"แจ๊ส-แจง" เผยมีพนักงานในบริษัททั้งหมด 24 คน ยังไงก็จะไม่ทิ้ง ไม่ลอยแพกันแน่นอน บอกเตรียมมาตรการจ่ายเงินให้คนละ 5,000 บาทขั้นต่ำ และเตรียมยื่นขอเงินชดเชยจากประกันสังคมให้ช่วงที่ไม่มีงาน บอกไม่อยากซ้ำเติมในช่วงภาวะแบบนี้ แม้จะต้องจ่ายให้นานกว่า 6 เดือนก็ต้องทำ บอกตอนนี้พวกตนอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน เพราะล่าสุดไปงานที่ได้เจอกับ "แพรวา" ถ้าครบกำหนดเตรียมไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ชัวร์อีกที
เรียกว่าผลกระทบจากโรคโควิด-19 กระจายไปทุกวงการจริงๆ และวงดนตรีของตลกสุดฮอตอย่าง "แจ๊ส ชวนชื่น" ก็โดนกระทบอย่างจังเช่นกัน ซึ่งแจ๊สเผยว่าตอนนี้โดนทั้งงานที่ถูกแคนเซิล และที่ตนแคนเซิลไปเองแบบนับไม่ถ้วน จนต้องเอาเงินเก็บของวงออกมาแจกจ่ายให้น้องๆ ในวงกันแล้ว บอกตนและ "แจง ปุณณาสา พรหมยศ" ภรรยาก็เห็นด้วยทุกอย่าง
"ตอนนี้มันกระทบกันหมดครับ ผมเองก็ต้องยกเลิกงานทั้งหมด ทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด คือผมมีน้องๆ ในวงทั้งหมด 24 คน ก็มาคิดตกลงกับแจงแล้วว่าเราจะจ่ายเงินให้น้องๆ กันไปก่อนนะ คนละ 5,000 ก็คงต้องเริ่มกันแล้วในเดือนหน้า เพราะเรามีทั้งงานที่โดนแคนเซิล และที่เราเลือกที่จะแคนเซิลเองเยอะมากครับ ผมน่ะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พวกน้องๆ ในทีมเขาลำบาก ถ้าเขาไม่มีงาน ไม่มีเงินก็อยู่กันไม่ได้ เราช่วยกันได้ก็ช่วยเหลือกันไปครับ"
"จริงๆ ถามว่าหนักไหมให้คนละ 5,000 ทั้งหมด 20 กว่าคน มันก็ไม่น้อยนะ แต่ว่าเราเป็นผู้นำเขา เราช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วยๆ กัน เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่ได้อยู่กันแบบลูกจ้างนายจ้าง แต่เงินมันก็ลดลงไปทุกวันเพราะเราไม่มีรายได้เข้ามา ผมก็บอกน้องๆ ไปว่าช่วงนี้ก็ต้องประหยัดนะ เงินเก็บที่มีอาจจะต้องเอาออกมาใช้ก่อน ตอนนี้น้องๆ ก็เริ่มมีไปทำเรื่องประนอมหนี้กันบ้างแล้ว ก็ต้องช่วยๆ กันครับ ไม่รู้ว่ามันจะไปได้ขนาดไหน แต่ก็ให้กำลังใจกันแหละ เราต้องผ่านมันไปให้ได้"
เผยยิ่งอ่านข่าวมากยิ่งนอยด์ แถมภรรยาก็เป็นโรคแพนิค ต้องกินยาตลอด
"คือตอนแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยกลัวหรอกนะ แต่พอดูข่าวมากๆ ก็เริ่มนอยด์เหมือนกัน เราไม่อยากอ่านรายละเอียดเยอะ และแจงเขาก็เป็นโรคแพนิคอยู่แล้วด้วย คือเขาเป็นโรคเครียด ต้องกินยาตลอด ยิ่งพอมาอ่านอะไรช่วงนี้เขาก็ยิ่งเครียด ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เขาอ่าน แต่มันก็ห้ามไม่ได้หรอก ยังไงเราก็ต้องรู้ข่าวสาร ก็ได้แค่บอกว่าอย่าไปอ่านมาก เพราะแจงเขาก็เป็นห่วงลูก กลัวว่าลูกจะติดนั่นนี่"
