“สรศักดิ์ พิทักษ์โกศล” หรือใครๆ เรียกเขาว่า “เฮียโจ” หนึ่งในผู้ซื้อผักรายใหญ่ของตลาดสี่มุมเมือง เพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าในจังหวัดระยอง ผักที่บริโภคในจังหวัดระยองกว่า 20% เป็นผักจากเฮียโจ ปัจจุบันเขามีแผงค้าของตัวเองที่ตลาดผักสด สตาร์ระยอง รวมถึงขายส่งให้กับลูกค้าเจ้าใหญ่ๆ มีผู้ประกอบการเป็นลูกค้าประจำมากมาย อาทิ ตลาดสด ร้านอาหาร โรงแรม รวมทั้ง เรือสินค้า เรือเดินทะเลที่เข้ามาเทียบท่าเพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยว เรียกว่าเป็นผู้ค้าผักรายใหญ่ที่ใครๆ ในระยองต่างรู้จักดี
ทุกวันตั้งแต่เช้า เขากับลูกน้องจะขับรถจากระยองเข้ามาซื้อผักที่ตลาดสี่มุมเมือง มีทั้งรถ 6 ล้อและรถ 10 ล้อ เมื่อซื้อผักครบตามที่ต้องการ ในช่วงบ่ายก็จะขับกลับ เพื่อนำผักไปจำหน่ายที่ตลาด และไปส่งของให้กับลูกค้าที่สั่งไว้ ทำเช่นนี้ทุกวันโดยไม่มีวันหยุดมากว่า 20 ปี
ในอดีต เฮียโจ เป็นลูกจ้างขับรถให้กับเถ้าแก่ เข้ามารับผักที่ตลาดสี่มุมเมืองแล้วไปนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในแถบจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด เขาใช้เวลาหลายปีสั่งสมประสบการณ์ เรียนรู้ระบบการซื้อขาย โดยเฉพาะวิธีการเลือกผักชนิดต่างๆ ก่อนตัดสินใจออกมาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
จุดเริ่มต้นของเขานั้นไม่ได้สวยหรู แม้จะมีประสบการณ์ และมั่นใจว่าตัวเองน่าจะทำได้ แต่สิ่งที่ขาดคือความพร้อมเรื่องเงินทุน “ตอนนั้น ผมมีสร้อยทอง 2 บาท 1 เส้น ก็เอาไปจำนำ เมื่อก่อนทองสองบาทได้แค่หมื่นเดียว จำนำทุกวัน ได้เงินมาก็เอาไปไถ่ออก แล้วก็เอาไปจำนำใหม่ เอาเงินมาหมุน หมุนไปเรื่อยๆ แบบนี้ สักพักจึงเริ่มตั้งตัวได้”
“เฮียโจ” เล่าว่า ขณะนั้นมีรถปิกอัพ 1 คันขับมารับผักที่สี่มุมเมือง เอาไปขายที่ระยอง ขับไปกลับทุกวัน 200 กิโล แต่ก็ไม่ท้อ อาศัยความขยัน จากเงินทุน 1 หมื่นบาท จนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันเขามาซื้อผักไปขายต่อวัน 300,000 - 500,000 บาท ต้องใช้รถบรรทุกผักถึง 2 ขนาดคือ 6 ล้อ กับ 10 ล้อ เดือนๆ นึงใช้เงินหมุนเวียนสำหรับซื้อผักประมาณ 15,000,000 บาท
กว่าจะมีวันนี้หนทางไม่ได้ราบรื่น มีอุปสรรคเกิดขึ้นระหว่างทางเสมอแต่ต้องกัดฟันฝ่าไปให้ได้
“ผมเคยโดนลูกค้าที่รู้จักกันมาเป็นสิบปีโกง สั่งสินค้าแล้วไม่ยอมจ่ายหมดเงินไป 1,000,000 กว่าบาท ทุกวันนี้ก็ยังทวงไม่ได้ หรือที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนก่อน พอจะเริ่มเปิดเมือง มีนักท่องเที่ยว พวกโรงแรมร้านอาหารก็มาสั่งสินค้าเอาไว้ พอมีข่าวโควิดรอบสอง วันรุ่งขึ้นยกเลิกออเดอร์ทั้งหมด แต่ก็ไม่ท้อนะ ทำธุรกิจก็เป็นแบบนี้ ปัญหาก็เป็นตัววัดความอดทน ก็สู้กันต่อไป”
