“อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” เคารพการตัดสินใจ ช่อง 3 ไม่ส่ง “ใหม่-เบลล่า” ชิง “นาฎราช” วิเคราะห์เบื้องหลังกฎสมาพันธ์ฯ ช่องจะส่งกี่เรื่องก็ได้ ต้องจ่ายเงินสมทบทุกเรื่อง ไม่สามารถให้คะแนนละครตัวเอง มงฯ อาจลง "ใบเฟิร์น" ด้านสมาพันธ์ฯ ยกเลิกชี้แจงวันศุกร์นี้
เกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่าสรุปแล้วใครผิดกันแน่ สำหรับกรณีดรามา รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 11 ที่เพิ่งจะเปิดโผให้ทุกคนได้รู้กันไปแล้วว่าสรุปละคร รายการ และนักแสดงคนไหนเข้าชิงรางวัลอะไรกันบ้าง แต่ความดรามาก็ดันไปเกิดกับ “รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” ที่อยู่ดีๆ “แม่ย้อย” จากบ้านแบ้อย่าง “ใหม่ เจริญปุระ”หรือ “เรณู”ดาวเด่นจากตาคลีอย่าง “เบลล่า ราณี แคมเปน” ถึงไม่มีชื่ออยู่ในสาขานี้
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วละครเรื่อง “กรงกรรม” คือละครหยุดโลกที่เปิดดูกันทุกบ้าน พูดถึงกันทุกครัวเรือน กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ที่ถ้าคุณไม่ดูคุณจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง เพราะเนื้อเรื่องเป็นการนำเสนอผ่านบทบาทของแม่ผัวที่ไม่ยอมรับในตัวของลูกสะใภ้ที่เคยมีอาชีพขายตัวมาก่อน ปะปนไปด้วยความเชื่อด้านไสยศาสตร์และวิถีความเป็นชาวบ้านแท้ๆ บวกกับทุกตัวละครมีซีนเป็นของตัวเอง จึงไม่แปลกใจว่าทำไม “”กรงกรรม” ถึงได้มันส์สะใจแม่บ้านกดไลก์กันเป็นแถว โดยเฉพาะ 2 ตัวละครหลักอย่าง “แม่ย้อย” ที่ต้องปะทะคารมกับ “เรณู” กันทุกฉาก มันส์สะเด็ดเจ็ดย่านน้ำ ด่ากันเมื่อไหร่ เรตติ้งขึ้นพรวดๆ แต่ท้ายที่สุดทั้ง “แม่ย้อย-เรณู” ก็ต้องกอดคอกันน้ำตาตกใน เพราะเล่นแทบตาย สุดท้ายก็ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิ่ง
โดยในกรณีที่เกิดขึ้นกับการประกาศโผผู้เข้าชิง “รางวัลนาฎราช” ในปีนี้ ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยเป็นเหล่าคนบันเทิงร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการตัดสินรางวัลโดยผู้ประกอบการวิชาชีพขึ้น โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2553 และผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเพื่อคัดเลือกผลงานรับรางวัลนาฏราชนั้น คือผู้ที่ประกอบอาชีพและวิชาชีพ ด้านกิจการวิทยุโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ผู้กำกับ ผู้ผลิตรายการ ผู้ดำเนินรายการ หรือผู้ผลิตงานเพลง ที่เคยได้รับรางวัลทางโทรทัศน์และวิทยุต่างๆ ย้อนหลัง 15 ปี โดยผลคะแนนทั้งหมดจะได้รับการจัดการและเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีโดยบริษัทภายนอก และทราบผลพร้อมกันในวันตัดสิน แต่ในเมื่อเกิดดรามาร้อนฉ่าขนาดนี้ ทางสมาพันธ์ฯ ได้ร่อนจดหมายชี้แจงว่าการที่ “เบลล่า” และ “ใหม่ เจริญปุระ” ไม่มีชื่อเข้าชิงในสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” ก็เนื่องจากทางช่อง 3 ไม่ได้นำเสนอชื่อของทั้ง 2 คนเข้ามาประกวดในสาขานี้แต่อย่างใด แต่ในสาขาอื่น “กรงกรรม” ได้ส่งเกือบทั้งหมด อาทิ ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม, บทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับละครยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เพลงละครยอดเยี่ยม และผลงานที่ทางช่อง 3 ส่ง “กรงกรรม” เข้ามาร่วมชิงรางวัลก็ได้เข้าชิงทุกรางวัลเช่นกัน โดยทางสมาพันธ์ฯ ยืนยันเสมอตลอด 10 ปีที่ผ่านจะเน้นเรื่องคุณภาพและความยุติธรรมเสมอมา
