“หนุ่ม ศรราม” ไลฟ์สดยัน เมียไม่ได้โกงค่าหน้ากาก 9 แสน ยอมรับตอนแรกเห็นเป็นช่องทางทำมาหากิน แต่หลังรัฐออกนโยบายควบคุมก็ยุติ ครอบครัวไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย ขอให้อีกฝ่ายมารับเงินคืน ด้านเมียเข้ามาคอมเมนต์ “พวกมึงด่ากู ควรคิดถึงความจริง”
กรณี “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความจับเมียพระเอกดัง ในคดีฉ้อโกงหน้ากากอนามัยของแพทย์-พยาบาล งัดหลักฐานข้อความการสนทนาทางไลน์ คลิปเสียง และหลักฐานการโอนเงินจำนวน 9 แสนบาท ที่ สน.หัวหมาก ซึ่งงานนี้คนโยงว่าเมียพระเอกคนดังกล่าวคือ “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” หรือ “ติ๊ก กนิษฐรินทร์” ภรรยาของ “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์”
ล่าสุด หนุ่ม ศรราม ได้ไลฟ์สดผ่านอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า จู่ๆ มีจดหมายเข้ามาจากสำนักงานทนายกล้าหาญ เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ เรื่องบอกเลิกสัญญาซื้อขายและขอให้คืนเงินค่าสินค้า โดยระบุว่าวันที่ 5 มี.ค. คู่กรณีได้ตกลงสั่งซื้อสินค้า คือ หน้ากากอนามัย จำนวน 2 แสนชิ้น คิดเป็นมูลค่า 1.9 ล้าน จะส่งมอบสินค้าให้ภายใน 13 มี.ค. โดยคู่กรณีได้ชำระเงินให้แล้วบางส่วนหลายครั้งรวมเป็นเงิน 9 แสน แต่พอถึงเวลาติ๊กไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ พอทวงถามก็เพิกเฉย
ทั้งนี้ นักแสดงชื่อดังได้เผยว่า ช่วงต้นเดือน มี.ค. น่าจะมีคนต้องการหน้ากาก แอลกอฮอล์ เจล และคิดว่า มันสามารถทำมาหากินได้ แต่คราวนี้ทางภาครัฐได้แถลงวันที่ 6 มี.ค. ว่า หน้ากากเป็นสินค้าควบคุม และเป็นนโยบายทางภาครัฐ ที่ให้ภาครัฐเป็นส่วนดูแล ก็ต้องแยกให้ออกว่าเรื่องฉ้อโกง หากตนและภรรยามีสินค้าอยู่เยอะๆ อยู่ที่บ้านและขายทางออนไลน์ อยู่ๆ มีผู้คนจำนวนมากไปร้องเรียน จำนวน 40-50 คน นั่นคือ ตนทำผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่ภรรยาได้กระทำ คือ เราไม่ทำผิดกฎหมาย เราถือว่านโยบายภาครัฐออกมาวันที่ 6 มี.ค. หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ถูกควบคุม
ซึ่งพูดตรงๆ รับแทนภรรยาก็ได้ว่าตอนแรกภรรยากะจะขายหน้ากาก เพราะจะทำมาหากิน แต่ถ้าผิดกฎหมายเราก็ไม่ทำ เราก็ยอมเสียเงินค่ามัดจำ เงินที่สั่งออเดอร์ไปล่วงหน้าเพื่อทำตามนโยบายภาครัฐ นั่นคือ ความจริง
คราวนี้ภรรยาพยายามติดต่อคู่กรณีซึ่งไม่มีทนายความหรือองค์กรอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว โดยตนกับภรรยาก็พยายามโทรศัพท์ เพื่อบอกคู่กรณีว่าเงินที่คุณส่งมา ไม่ใช่เงินของเรานะ เงินเราเรายอมทิ้งเลยเพราะไม่อยากทำอะไรผิดกฎหมาย เรายอมรับว่าเบื้องต้นพอมีโรคแบบนี้ก็อยากขายของ อยากทำมาหากิน แต่เมื่อผิดกฎหมายเราก็ไม่ทำ เรายอมหยุด ทางเราพยายามโทรหา แต่อีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์ และบอกให้เราติดต่อมาที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ออกมาไลฟ์ และพูดชื่อจริง นามสกุลจริงตน สามารถเช็กดูได้
โดยตนและภรรยาประสานไปที่ “พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่น” ที่ สน.หัวหมาก เพื่อให้ท่านช่วยประสานกับคู่กรณีให้หน่อย ว่าในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนก็ได้ วันไหนได้ที่เขาสะดวก ให้มารับแคชเชียร์เช็ค เพราะตนไม่สะดวกทำ ถ้าคุณจะสั่งหน้ากาก ผมไม่มีวันสั่งหน้ากากจากต่างประเทศเอามาไว้ที่บ้านและส่งต่อในราคาสูงๆ ถ้าคุณได้รับข้อความจากตนแล้ว ให้มารับเงินคืน 9 แสน ทางใดทางหนึ่งก็ได้ เหมือนเวลาคุณอยากได้หน้ากาก คุณทำแบบนั้นแหละ คุณก็ติดต่อมา เพราะทางเราเองก็บอกตรงว่าตนและครอบครัวไม่สนับสนุนอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือไม่ก็ให้คู่กรณีไปติดต่อ พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่นที่สน.หัวหมาก จะได้มารับเงินคืน
เรื่องฉ้อโกงหรืออะไรเราไม่เคยมีเจตนา เราพยายามติดต่อคุณตลอดเวลาและไม่ได้รับสายจากคุณเลย ตนก็เกิดความสับสนอยากให้ตำรวจช่วยเช็กให้ดี ว่า ทางคู่กรณีเขาอยู่ที่ไหน และจะมารับเงิน 9 แสนบาทที่เตรียมไว้ให้ยังไง บ้านตนอยู่ลาดพร้าว ถ้าเกิดใครอยากมาตรวจดูสินค้ากักตุนก็มาได้ ตอนนี้ตนขายเซรัมหน้าใส ออนไลน์
ตอนนี้ตนสับสับมาก หาตัวคู่กรณีไม่เจอจริงๆ จะคืนเงิน 9 แสนให้ ยังไงก็ช่วยติดต่อท่านประยูรเพื่อจะได้นำแคชเชียร์เช็ค 9 แสนบาทคืนให้
ทั้งนี้ ระหว่างไลฟ์สดนั้นทางด้านของภรรยานักแสดงชื่อดังได้เข้ามาคอมเมนต์ว่า “พวกมึงที่ด่าพวกกู พวกมึงควรคิดถึงความจริง ตลก”