xs
xsm
sm
md
lg

“ป้าแมว ดาวพระศุกร์” น้อยใจ ถูกมองป่วยสร้างกระแสเปิดรับบริจาค ซัดกลับใครจะอยากเจ็บ อยากตาย!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุกถึงเตียง “ป้าแมว ดาวพระศุกร์” เข้ารพ.รักษาอาการปอดติดเชื้อ รับน้อยใจ ถูกมองป่วยดรามา สร้างกระแส บอกความจริงก็คือความจริง ใครจะอยากเจ็บ อยากตาย อยากเข้าโรงพยาบาล มีแบรนด์เนมแต่ไม่ขาย ซื้อมาใช้ตั้งแต่สาวๆ กินของหรูแต่ไม่เคยออกเงินสักบาท ซึ้ง "ไก่ วรายุฑ"โอนเงินมาช่วย บอกหายเมื่อไหร่จะให้งาน

หลังจากมีข่าวออกมาว่า “ป้าแมว ดาวพระศุกร์” หรือ “กานดา นามแย้มแป้น”นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ป่วยแอทมิดเข้ารพ.เป็นการด่วน เนื่องจากอาการปอดติดเชื้อ สาเหตุมาจากการแพ้อาหาร รวมไปถึงมีโรคประจำตัวหอบหืด มีคนในวงการบันเทิงยื่นมือช่วยเหลือสมทบทุนค่ารักษา ซึ่งวันนี้ ผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR online ได้เดินทางไปสถาบันโรคทรวงอก พร้อมเปิดใจป้าแมวกันถึงขอบเตียง ซึ่งนักแสดงอาวุโสให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนเปิดใจต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะไม่มีลูกหลาน ตัวคนเดียว และอยากขอความเมตตาของาน หากตนหายป่วยออกจากรพ.

“เข้าโรงพยาบาลก่อนวันที่ 5 ค่ะ ตอนช่วงโควิดที่เขาเก็บตัวกันประมาณ 3 เดือนกว่า ก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่กับบ้านก็ไม่เป็นอะไร ออกมาทำงานเล็กๆ น้อยๆ อีกอย่างเราเป็นโรคหอบหืด เป็นโรคที่เสี่ยงต่อโควิดมาก เราต้องดูแลตัวเองดีๆ และทีนี้ก่อนวันที่ 15 เกิดดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง เราเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย ก็เกิดเป็นหวัด เป็นไข้ และช่วงหลังๆ ก็รักษาหัวเข่าอยู่ ไปฉีดยาที่คลินิก ก็เลยฉีดแก้ไข้ด้วย ก่อนวันที่ 5 นะคะ และทีนี้งานของโกบอย เรารับปากเขาไว้ก่อน ก่อนที่จะไม่สบาย พอดีเกิดเจ็บป่วย แต่เราพยายามรักษาแล้ว มันยังไม่ยอมหาย วันที่ 5 ก็ถึงคิวต้องไปทำงาน ก็ไปทั้งยังเป็นไข้อยู่ พอทำงานเสร็จก็แอทมิดเลย

อาการก่อนจะมาก็คือเป็นไข้ แล้วกลายมาเป็นอาการปอดติดเชื้อ คือถ้าเราจะเป็นไข้ เป็นหวัด แต่ไม่ได้อะไรมากมาย ซึ่งเพียงวันเดียวน้ำมูกจะเป็นสีเหลือง พอเป็นสีเหลืองก็คือติดเชื้อแน่นอน ยังไงก็ต้องมาที่นี่แห่งเดียว เพราะว่าเราไปที่อื่น จะไปบอกหมอว่ายังไง เพราะตอนปี 61 หนึ่งปีผ่านไป พอจะครบปี เราก็กลับมารักษาอาการที่นี่อีก เป็นปอดติดเชื้อแบบประจำปี

ซึ่งปอดติดเชื้อมันไม่ได้เป็นกันทุกคนหรอก เพราะถ้าทำงานเหนื่อย เกิดเป็นไข้เป็นหวัดแล้วติดเชื้อทั่วไป คือเชื้อทั่วไป ไม่ใช่เชื้อวัณโรคอะไรแบบนี้ ทีนี้เราก็ใช้ยาฆ่าเชื้อกัน แล้วมาคราวนี้ก็ต้องใช้เสมหะเราไปเพาะเชื้อก่อน ว่าเชื้อตัวนี้คือตัวไหน ไม่ใช่มาถึงแล้วฉีดยาตัวเก่า และหมอก็บอกว่า เดี๋ยววันจันทร์กลับบ้านได้ พอวันจันทร์ก็ให้เอ็กซเรย์ ดูแล้วก็โอเคไม่มีอะไร พอเอ็กซเรย์ผลออกมาไม่ดี ปรากฎว่าเพาะเชื้อใหม่ เชื้อไม่หมด ก็เลยต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่ ฉีดวันละครั้ง แล้วตอนนี้ใช้ยาตัวใหม่อยู่ ก็ยังไม่ทราบว่าเชื้อหนีเราไปหรือยัง (หัวเราะ)

