“ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” ประกาศให้อภัยและอโหสิกรรมคนที่เคยต่อว่าตน ฟุ้งทุกวันนี้หลายคนทักออร่าพุ่งตนเองก็รู้สึกหมดเวรหมดกรรมแล้ว เตรียมเริ่มต้นใหม่สมรสอีกครั้ง ลั่นถึงหย่าแต่ยังใช้นามสกุลเทพพิทักษ์
เป็นที่รู้จักเพราะมาคบกับพระเอก “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์” ทำให้ชื่อของสาว “ติ๊ก กนิษฐรินทร์ เทพพิทักษ์” หรือ "ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" เป็นที่พูดถึงว่าเป็นสาวแรง ด่ากราดทั่วโซเชียลในหลายเรื่องหลายราวที่ผ่านมา วันนี้สาวติ๊กได้เปิดใจกับรายการดาราแลนด์ GMM25 ว่าเธอได้ตกผลึกกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา วันนี้เธออดทนขึ้นกับคำต่อว่าแต่จะไม่ขอทนหากมาวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาว “น้องวีจิ”
“นิสัยเราเป็นคนที่ไว้ใจคน ให้ใจกับคน เราได้เรียนรู้ว่ามันทำให้เราพลาดกับการใช้ใจกับคน บางอย่างมันเชื่อใจกันไม่ได้ เราไม่ควรเชื่อใจคนตั้งแต่ครั้งแรก หรือคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน บอกเลยว่าทุกวันนี้เราไว้ใจคนน้อยลงมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรายืนอยู่ได้เพราะเราใช้หัวใจนำพาชีวิต เราไม่ต้องการอะไรจากใคร ใจแลกใจ ใจแลกใจต้องใช้เวลาดู บางคนแค่ระยะสั้นก็ใช้ได้แล้ว บางคนต้องใช้เวลานาน แล้วเราเป็นคนที่เปิดหมดทุกมุม คนก็เลยได้เห็นเราหมด”
“เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาเราไม่ได้ไปซีเรียสกับมัน เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข และต่อไปจะไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีก เราก้าวไปแล้ว 10 ก้าวอาจจะถอยหลังมา 2 ก้าวได้ไม่เป็นไร เราเลือกมองมุมกลับ กลับมุมมอง พยายามเข้าใจคนที่เขาไม่เข้าใจเรา แต่อะไรก็ตามถ้ามาแตะต้องลูกเรา คิดว่าคนที่เป็นแม่คนจะไม่มีใครยอม ชีวิตคนเป็นแม่คน เขาปกป้องลูกของเขาอยู่แล้ว เรารักลูก เราก็ไม่อยากให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ลูกเราที่มันเกินไป”
ลั่นตอนนี้ทนได้กับทุกคำวิจารณ์แต่ไม่ขอทนหากมาพาดพิงถึงลูกสาว “น้องวีจิ” ที่ผ่านมาปรี๊ดแตกเพราะยังไม่ชินกับการที่ต้องมายืนในจุดนี้ ตอนนี้ให้อภัยและอโหสิกรรมต่อคนที่เคยด่าว่าตน“ที่ทนไม่ได้ที่สุดเลยคือมาว่าลูกเราว่าลูกคนขี้คุก มันไม่ใช่นะ มันแรงไป เราขอโทษด้วยนะ เราไม่ได้ไปว่าคนทุกคอมเมนต์ที่มาวิพากษ์วิจารณ์เรานะ ใครจะวิพากษ์วิจารณ์เราเรารับได้หมดเลย แต่มันก็ต้องอยู่ในขอบเขตของความพอดี ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราจะทนไม่ได้ถ้าเจอกับคนที่ไม่ให้เกียรติเรา แต่วันนึงพอเราต้องมาอยู่ในจุดนี้ เรายังไม่ชินและปรับตัวกับมันไม่ได้ เราก็อาจจะมีอะไรที่คนมองว่าเราแรง”
“ถ้าวันนึงเราต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขาที่เรายังขึ้นไปไม่ถึง มันอาจจะมีลมที่พัดเข้ามา ระดับความแรงของลมมันก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้กับสิ่งที่เราจะต้องมาอยู่ ณ วันนึงที่เราไปยืนในจุดสูงสุดของยอดเขาเราจะเข้าใจ กว่าที่เราจะเดินมา เราต้องผ่านกับอะไรมาบ้างว่ากว่าที่เราจะได้ขึ้นมามันลำบากนะ เราเจอบทเรียนมากมาย วันนี้ก็บอกได้เลยว่าเราเข้าใจทุกอย่างแล้ว เราไม่รู้สึกกับคำวิจารณ์ คนไม่เข้าใจเรา คำดูหมิ่นดูแคลน แต่ก็อยากให้ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ที่ผ่านมาเราขออโหสิกรรมให้กับทุกอย่าง ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีที่เคยทำที่มันอาจจะเป็นผลพวงที่ต่อเนื่องกันมา”
รับเคยจับมือร้องไห้กับสามีเพราะกระแสข่าวต่างๆ มาแล้ว ซึ่งสามีก็คอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างมาตลอด
