จากกรณีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่นักร้อง-นักแต่งเพลง "ไบรท์ วรวิทย์ นิมมานศิริกุล" ได้เดินทางไปยื่นเรื่องกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเพื่อเร่งรัดในคดีที่ตนฟ้องร้องเอาผิดกับนักร้องดูโอชื่อดัง "เบิร์ดกะฮาร์ท" (กุลพงศ์ บุนนาค - สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล) กรณีนำบทเพลง "ถอนตัว" ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้ามานานกว่า 4 ปีแล้วนั้น...
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 เมษายนมาทางด้านของเจ้าตัวก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คระบุว่าถึงตอนนี้คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าแล้วเมื่อศาลเองได้เชิญผู้เกี่ยวข้องรวมถึงจำเลยทั้งสามซึ่งประกอบไปด้วย 2 นักร้องดูโอและ "แชมป์ ศุภวัฒน์ พีรานนท์" ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเพลงดังกล่าวเข้าให้ปากคำในวันจันทร์ที่ 27เมษายน เวลา13:00 น.ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ชั้น 5-7 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
ย้อนรอยที่มาของคดี "ถอนตัว"
"ก็เลยต้องถอน ตัว ถอน ตัว ทั้งๆ ที่ยังรัก แต่ทำได้ แค่ทำใจ ก็เลยต้องถอน ตัว ถอน ใจ ที่ให้ ความรักไป เธอไม่เคย จะเหลียวแล ซักนิด เลย..." ในขณะที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับท่อนฮุคของบทเพลง "ถอนตัว" นี้เป็นอย่างดี แต่น้อยคนคงจะรู้ว่านอกจากความไพเราะแล้วบทเพลงนี้ยังมีเรื่องชวนวุ่นวายซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน
สำหรับสาเหตุของเรื่องราวแห่งความวุ่นวายทั้งหมดนั้นคงต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2543 โดยในตอนนั้นทางด้านของ "ไบรท์ วรวิทย์ นิมมานศิริกุล" ซึ่งรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ทำอัลบั้ม 30 ปีให้กับทางช่อง 3 อยู่ได้ให้เพื่อนนักดนตรีด้วยกันอย่าง "ต่อ เอกภพ เกียรติพิริยะ" ช่วยทำเพลง "ถอนตัว" เพื่อนำมาใส่ในอัลบั้มของตน โดยที่ี "ไบรท์์" เป็นผู้คิดคอนเซ็ปท์เนื้อหา รวมถึง แต่งคำร้อง ทำนองท่อนฮุคหลักให้กับต่อและร่วมแต่งคำร้องทำนองกับต่อตั้งแต่ต้นจนจบเพลง
ระหว่างที่รอบันทึกเสียง ปรากฏว่า "แชมป์ ศุภวัฒน์ พีรานนท์" ซึ่งเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงเช่นกันกันได้มีโอกาสฟังเพลงดังกล่าวจากการที่ "ต่อ" นำมาเล่นให้ฟังในวันเกิดจนเกิดความชอบและได้เอ่ยปากขอเพลงดังกล่าว แต่ทางด้านของ "ต่อ" ระบุว่าคงไม่ได้ เพราะแต่งร่วมกับ "ไบรท์" เป็นเพลงของ "ไบรท์" ในอัลบั้มใหม่ "ไบรท์" หลังจากนั้น "ต่อ" จึงมีการเซ็นโอนลิขสิทธิ์ให้ "ไบรท์" ในวันที่ 23 มิถุนายน 2543
อย่างไรก็ตาม ในปี 2544 เพลง "ถอนตัว" กลับไปปรากฏอยู่ในอัลบั้ม Meeting งานรวมเพลงศิลปินค่ายจีนี่ฯ โดยมี "เบิร์ดกะฮาร์ท" เป็นผู้ร้อง และระบุชื่อ "แชมป์ ศุภวัฒน์ พีรานนท์" เป็นคนแต่ง ด้าน "ไบรท์" หลังทราบเรื่องจึงนำหลักฐานไปให้กับทางแกรมมี่ฯ เพื่อยืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของเพลงดังกล่าว
หลังพิจารณาข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ สุดท้ายแกรมมี่ฯ จึงตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์บทเพลง "ถอนตัว" ในสัญญา "หนึ่งต้นแบบ" กล่าวคือผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะในอัลบั้มดังกล่าว ก่อนที่เครดิตของเพลง "ถอนตัว" ในอัลบั้ม Meeting จะถูกแก้ไขเปลี่ยนเป็น "ต่อ เอกภพ เกียรติพิริยะ" และ "ไบรท์ วรวิทย์ นิมมานศิริกุล"
เรื่องทั้งหมดน่าจะจบลง แต่ในปี 2558 บนเวทีคอนเสิร์ต 30 ปี "เบิร์ดกะฮาร์ท" ทาง "แชมป์ ศุภวัฒน์" ซึ่งเป็นศิลปินรับเชิญได้มีการนำเพลง "ถอนตัว" ไปร้องบนเวทีในฐานะผู้แต่งเพลงดังกล่าว ขณะที่ทางด้านของนักร้องดูโอชื่อดังก็ได้มีการเอาเพลง "ถอนตัว" ไปเล่นต่างกรรมต่างวาระ จนเป็นเหตุให้ทาง "ไบรท์ วรวิทย์ นิมมานศิริกุล" ตัดสินใจฟ้องร้องในที่สุด
27 เมษายน ทุกอย่างต้องจบ?
