อีกหนึ่งเพื่อนซี้ที่แม้จะเดินกันคนละแขนง แต่อยู่วงการเดียวกัน เพราะคนนึงคือเจ้าพ่อนักแต่งเพลง ส่วนอีกคนก็คือนักแสดงมากฝีมือ และเป็นผู้กำกับที่หลายคนยกให้เป็นครู แต่ความเป็นเพื่อนที่เดินทางมาครบ 40 กว่าปี สำหรับความสัมพันธ์ของ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” กับ “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ที่เติบโตและเรียนรู้เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนอยู่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ
และแม้วันนี้เพื่อนอีกคนได้เดินทางจากไปที่อันแสนไกลแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนยังไงก็คือเพื่อนกัน “ดี้ นิติพงษ์” ที่ได้เดินทางไปส่งเพื่อนรักคนนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่วัดนาคปรก ได้บรรยายถึงภาพบรรยากาศของตำนานวัยว้าวุ่นวัดนาคปรก ว่า เพื่อนๆ ทุกคนมักจะมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของตั้ว และร่วมกันทำกิจกรรมร่วมหัวเมาท้ายกันเป็นประจำ พร้อมเป็นอีกหนึ่งเสียงว่า “ตั้ว” คือ ผู้ชายที่หล่อที่สุดในยุคนั้น เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มสุดฮอตของจุฬาฯ คนนึงเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าเรียกในยุคนี้ก็คือ “หล่อแบบไม่มีอะไรมากั้น”
“ไปหาตั้วที่วัดนาคปรกมาจ๊ะ..
วัดนี้ เป็นวัดประจำตระกูลของตั้วเลยก็ว่าได้ บ้านพ่อแม่ตั้วอยู่ติดกับวัดเลย..
พ่อแม่ตั้วมีบ้านว่างอยู่อีกหลังหนึ่ง...สมัยเรียนถาปัด ตั้วอยู่ที่บ้านนี้
ไม่ใช่สิ...ตั้วกับเพื่อนถาปัดจำนวนหนึ่ง อยู่บ้านนี้
ช่วงนั้นก็ไม่ใช่ปีหนึ่งนะ...ปีสามปีสี่ด้วยซ้ำ..
บ้านไม้สองชั้นเล็กๆ มีสองห้องคือ ห้องข้างบน กับห้องข้างล่าง เป็นบ้านที่ไม่ควรอยู่เกินสามคน...
พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันหกเจ็ดคนได้...พร้อมกับโต๊ะเขียนแบบคนละตัว...
นอนตรงไหน...แล้วแต่
อยู่กันอย่างเขรอะ ทำโปรเจกต์ส่งอาจารย์บ้าง คุยเรื่องเขียนบทละครบ้าง ร้องรำทำเพลงบ้าง....แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนอน
แม่ตั้วจะหุงข้าวต้มมาให้กินบ่อยๆ เพราะกลัวลูกกับเพื่อนๆ เป็นโรคขาดสารอาหาร...เพราะบะหมี่สำเร็จรูปมักจะเป็นอาหารหลัก ค่ำๆ ก็จิบแม่โขงโทนิคกัน...วันไหนมีตังค์เยอะหน่อยก็ลงขัน...จิบแสงโสม ทำงานไป พร่ำเพ้อละเมอพก ดื่มด่ำเมรัยยามราตรี จนเกือบเช้า...ก็แยกย้ายไปสุมหัวนอน...แยกย้ายยังไงวะ ห้องเดียวนั่นแหละ...
ก่อนนอน...มีเพื่อนบางคนปวดเยี่ยว แล้วขี้เกียจลงมาเข้าส้วมข้างล่าง มันก็เยี่ยวตรงระเบียงบนบ้านดุจสายฝนอุบาทว์ ตกลงไปที่พื้นเบื้องล่างอันเป็นทางสัญจรเข้าออกของผู้คน รวมทั้งพระคุณเจ้า..ซึ่งกำลังจะออกมาบิณฑบาต ในเวลาอันเกือบจะเดียวกันนั้น...
ตั้วเห็นก็ตาเหลือก ตะโกนลั่น...