"นี่เราก็แยกตัวออกมาสองคน ลูกให้อยู่อีกบ้านนึง เพราะผมเพิ่งหยุดรับงานไปเมื่อวันที่ 13 ก็ต้องกักตัวเองกับแจง 14 วัน ช่วงนี้ก็เฝ้าดูอาการครับ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรนะ ก็ถ้าครบกำหนด 14 วันก็จะเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาล ตอนนี้ออกไปไหนไม่ได้ไม่มีงาน ก็ทำงานที่บ้านครับ ทำคลิปยูทิวบ์ ซึ่งปกติผมก็จะออกไปทำข้างนอกแหละ แต่ตอนนี้ในเมื่อมันออกไปไหนไม่ได้ก็ต้องทำกันอยู่ที่บ้าน ก็ยังดีพอจะทำอะไรได้บ้าง"
ด้าน "แจง" เผยตัดสินใจบริจาคเงินช่วยสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรามาฯ เป็นเงิน 100,000 บาท
"เงินบริจาคที่เลือกให้โรงพยาบาลรามาฯ เพราะเราคิดว่าเป็นศูนย์กลางที่สุดแล้วในการกระจายของต่างๆ ได้ เราก็ไม่ได้คิดว่าต้องเลือกว่าอันไหนดีกว่ากันหรอกค่ะ เพียงแต่ดูที่ความเหมาะสมมากกว่า แล้วอีกอย่างเงิน 100,000 บาทกับเราก็ยังไม่ได้กระทบอะไรมาก และถ้าเอาไปช่วยเหลือในส่วนรวมได้เราก็ยินดีจะช่วยเลย เพราะเราคงไปหาหน้ากากอนามัยหรือเจลแอลกอฮอลล์มาบริจาคก็คงหาไม่ได้ และแจงกับแจ๊สเองก็จะมีทำบุญในวันเกิดกันอยู่แล้วทุกปี ก็เลยคิดว่าเอาเงินตรงนี้ไปช่วยกันดีกว่า"
บอกตอนนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะเริ่มรับงานได้เมื่อไหร่ แต่ก็พร้อมจะจ่ายเงินให้พนักงานกันต่อไปจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
"งานจะเริ่มรับได้เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยค่ะ เรายังไม่ได้คิดกันไว้เลย คงต้องดูสถานการณ์กันไปก่อน แต่เราก็บอกน้องๆ ทุกคนตลอดตั้งแต่เดือนม.ค.แล้วล่ะ เพราะเห็นเริ่มสถานการณ์ไม่ค่อยดีกันมาตลอด ก็บอกน้องๆ ว่าให้เก็บเงินกันไว้นะ วงเราเองก็มีเงินสำรองไว้ ตอนนี้ก็ต้องเอาเงินตรงนั้นมาจ่ายให้น้องๆ แล้วล่ะ ก็คิดว่าจะเริ่มให้กันตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค. ไป แต่ถ้าสถานการณ์ตอนนั้นมันยังไม่ดีขึ้น เราก็ต้องอุ้มกันต่อไปค่ะ ก็คิดแล้วว่าจะติดต่อประกันสังคมด้วย เพราะเรามีพนักงานทั้งหมด 24 คน คนที่มีสิทธิประกันสังคม 18 คน ส่วนที่เหลือแจ๊สเขาเพิ่งรับเข้ามาใหม่ ก็ต้องยื่นเรื่องต่อประกันสังคมเรื่องดูแลชดเชยพนักงานช่วงไม่มีงานช่วงนี้ เราก็ต้องดูว่าเขาจะให้มาคนละเท่าไหร่ อาจจะคนละ 6,000 - 7,000 บาท ซึ่งคนที่ไม่มีสิทธิประกันสังคมเราก็จะจ่ายให้เท่ากัน"