และการที่เลือกละครแต่ละเรื่องส่งเข้าชิงรางวัล “นาฏราช” นั้น ขั้นตอนแรกจะเป็นการที่ช่องต้องเป็นคนนำเสนอละครเรื่องต่างๆ เข้าชิงในสาขาต่างๆ โดยในแต่ละสาขา ช่องสามารถส่งละครของตัวเองกี่เรื่องก็ได้ที่ออนแอร์ภายในปีนั้น และแต่ละเรื่องต้องจ่ายเงินสมทบเข้าสมาพันธ์ฯ ประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อสาขาต่อละครหนึ่งเรื่อง ซึ่งถ้าละครหนึ่งเรื่องส่งเข้าชิง 5 สาขาก็ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสมาพันธ์ฯ ตามจำนวนนั้น โดยเงินที่แต่ละช่องจ่ายมาก็เอาเข้ากองทุนและนำไปจัดงาน “นาฏราช” เลยทำให้คลายข้อที่ทุกคนสงสัยว่า “สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จริงๆ แล้วสามารถส่งผู้เข้าชิงที่มาจากช่องเดียวกันจากละครกี่เรื่องก็ได้ เพราะปีที่ผ่านๆ มาก็มีละครจากช่องเดียวกันเข้าชิงในสาขาเดียวกันมาโดยตลอด
ส่วนทางช่อง 3 เอง ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปสอบถามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา ซึ่งด้านของ “แอค อาร์ต เจเนเรชั่น” บริษัทผู้ผลิตละครเรื่องนี้ก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “เคารพในการตัดสินใจของช่อง และจะมุ่งมั่นผลิตผลงานที่ดีต่อไป” ส่วนความรู้สึกของ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์”ตอนนี้ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใดๆ
ซึ่ง “ทางออก” ของปัญหานี้ก็เป็นการคาดเดาจากหลากหลายความคิดเห็น เพราะถ้าช่อง 3 จะยื่นเรื่องขอเสนอชื่อนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเพิ่มเติมนั้น ก็ดูท่าว่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะตอนนี้โผรายชื่อผู้เข้าชิงในแต่ละสาขาได้ถูกส่งไปถึงมือผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานั้นๆ ได้พิจารณากันหมดแล้ว โดยการพิจารณาให้คะแนนนั้น ถ้าเป็นละครของช่องนั้นเข้าชิง ช่องนั้นจะไม่สามารถให้คะแนนละครของตัวเองได้ ซึ่งกฎนี้ได้เริ่มใช้มาเมื่อ 2 ปีที่แล้วจนมาถึงปัจจุบัน และการที่ช่อง 3 นั้นเสนอชื่อ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” เข้าชิงในสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากละครเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” นั้นมั่นใจได้เลยว่าต้อง “ทัวร์ลง” นางเอกสาวแน่นอน เพราะถ้าพูดถึงการตีบทแตก 6 คาแรคเตอร์ โดยเฉพาะบทฝาแฝด “ซ้องปีบ-กาสะลอง” พูดเลยว่าเป็นอะไรที่ท้าทายเหมาะแก่การเข้าชิงรางวัล แต่ก็ต้องยอมรับว่าบท “แม่ย้อย” กับ “เรณู” ก็คือที่สุดเหมือนกัน ทางออกของสาขารางวัลนี้อาจจะต้องยกให้ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” กับบทบาทของสาวประเภทสองจาก “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” เพื่อเป็นการสยบจบทุกดรามา
สุดท้ายแล้วอย่าลืมว่า “กรงกรรม” คือละครที่ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” ต้องเกือบใช้ชีวิตแลกในการกำกับ เพื่อจะทำให้ผลงานชิ้นนี้สมบูรณ์ตามบทประพันธ์ที่ทุกคนเคยอ่านมา ด้าน “สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์” ซึ่งตอนแรกจะชี้แจงในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ล่าสุดได้ร่อนจดหมายขอยกเลิกงานดังกล่าวไปแล้ว