“เฮ้ย ไอ้เชี่ย มึง ลงไปเยี่ยวข้างล่างสิโว้ย...นั่นมันลงไปทางเดิน เดี๋ยวพระก็จะออกไปบิณฑบาตแล้ว...”
“กูเมาว่ะตั้ว...กูลงกระไดไม่ไหว...”
เราเขรอะกันอย่างไม่น่าเชื่อ...
เพื่อนคนหนึ่ง ตื่นก่อน อาบน้ำเสร็จแล้วหยิบกางเกงในฉันที่ตากอยู่ไปใส่เฉยเลย...
พอฉันลืมตาขึ้นมาเห็น ก็ร้องเฮ้ย....
มันด่ากลับหน้าตาเฉย..
“เฮ้ย...อะไรวะ ของแค่นี้หวงไปได้...”
ล้อมวงกินข้าวต้มที่แม่ตั้วต้มมาให้กิน...มีไอ้เพื่อนตัวร้ายเลวทรามต่ำช้าคนนึง มันคะนอง...มันดึงขนในที่ลับ...เอาใส่ชามข้าวต้มเพื่อนทุกคน!!!! อ้วกกกก...
“...ไอ้.....มึงทำอะไรของมึง...”
“...หมี่กรอบไง...หมี่กรอบ...”
กว่าจะรอกันใช้ห้องน้ำ อาบน้ำมั่ง ไม่อาบมั่ง...ก็แล้วแต่...
ก็จะพากันเดินงัวเงียเป็นขบวนออกไปปากซอย...
เป็นอู่ต้นสายรถเมล์สาย 4 ตลาดพลู-คลองเตย
ซึ่งโชคดีที่เป็นสายที่ผ่านจุฬาพอดี..
เราเป็นนิสิต..ก็ต้องไปเรียนสิ
เราจะไม่พูดคุยกันทั้งสิ้น ต่างกับกลางคืนโดยสิ้นเชิง...
ต่างคนแยกย้ายไปนั่งริมหน้าต่าง...ไม่นั่งด้วยกัน
ก่อนรถจะออกจากอู่...เราก็หลับกันโดยพร้อมเพรียงริมหน้าต่าง-ไม่ต้องหวาดกลัวต้องลุกให้เด็กสตรีคนชราอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะเก้าอี้รถเมล์สมัยนั้นเป็นแบบนั่งคู่หมด...ปลอดภัย
ความปลอดภัยเริ่มสั่นคลอน....เมื่อ
รถเมล์มาถึงป้ายจุฬา...แถวๆ สามย่าน
ทีนี้ก็แล้วแต่ใครตื่นหรือไม่ตื่น..ตอนรถถึงป้ายนั้น...
และเราก็ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า...ตัวใครตัวมันนะเว้ย
จะมีเพื่อนบางคน...ที่ไปตื่นที่อู่คลองเตยเสมอ...
ตั้วไม่เคยพลาด..พร้อมเพื่อนที่รอดมาได้...ก็จะลงป้ายแล้วเดินเข้าประตูจุฬาด้านพาณิชย์บัญชีด้านทิศใต้สุด....เพื่อจะเดินผ่าจุฬาฯ ไปยังคณะถาปัดที่อยู่ด้านทิศเหนือสุด...
เพื่อนๆ ที่เดินอยู่ท้ายกลุ่ม จะได้ยินเสียงสาวๆ จุฬา แอบกระซิบกัน...
“นี่ๆๆ...นี่ไงเธอ...ศรัณยู..”
“ใช่เหรอ...”
“ใช่ๆๆ...เอ๊ะ..รึเปล่า..”
“ไม่ใช่มั้ง...หูย..เดินผ่านที กลิ่นเหมือนขนมปังหืน...”
ฯลฯ
......
......
สี่สิบปีมาแล้ว...ไม่น่าเชื่อว่าภาพยังชัดมาก...”
#นินทาตั้ว
#ตั้วไม่ต้องมาแก้ต่างอะไรนะ
#ว้าวุ่นเวอร์ชั่นวัดนาคปรก
#ปินดาโพสยะมันไม่เขียนกูเขียนเอง
#คิดถึงมึงนะตั้ว