ภายหลังจากที่ "ไบรท์ วรวิทย์ นิมมานศิริกุล" ได้มีการเผยถึงความเคลื่อนไหวของคดีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 เมษายนนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าตัวอีกฝ่ายก็ได้ให้รายละเอียดว่า..."ตอนนี้ที่ผมฟ้องเขามีทั้งหมด 3 คดีครับ คดีแรกคือคดีคอนเสิร์ตที่ยืดเยื้อมา 4 ปีนี่แหละที่เขาไปอ้างบนคอนเสิร์ตว่าแชมป์เป็นคนแต่ง ส่วนอีกสองคดีคือคดีละเมิดลิขสิทธิ์เพลงถอนตัว โดยการนำไปบันทึกดีวีดีจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนอีกคดีนึงเป็นคดีแพ่ง"
"วันที่ 27 นี้อัยการบอกว่าก่อนขึ้นศาลจะมีการถามว่าทางนั้นจะยอมไกล่เกลี่ยไหม จะยอมชำระไหม ถ้ายอมก็ไกล่เกลี่ยกันตอนนั้นเลย ก็จะได้ข้อสรุป แต่ถ้าไม่ยอมชำระ ศาลก็จะสืบพยานวันนั้น แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะสู้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เปลี่ยนคำให้การว่าเป็นแชมป์แต่งอีกแล้ว เพราะตอนแรกเขาเอาต่อ เอกภพมาสู้ แต่พอเขาไปถามทางแกรมมี่ ทางแกรมมี่บอกว่าเจ้าของลิขสิทธิ์คือไบร์ทไม่ใช่ต่อ ตอนนี้เขาก็เลยเอาแชมป์พลิกมาสู้ในคดีใหม่"
บอกถ้าอีกฝ่ายสู้ก็มีสิทธิ์จะโดนคดีอาญาเพิ่ม..."ถ้าเกิดเขาสู้ต่อไปเขาจะโดนคดีพวกให้การเท็จ จัดทำเอกสารเท็จ และจ้างวานพยานให้การเท็จเพิ่มด้วย เป็นคดีอาญาหมดเลย ก็คือจะโดนเพิ่มอีก 3 คดี เพราะว่าเอกสารนั้นได้ถูกนำไปเป็นหลักฐานในขั้นของตำรวจ ในขั้นของอัยการแล้ว และส่งถึงศาลแล้ว ฉะนั้นก็จะโดนอีก 3 คดี หนักเลย โทษรวมเป็น 10 กว่าปีนะคราวนี้ เพราะฉะนั้น 27 นี้จะเป็นทางเดียวที่เขาจะรอด เขาต้องคุยให้จบ"
"ถ้าไม่จบหลังจาก 27 ไปแล้วคือคุกเลย เพราะตอนนี้ศาลไม่รับฟังเอกสารทางเขาแล้ว อัยการบอกว่าเอกสารของเขาไม่มีน้ำหนัก ทำมาด้วยจิตไม่บริสุทธิ์ เพราะว่าทำย้อนหลังมา แล้วตัวของต่อก็ไม่มีสิทธิจะอนุญาตด้วย เพราะต่อโอนลิขสิทธิ์ให้ผมตั้งแต่ปี 43 และแกรมมี่ก็ยืนยันสิทธิของผมชัดเจน หากศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็นเอกสารเท็จ การให้การเท็จ และการนำต่อมาให้การเท็จ ก็จะเป็นการเพิ่มคดีอาญาแก่เบิร์ด-ฮาร์ท-แชมป์และต่อด้วยครับ"
ยืนยันมีหลักฐานชัดเจนในหลาย ๆ วาระ ก่อนเผยเหตุที่เรื่องยืดเยื้อเพราะคู่กรณียอมรับผิดแค่เรื่องเดียว
"ผมมีคลิปประมาณปี 60 นะ ที่เบิร์ด-ฮาร์ทไปพูดในรายการ เขาพูดว่าตั้งแต่ปี 44-60 ผมยังไม่เคยเจอกับคนชื่อต่อเลย และในรายการนั้นก็มีสุเมธอยู่ด้วยนะ แต่เขาไม่ได้พูดชื่อผมนะ แล้วก็บอกว่าต่อเป็นคนแต่งเพลงนี้ คือมันรู้อยู่แล้ว แต่มันไปอ้างศาลว่าแชมป์แต่ง อันนี้ถ้าเปิดเผยได้จะดีมาก เพราะมันพูดว่าตั้งแต่ปี 60 มันไม่เคยเจอต่อ แต่มันมีสัญญาอนุญาตปี 57 ออกมาสู้ได้ยังไง นี่คือเฉลยเลยว่าเขาโกหก"