“แรกๆ เลยมี เพราะเราไม่ชิน เราไม่เคยมาอยู่ตรงนี้ พี่หนุ่มแกก็จะลูบหัว แล้วก็บอกว่าแม่อย่าคิดมากนะ แม่อย่าคิดเยอะ แม่ต้องเข้าใจมัน แม่ต้องนิ่งๆ ทุกวันนี้หลายๆ อย่างเราผ่านมาแล้ว ก็ถือว่าเราเข้าใจอะไรได้เร็ว เราเข้าใจแบบเข้าใจจริงๆ นะไม่ใช่ว่าทำเป็นเข้าใจไปอย่างนั้นแหละ ตอนนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับความเข้าใจเป็นแล้ว จากที่แต่ก่อนเราไม่มีเลย เราเลือกมองมุมกลับ กลับมุมมอง เข้าใจคนที่ไม่เข้าใจเรา เราโตมาจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยไปด่าในพื้นที่ใคร แต่เวลาที่เราโดนมากๆ มันก็อาจจะมีนิดนึง”
“ก็เหมือนนักมวยที่โดยต่อยจนจะน็อกแล้ว จะล้มไปเลยมันก็ไม่ใช่ ก็ต้องมีส่งหมัดกลับไปบ้าง เราไม่ได้เป็นเป้านิ่งให้ใคร เราเป็นนักมวยที่ยอมให้ต่อยแต่บางทีก็ต้องขอคืนบ้างสัก 1-2 หมัด แต่หมัดของเรามีเหตุผลของมันนะ ไม่ใช่แบบที่บางคนบอกว่าเราสติหลุดแล้ว เราขาดสติ คือวิพากษ์วิจารณ์เราอะไรก็ได้แต่ขออย่าแตะต้องลูกเรา”
ไม่กังวลข่าวต่างๆ ที่ผ่านมาส่งผลกระทบกับ “น้องวีจิ” ในอนาคต เชื่อลูกจะเสพข่าวอย่างมีสติ
“เราเชื่อว่าวีจิจะเป็นคนที่เสพข่าวได้มีสติ เพราะในโลกโซเชียลตอนนี้มันเพิ่งจะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนยุคนี้ แต่พอผ่านไปถึงยุคที่วีจิเขาโต แล้วเขามีเราและพี่หนุ่มเป็นพ่อแม่เขา เราเชื่อว่าเราจะบอกกับลูกเราได้ ทุกคนในวงการไม่ได้มีข่าวดี 100 เปอร์เซ็นต์ และคนที่มีข่าวไม่ดีไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนไม่ดี คนเลว ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาแล้วล้วนมีเหตุผลของมัน มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ชีวิตต้องมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี มันถึงจะเป็นชีวิต ไม่ใช่ว่าเราจะเจอแต่เรื่องที่ดีอย่างเดียว”
เล่าแม้จะหย่าแก้เคล็ด แต่ก็ยังอยู่เป็นครอบครัว สามีให้ใช้นามสกุลเทพพิทักษ์ ไม่ต้องเปลี่ยน
“เราก็หย่าเป็นเคล็ด เพราะถ้าเราไม่ทำแบบนั้นอาจจะมีเรื่องหนักกว่านี้เกิดขึ้นได้ เอาเป็นว่าเราเชื่อในการใส่บาตรทำบุญมาตลอด เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่สามารถเป็นเกราะป้องกันเราได้ ทำให้หนักเป็นเบา ที่เบาก็ปัดให้เราไม่เจอกับมันได้ เรามีพระท่านนึงที่เรานับถือเป็นพ่อบุญธรรม อะไรที่ท่านทักมาเกิดขึ้นจริงหมดทุกอย่าง เราก็เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา”
“ทุกวันนี้ในบัตรประชาชนก็ยังใช้นามสกุลเทพพิทักษ์อยู่ จริงๆ เราก็กลับไปใช้นามสกุลเดิมของเราได้ แต่พี่หนุ่มบอกไม่ต้องไปเปลี่ยนหรอก เราไม่ได้หย่ากันจริงจัง ท่านเคยบอกว่าพอเจอเรื่องอีกเรื่องนึงก็จะหมดเวรหมดกรรมแล้ว เราใช้กรรมไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เราจะเจอแต่สิ่งดีๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนพ่อท่านโทรศัพท์มาบอกว่าเรามีกำหนดเวลาการกลับไปสมรส เพราะเราได้ชดใช้กรรมทุกอย่างหมดแล้ว ก็คือเราก็ต้องกลับไปสมรสกันใหม่ เพราะวีจิเขามาช่วยเราสองคน เขามาจากความรัก สิ่งที่เราต้องแก้คือตัวเราสองคนไม่ได้เกี่ยวกับวีจิ”
ฟุ้งหลังจากที่ตนให้อภัยกับชาวโซเชียลแล้ว หลายคนทักตนออร่าพุ่ง เชื่อหมดกรรมแล้ว เตรียมสมรสใหม่อีกครั้งเร็วๆ นี้
“ช่วงนี้หลายๆ คนก็มาทักเราว่าเราสวยขึ้น ดูมีออร่า เราก็แอบคิดนะว่าหรือว่าเราจะหมดเวรหมดกรรมแล้วจริงๆ ตั้งแต่วันที่เราอภัยและอโหสิกรรมให้กับทุกๆ คน หลังจากนั้นก็มีคนทักเราเรื่อยๆ ว่าเราดูมีออร่าขึ้น มันเลยทำให้เรามีกำลังใจและมีความสุขขึ้นว่า เออ เราหมดกรรมแล้วนะ อะไรที่เราจะต้องเจอเราคงไม่เจออีกแล้ว (จะกลับมาสมรสกันอีกทีเมื่อไหร่?) ท่านบอกมาแล้ว แต่ท่านอยากให้พี่หนุ่มเข้าไปกราบท่านที่วัด ท่านอยากคุยกับพี่หนุ่มแค่สองคน”