เขายึดคติประจำประจำใจ 5 เรื่อง คือ ความขยันอดทน, ไม่ขี้เกียจ, ไม่เอาเปรียบลูกค้า, การบริการที่ดี และที่สำคัญที่สุดขาดไม่ได้ คือ “คุณภาพ” การค้าขายต้องมีคุณธรรมซึ่งเขาจะเน้นคัดผักเกรดเอ เป็นจุดขายเพื่อมัดใจลูกค้า
“ทุกวันผมจะเลือกผักด้วยตัวเอง ตัดสินใจเองทั้งหมด แม้แต่กระทั่งการเรียงของขึ้นรถ ดูเหมือนง่าย แต่มันละเอียดอ่อน ผักบางชนิดบอบช้ำง่าย อย่างผักกาดหอม เวลาเกษตรกรเอาผักมาส่งมาเป็นเข่ง ผมลงทุนซื้อลังกระดาษมาใส่ก่อนขนขึ้นรถ เพื่อให้ผักไม่ช้ำ สินค้าเราต้องไปถึงมือลูกค้าให้ดีที่สุด สวยที่สุด”
ที่เลือกมาซื้อผักที่ตลาดสี่มุมเมือง เพราะที่นี่คือตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คนขายก็ขายแต่สินค้ามีคุณภาพไว้ใจได้ มีผักครบทุกชนิดที่ลูกค้าต้องการ ที่ผ่านมาทางตลาดมีการปรับปรุงใหม่สะดวกขึ้นเยอะ โดยเฉพาะลานจอดรถสำหรับผู้ซื้อ ซึ่งกว้างขวางขึ้น รถ 6 ล้อ 10 ล้อจอดสบาย สะอาด มีหลังคากันฝน มีรถยกไฮโดรลิกบริการเวลาขนผักหนักๆ ทำให้การมาซื้อของสะดวกสบายมากขึ้น”
ทั้งหมดเป็นปัจจัยความสำเร็จ ที่ทำให้ธุรกิจของเฮียโจเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเขาย้ำว่า การซื้อขายผักที่ตลาดสี่มุมเมืองกว่า 20 ปี ได้เปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ มีกิน มีใช้ มีรายได้ เลี้ยงดูครอบครัว จนเป็นเจ้าของธุรกิจ
จนถึงวันนี้ เขาเปลี่ยนบทบาทจากลูกน้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องบริหารลูกน้องกว่า 20 คน เปลี่ยนไปจากช่วงเริ่มต้นที่ต้องใช้แรงมาใช้ความคิด ใช้สมอง เพราะต้องบริหารธุรกิจ บริหารลูกน้อง แต่ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน ก็ล้วนสร้างความสนุก และความสุขให้กับเขา
ปัจจุบันเฮียโจ ในวัย 47 ปี ยังคงทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด ซึ่งเขาเผยยิ้มๆ ว่า ขับรถมาที่ตลาดสี่มุมเมืองทุกวัน ไม่ได้คิดว่ามาทำงาน แต่เป็นการมาพบปะเพื่อนฝูง คนที่ค้าขายที่นี่ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดี
“ที่นี่เปรียบเสมือนครอบครัว ผมได้รับการดูแลอย่างดีมาโดยตลอด ถ้ามีปัญหาอะไร ตลาดช่วยแก้ไขทันที ผมอยู่ที่นี่และไม่คิดไปไหน”
เขาทิ้งท้ายข้อคิดคนที่สร้างธุรกิจของตัวเองว่า การค้าขายก็เหมือนเกมกีฬา มีแพ้ เสมอ ชนะ เป็นเรื่องปกติ บางวันขาดทุน บางวันเท่าทุน บางวันก็ได้กำไรเยอะ
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ห้ามท้อ” และ “ห้ามยอมแพ้” สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากชีวิตของเขาเอง ที่สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจหลักล้านในวันนี้