ถามว่ากลัวไหม กลัวเป็นโควิดเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นโควิดเขาไม่ให้อยู่ตรงนี้เลยนะ เขาจะมีส่วนเขาอีกที่หนึ่ง แต่ดูจากการตรวจข้างล่างแล้วไม่น่าจะเป็น เพราะเขาจะถามเราว่า 3-4 เดือนนี้ ไปพบชาวต่างชาติไหม แต่ก็ไม่ได้ไปไหน เพราะเราเก็บตัว โรคที่เราเป็นอยู่ มันเป็นโรคที่เสี่ยงมาก ถ้าเราออกไปปั๊บเสร็จเลย ซึ่งปี 61 คือนอนนานกว่านี้อีก แต่หมอคงเห็นว่าช่วงนี้เรายังว่างๆ เลยให้นอนไปก่อน เพราะถ้าเชื้อไม่หมด ก็ไม่ให้เราออกนะ

ส่วนจะรักษาหายไหม คือเมื่อปี 61 เราเข้าอุโมงค์ ดูว่าปอดเป็นยังไงบ้าง ปี 62 ไม่ต้องเข้า แต่ปีนี้หมอขอให้เราเข้าอุโมงค์ หมอใช้คำพูดเหมือนปอดข้างซ้ายมีแผล ก็เลยอยากเข้าอุโมงค์ดูว่าปอดตรงนี้มันเป็นอะไร ถ้าเป็นอะไรจะได้รักษากันได้ทันถ่วงที ปล่อยไว้มันอาจจะสายเกิดเหตุ”

เบื่อมากกับการป่วยซ้ำๆ อาการเดิมๆ ที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลในทุกๆ ปี
“เบื่อมาก เพราะปกติแล้ว เราก็จะมาที่นี่ ที่จริงเดือนนี้ประมาณกลางเดือน ก็จะไปที่ตึก 8 เพราะหมอจะนัดที่ตึก 8 นั่นคือตรวจทั่วไปของเราประจำทุกเดือน 2-3 เดือนหมอนัดทีหนึ่ง ทีนี้หมอก็จะนัดมาเป่าปอด ว่าปอดแข็งแรงไหม ที่จริงจะเป่าตั้งแต่ 2-3 เดือนก่อน แต่ว่ากลัวโควิด ออกมาไม่ได้ คราวนี้ก็นัดใหม่ เอาอีกแล้ว แต่ชิงมาที่นี่ก่อนอีกแล้ว ทุกครั้งไป สังเกตเหมือนมีอะไรผูกพัน เพราะจะป่วยในช่วงเดิมๆ ของทุกปี แปลกเนอะปี 61 ปี 62 คือนอนเตียงหมายเลขเดิม จนหมอแซวว่าป้าแมวมาซื้อเตียงเอาไว้เหรอ แต่ปีนี้ก็เปลี่ยนมานอนอีกเตียง เพราะเตียงนั้น มีคนนอนไปก่อนแล้วไง”

อาการปอดติดเชื้อครั้งแรก เกิดขึ้นจากการที่ปอดไม่แข็งแรงเพราะโรคหอบหืดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“คนเป็นหอบหืดปอดไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ทีนี้มันมีภูมิแพ้ด้วย อะไรด้วย แต่เราสังเกตในโซนนี้ ปอดติดเชื้อเขาก็ใช้ยาฆ่าเชื้อกันทุกคน และที่ผ่านมา เราก็ระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตอย่างมาก เพราะโรคนี้ ต้องดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด ช่วงที่ฝุ่นหนาฝุ่นเยอะ ก็ไม่ออกจากบ้าน เพราะว่าออกไปแล้วเป็นไข้ 3 เดือน ต้องอยู่บ้านเลย 3 เดือน เพราะฉะนั้นต้องดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด”

ใช้ชีวิตตัวคนเดียว มาโรงพยาบาลคนเดียวทุกปี เพราะไม่มีครอบครัว
มาคนเดียว ลูกหลานไม่มี ไม่ได้แต่งงานนะคะ

