยุงสภาพจิตใจคนในครอบครัว มอบหน้าที่ให้แม่ดูแลหลานพาไปทานข้าวข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ
“แต้วและพี่เต๋า (พี่สาว) ตอนนี้เราเป็นหลักให้กับครอบครัวด้วยกัน เพราะว่าถ้าแต้วขาดพี่เต๋าแต้วคงเซเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราก็จับมือกันทั้งคุณแม่พี่เต๋าแต้วก็มีพี่โน๊ตสามีพี่เต๋าอีกคนมาช่วยพยุงสภาพจิตใจการใช้ชีวิตให้มันกลับมา มันก็ไม่ปกติแหละก็ให้มันพยุงไปได้ในช่วงที่รู้สึกว่าเรายังอ่อนแออยู่ (คุณพ่อมาเข้าฝันบ้างไหม?) ไม่มีเลยตอนแรกยังบอกว่ามาเลยนะจริงๆ เป็นคนที่กลัวเรื่องนี้มากแต่ก็อยากเจอคิดถึง
แต่พี่เต๋าบอกว่าคุณพ่อมาหาหลาน คือเขาคิดถึงมากจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาก็จะนั่งสมาธิเชื่อว่าน่าจะเป็นผลบุญให้คุณพ่อด้วย ก็จะชวนกันนั่งสมาธิสวดมนต์ทุกคืน แล้วก็มอบหมายหน้าที่ให้คุณแม่โดยการให้ดูแลหลาน แม่ก็กลายเป็นคุณยายที่ทำหน้าที่คุณยายเต็มตัว ปกติพี่สาวก็จะดูแลลูกเอง ล่าสุดก็พาคุณแม่ไปทานอาหารญี่ปุ่น คุณแม่ไม่ค่อยออกข้างนอกเท่าไหร่ เลยชวนกันไปทานข้าวจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
ลั่นไม่ขอเรียกเปิดตัว “ไฮโซณัย” อย่างเป็นทางการเพราะอีกฝ่ายเคยเจอครอบครัวหลายครั้งแล้ว
“เขาไปด้วยค่ะ ก็ชวนไปจะได้มาเจอกันหลายๆ คน ไม่ได้เปิดตัว ถ้าเป็นวันนั้นเป็นการลงผ่านไอจีสตอรี่ของไอจีคนอื่น ก็ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ถ้าทางการไม่น่าเผลอขนาดนั้น (ตัวเราเองยังไม่พร้อมด้วยใช่ไหมที่จะเปิดตัวแบบเป็นทางการ?) แต้วว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องค่อยๆเรียนรู้ค่ะ มันไม่ใช่อีเวนต์ที่จะต้องเปิดตัวหรือแกรนด์โอเพ่นนิ่งอะไร เขาเคยเจอกันหลายรอบแล้ว
ไม่เรียกเขินแต่แค่แบบว่าทำไมต้องเหมือนหาวาระอะไรให้กับเรื่องพวกนี้ด้วย มีรูปเขาติดไปด้วยก็ไม่พะวงอะไรค่ะ แต้วรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เข้ามาในชีวิตเรา เราไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องพะวงว่าจะติดหรือไม่ติดเพราะเรารู้สึกโอเคค่ะ"
ซาบซึ้งช่วงที่ตนเศร้านอกจาก “ไฮโซณัย” ที่อยู่ข้างกายตลอดแล้วยังมีอีกหลายๆ คนที่ให้กำลังใจตน
"ก็มีหลายคนค่ะที่อยู่รอบๆ มีพี่ๆ ในวงการ ช่างแต่งหน้า มาช่วยกันมาเป็นกำลังใจให้เราทุกคนรวมถึงพี่ต้น (อาชว์ ไหลสกุล) ด้วย เจมส์ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ด้วยหลายคนเพื่อนๆ นักแสดงมาเป็นกำลังใจให้เรา ก็รู้สึกซาบซึ้งมากๆ ที่เขาช่วยเราตั้งแต่วันแรก"
ยก “ต้น” เป็นคนในครอบครัวเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆ
"คือเราก็มองเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวอยู่แล้วค่ะ อย่างพี่เต๋าเองเวลามีงานอะไรก็จะชวนพี่ต้นมาด้วย มันรู้สึกแบบนั้นนะ เพราะเราเองก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่หวังดีกับเราคนหนึ่งและเราก็หวังดีกับเขา เหมือนเป็นพี่ชายคอยช่วยดูแลทุกคนในงาน เราก็รู้สึกว่าอยากให้เขามา อีกอย่างเขาเองก็ผูกพันกับคุณพ่อมากคุณพ่อเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยกัน และเขาก็มาด้วยความเต็มใจตั้งใจจริงๆ เขาอยากที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณคุณพ่อด้วย"
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ “ไฮโซณัย” ที่ดูเหมือนว่าครอบครัวและแก๊งจะไฟเขียวให้ผ่าน เจ้าตัวบอกคงไม่มีไฟเขียวหรือไฟแดงอะไร ส่วนสถานะตอนนี้เป็นเพื่อนที่กำลังทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