"ยังไงเราก็ต้องอุ้มคนของเราไว้ค่ะ ไม่มีการเลิกจ้างแน่นอน เพราะเราก็บริษัทเล็กๆ แต่ถ้าอย่างของบริษัทใหญ่ๆ มีพนักงาน 300-400 คนเขาก็คงไม่ไหว เราก็เข้าใจนะ แต่ของเราคนน้อย เรามีก็ต้องช่วยๆ กัน ถ้าไม่ช่วยเขาแล้วเขาจะทำยังไงล่ะ เพราะตอนนี้ทุกคนก็ลำบากกันหมด เครียดกันหมด ถ้าเราไปซ้ำเติมเขาอีกมันก็ไม่ใช่เรื่อง ก็คิดกับแจ๊สแล้วว่าถ้ามันจะยาวไปอีกถึง 6 เดือน เราก็ต้องจ่ายให้น้องๆ ให้เขาได้พออยู่พอกิน มีเงินใช้นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี"
"ตอนนี้รายได้ที่พอได้บ้างก็คือช่องทางยูทิวบ์ เราก็เน้นทำงานถ่ายยูทิวบ์กันที่บ้าน ถึงมันจะไม่ได้เงินเยอะ ได้เงินช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีรายได้เข้ามาเลย เราก็เอาเงินตรงนี้แหละมาจุนเจือช่วยเหลือกัน คิดว่ายังไงเราก็ต้องผ่านวิกฤตตรงนี้ไปด้วยกันให้ได้ค่ะ เราทิ้งใครไม่ได้จริงๆ เราทุกคนเหมือนพี่น้อง ก็สู้กันต่อไปค่ะ"
บอกอยากให้ทุกคนช่วยกันเซฟตัวเอง อยู่บ้าน ลดภาวะติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
"สิ่งที่อยากจะฝากก็คือทุกคนต้องช่วยกันค่ะ อย่าออกไปไหนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อยากให้ทุกคนอยู่บ้าน เพื่อตัวเองและเพื่อคนอื่นด้วย เพราะตอนนี้เราก็ไม่รู้แล้วว่าเชื้อโรคมันไปอยู่ตรงไหนบ้าง เซฟที่สุดก็คือเริ่มจากตัวเองนี่แหละ ตอนนี้ก็เห็นข่าวคุณหมอทุกคนทำงานกันหนักมาก ก็ต้องช่วยๆ กันค่ะ ถ้าเรายังออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน เราจะยิ่งเพิ่มเชื้อโรคเข้าตัว แล้วถ้าเอาเข้าบ้าน คนในครอบครัวก็อาจจะติดโรคไปด้วย โรคนี้รักษาหายนะคะ และแจงก็เชื่อว่าคุณหมอของไทยเก่ง ทุกอย่างต้องผ่านไปได้แน่นอน"
"อย่างแจงปกติเป็นโรคแพนิคอยู่แล้ว คือเครียดง่าย ก็ต้องทานยาตลอด และยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ช่วงแรกๆ แจงเลือกจะตัดขาดจากสังคมออนไลน์เลยนะคะ แต่สุดท้ายยังไงเราก็ต้องเสพข่าวบ้างเพื่อเอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งพอเสพมากๆ มันก็แพนิคอีก นี่แจงกับแจ๊สก็กักตัวเองมา 11 วันแล้ว เพราะแจ๊สมีงานวันสุดท้ายคือวันที่ 13 มี.ค. เราก็เริ่มกักตัวกันตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. แยกบ้านออกมาเลย ลูกก็ให้อยู่อีกบ้านนึง เพราะเราก็ห่วงลูกที่สุด ก็ถ้าครบกำหนด 14 วันเมื่อไหร่ก็จะหาโรงพยาบาลเข้าไปตรวจค่ะ"
"เราก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนะคะ เพราะชุดตรวจก็ไม่เพียงพอ บุคลากรก็ไม่เพียงพอ เราก็ให้เขาตรวจคนที่่มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเราไปก่อนดีกว่า เราตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไรก็รอให้ครบกำหนดก่อนค่อยไปตรวจก็ได้ ซึ่งที่ต้องกักตัวก็เพราะว่าเมื่องานล่าสุดแจ๊สเขาไปงานเดียวกับที่มีน้องแพรวา ณิชาภัทรไปร่วมด้วย พอรู้ข่าวเราก็เลยต้องกักตัวดีกว่า"