จากคนที่มีเงินเข้าโรงพยาบาลเอกชนมาตลอด แต่วันนี้ต้องมานอนห้องรวม ในความรู้สึกก็ไม่ค่อยโอเค แต่จริงๆ แล้วที่นี่คือสถาบันที่รักษาโรคนี้โดยตรง และราคาก็ไม่ได้ถูกเช่นกัน
(ถอนหายใจ) ถามว่าโอเคไหม ไม่โอเค แต่ที่นี่มันเป็นสถาบันซึ่งเกี่ยวกับโรคมันโดยตรง แต่ถามว่าที่นี่ไม่เสียตังค์เหรอ เสียตังค์นะคะ แพงมากด้วย (หัวเราะ) เขาเป็นสถาบันทรวงอก ซึ่งสมัยก่อนนานมาแล้ว เราเข้าโรงพยาบาลเอกชนตลอดเวลา เพราะโรคหอบหืดเรามันต้องกระทันหัน แต่ที่มารักษาที่นี่เป็นประจำ เพราะเขามีคุณหมอที่ชำนาญการและเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคที่เราเป็นอยู่”

“อีกอย่างเวลาป่วยแล้วเพื่อนๆ มาเยี่ยม ก็สงสาร ว่าเราอยู่ตัวคนเดียว แต่จะเปิดรับบริจาคก็กลัวคนจะดรามา ว่าป่วยอีกแล้วเหรอ เป็นดาราทำไมไม่มีเงิน

เรื่องของแบรนด์เนมเป็นของที่ซื้อมาใช้ตั้งแต่ตอนทำงานสมัยแรกๆ แล้ว ส่วนที่เห็นได้ทานอาหารดีๆ หรูๆ ไม่ได้จ่ายเงินเอง แต่เป็นเพื่อนๆ ที่มาเลี้ยงทั้งนั้น
“เรามีแบรนด์เนมใช้ เพราะมีมาตั้งแต่เก่าแต่ก่อน คือคนเราทำงาน จะไม่มีเงินซื้อของพวกนี่ใช้เหรอ หรืออย่างเวลาไปกินอาหาร เรามีเพื่อนเยอะ พอเขาผ่านบ้านเรา เพื่อนก็มาชวนไป บางคนก็โทรศัพท์มาให้ไปกินข้าว พอเราบอกไม่ไปหรอก ก็บอกว่าเดี๋ยวให้ค่ารถกลับบ้านด้วยนะ หรือการที่คนเห็นว่าเรานั่งกินอย่างหรูไง กินมื้อละ 3-4 พัน แต่เปล่า เราไม่เคยออกสักบาท อย่างที่บุ๋ม (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) เขาก็อธิบายแทนเรา ว่าเรามีเพื่อนเยอะ ใครผ่านมาก็เรียกป้าแมวไปกินข้าวกัน”

ไม่ซีเรียสถูกมองแกล้งป่วย ดรามาสร้างกระแส บอกใครจะอยากเจ็บ อยากตาย อยากมานอนรพ.
“ไม่ซีเรียส เพราะไม่ได้สร้างกระแสอะไร เพื่อนๆ ทุกคนพอเห็น ก็ทำให้เราหมดเลย เพื่อนเราคนหนึ่งอยู่วัด หาว่าเราสร้างกระแสให้ตัวเอง ตลกไหม ใครจะอยากเจ็บ อยากตาย อยากมานอนโรงพยาบาลล่ะ

ถึงจะไม่ซีเรียส ก็มีเก็บมาน้อยใจอยู่เล็กๆ แต่หัวใจก็พองโตอีกครั้ง เมื่อผู้จัด “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ถามว่าน้อยใจไหม ก็มีเหมือนกันเล็กน้อย แต่ความจริงคือความจริง เขาจะรู้เองว่าเราเป็นยังไง และถ้าอาการเราดีขึ้น เกิดมีผู้จัดคนไหนเมตตาเรียกเราไปทำงาน เราก็พร้อมมาก อย่าง ไก่ วรายุฑ นอกจากเขาจะโทร.มาหาและโอนเงินมาให้เราแล้ว เขายังบอกว่าให้หายเร็วๆ นะ หายแล้วมาร่วมงานกัน เราพอได้ยินคำนี้ก็หัวใจพองโตเลย(ยิ้ม)”

ส่วนใครสนใจช่วยเหลือค่ารักษาป้าแมว สามารถโอนไปที่บัญชี กานดา นามแย้มแป้น หมายเลขบัญชี 8932002605




















กำลังโหลดความคิดเห็น