"ก็ดีค่ะ เหมือนเราค่อยๆ รู้จักกันไป ทุกอย่างมันก็ต้องใช้เวลาเนอะ ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปค่ะ ถามว่าเขาเขินไหมถูกจับตามองแบบนี้ คงไม่เป็นเชิงเขินมั้งคะ ไม่รู้เหมือนกันต้องไปถามเขาดู (หัวเราะ) เวลามีภาพตามโซเชียลถามว่าเขาซีเรียสไหมไม่นะคะ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรค่ะ
สถานะตอนนี้ก็เรียกว่าเป็นเพื่อนที่เราพยายามรู้จักกันให้มากขึ้น เรียนรู้กันเป็นคนที่เรารู้สึกหวังดีด้วย และเราก็เชื่อว่าเขาหวังดีกับเรา เราเลยอยากจะพาไปรู้จักกับคนที่เราอยากให้รู้จัก คำว่าไฟเขียวถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้หรือจะใช่ก็ไม่ได้ อย่างตอนที่เราเป็นแฟนกับพี่ต้นเราก็ยังอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่มาตลอด ยังโดนว่ายังโดนติ เราเลยคิดว่ามันไม่ได้มีคำว่าไฟเขียวขนาดนั้นเพราะทุกๆ อย่างในชีวิตเรา เราจะปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ตลอด คงไม่ได้มีไฟแดงไฟเขียวอะไร กับแก๊งเฟอร์บี้ก็ไม่ได้มีคอมเมนต์อะไรนะคะ เราก็เจอกันคุยกันปกติไม่ได้มีนอกรอบ"
รับเห็นดรามามูฟออน แต่ไม่เก็บเอามาคิดมาก ลั่นห้ามความคิดใครไม่ได้และคนอื่นก็ห้ามตนไม่ได้เช่นกัน
"คือแต้วก็เห็นนะคะ แต่ไม่ได้เอามาคิด แต้วว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการพูด แต่แต้วคิดว่าเป็นการตัดสินใจของเราในทุกๆ เรื่องกว่าจะมาถึงวันนี้ มันก็ใช้เวลาทั้งตอนที่เรามีปัญหาใช้เวลาในการแก้ไขมาประมาณนึง จนถึงวันนี้ ถามว่าเสียใจไหมเราก็เสียใจอยู่แล้ว แต่ทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทุกข์ หรือความสุขเราก็เรียนรู้ที่จะก้าวออกมา ทุกข์ก็อย่าไปทุกข์นาน เรื่องที่ทุกข์ที่สุดในชีวิตกลัวมากๆ คือการเสียคุณพ่อ เราก็ต้องมูฟออนออกมาให้เร็ว เพราะต้องกลับใช้ชีวิตเหมือนเดิม
หรือเวลาเรามีความสุขมากๆ ก็อย่าไปยึดติดมากพยายามอยู่กับตรงนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไรทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ แล้วมันก็เกิดขึ้นเร็วมากๆ พยายามมีสติไม่ว่าคนจะพูดอะไร แต้วก็ไม่ตัดสินไม่ไปพูดกับเขาว่ามันไม่ควรพูด แต้วก็ฟรีๆ เพราะไม่สามารถห้ามใครได้ และไม่มีใครสามารถห้ามแต้วได้เหมือนกัน เพราะมันคือการตัดสินใจของเราที่เราจะรับผลกระทบเอง”
ไม่หงุดหงิดเห็นคอมเมนต์ที่คนอื่นยังไม่มูฟออน ลั่นคำพูดของคนอื่นไม่มีผลกระทบกับชีวิตตน
“ไม่เลยค่ะ เรารู้สึกว่าพูดได้เต็มที่ ไม่เป็นไร เราก็ใช้ชีวิตของเรา สิ่งที่เราทำวันนี้ก็มีผลในอนาคตของเรา คำพูดของใครไม่ได้จะมาทำให้มีผลกระทบอะไรกับชีวิต เราแคร์คนรอบข้าง ไม่ทำให้ใครเสียใจกับการตัดสินใจของเราก็พอแล้วค่ะ”
ส่วนที่โดนเมาท์สุดท้ายก็คบไฮโซตามเพื่อนนั้น เจ้าตัวมองเป็นการตัดสินที่ตื้นเกินไป
“ก็เป็นเหมือนคำสรุปสั้นๆ แต่แต้วว่าจริงๆ มองตื้นไป กว่าจะมาถึงวันนี้เราผ่านมาเป็น 10 ปี กว่าจะพิสูจน์ว่าเราไปกันไม่ได้ผ่านการแก้ไขและไม่แก้ไขมาเยอะมาก การที่ไปตัดสินใจแบบนั้นก็ตื้นไป เรื่องคำว่าไฮโซแต้วก็ไม่รู้เพราะแต้วก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ยังไง หรือว่าคนที่ถูกเรียกเขาจะชอบหรือไม่ชอบ คนที่เขาไม่ชอบก็ไม่ค่อยแฟร์เหมือนกันที่จะต้องถูกจำกัดความแค่คำนี้ เขาอาจจะอยากถูกมองเป็นอย่างอื่นหรือเปล่าในสิ่งที่เขาทำ แต่ถ้าคนชอบแต้วก็ไม่แตะอะไร”
ไม่รู้ “ไฮโซณัย” ทำใจแล้วรึเปล่าที่มาสนิทตนแล้วจะต้องถูกจับตามอง
“ไม่รู้ค่ะ (หัวเราะเขิน) แต้วก็ใช้ชีวิตของแต้วค่ะ แต้วก็บาลานซ์ให้ทุกคนแฮปปี้เพราะแต้วรู้สึกว่าไม่อยากทำให้ใครไม่แฮปปี้ค่ะ”