"แล้วมีอีกคลิปนึงที่ป๋าเต็ด (ยุทธนา บุญอ้อม) ไปสัมภาษณ์เบิร์ด-ฮาร์ท พี่เต็ดเขาเป็นคนที่ถ้าทำคอนเสิร์ตเขาจะซื้อลิขสิทธิ์เพลงถูกต้องหมด แล้วเขาเห็นเบิร์ด-ฮาร์ทนี่มีสปอนเซอร์อยู่ในรายการมาก แกก็สงสัย แกก็เลยถามในรายการสดพอดีเลยว่า เพลงที่เบิร์ด-ฮาร์ทเอามาเล่นในรายการนี้ได้ซื้อลิขสิทธิ์บ้างหรือเปล่า ฮาร์ทก็พูดเลยว่าไม่เคยซื้อเลย อันนี้เต็มๆ เลย เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อการพาณิชย์ แต่นี่มันคือพาณิชย์ 100% เพราะว่าเขามีสปอนเซอร์เข้าในรายการชัดเจน แต่ไปพูดอ้างในรายการว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อการพาณิชย์"
"ผมเคยเจอพวกเขาครั้งเดียววันที่ไกล่เกลี่ยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาก่อนหน้านี้นานแล้ว เขามาบอกว่าเขายอมรับผิด แต่เขาไม่ขอจ่าย 18 ปีที่เขาละเมิดทั้งหมด เขาจะจ่ายแค่ครั้งเดียวที่มีหลักฐานว่าจะจับเขาได้ นอกนั้นเขาไม่คุย ไม่จ่าย ก็เลยยาวมาจนถึงปัจจุบันครับ เขาไม่ยอมรับในส่วนที่ผ่านมาทั้งหมดเลย และตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่ได้มีทนายหรือส่งข้อความมาคุยนอกรอบเลยนะครับ มีแค่วันไกล่เกลี่ยวันนั้นแหละที่เขามาสารภาพว่าเขาไปเล่นคอนเสิร์ตจริง เขายอมรับแค่อันเดียว เขาจะยอมจ่ายแค่วันคอนเสิร์ต มันก็เลยคุยกันไม่จบจนถึงบัดนี้"
ยืนยันเรียก 5 ล้านบาทและให้แถลงยอมรับผิดถือว่าเหมาะสมแล้วกับโอกาสที่ตนเองสูญเสียไป
"เวลา 18 ปีนะ 5 ล้านนี่คือถูกมาก เพราะฟ้อง 4 คน มีเบิร์ด-ฮาร์ท-แชมป์ และบริษัทของเขาก็หารได้คนละล้านกว่าเอง แล้วถ้าเขายอมจ่าย 5 ล้าน เขาจะต้องแถลงข่าวให้ผมด้วย ว่าแชมป์ขโมยเพลงไปจริง และแชมป์ไปโกหกที่แกรมมี่จริง อันนี้พยานหลักฐานชัดเจน เพราะฉะนั้นแชมป์จะปฏิเสธตรงนี้ไม่ได้ เพราะเขาไปโกหกว่าผมกับต่อเอาเพลงเขาไป ผมถึงได้โกรธมาก"
"มันคือการทำลายชีวิตผมเลย เพราะว่าหลังจากที่เขาดิสเครดิตผมตอนนั้น หลายๆ ค่ายเขาก็ไม่เชื่อผมเลย เขาไม่รับงานผมเลย ผมเอางานไปส่งที่แกรมมี่ พี่กฤช กฤษณาวารินทร์ ค่ายเวิร์คแก๊งค์ เขาบอกว่าพี่จะโปรโมตไบร์ทได้ยังไงว่าไบร์ทเป็นคนแต่ง ในเมื่อเบิร์ด-ฮาร์ทยังพูดอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขาเป็นคนแต่ง ไบร์ทต้องฟ้องร้องให้จบ ให้เขาพูดให้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้เป็นคนแต่ง แต่ไบร์ทเป็นคนแต่ง ทางแกรมมี่ถึงจะโปรโมทไบร์ทได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง"
"เขาพูดแบบนี้เลย คิดดูสิว่าความเสียหายตั้งแต่ 18-19 ปีที่แล้วมันยังเดินตามมาถึงปัจจุบันนี้ ก็เลยทำให้ผมต้องสู้ เพราะคนเชื่อไปทั้งประเทศแล้ว ผมต้องทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่าความเป็นจริงมันคืออะไรครับ"