ราคาหุ้น VRANDA ปรับตัวลดลงตามกลุ่มธุรกิจโรงแรมจากการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัส “COVID 2019” อย่างไรก็ตาม VRANDA มีธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตลอดจนธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงาน ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติเช่นนี้
ทั้งนี้หากมองไปยังธุรกิจโรงแรมของ VRANDA นั้นก็ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องด้วยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นชาวไทย โดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนเพียง 9% เป็นตัวเลขที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม ประกอบกับมาตรการทางภาษีจากภาครัฐด้านการส่งเสริมการอมบรมสัมนาในประเทศจะส่งผลดีกับ VRANDA ประกอบกับทางโรงแรมมีกลุ่มลูกค้าองค์กรอยู่พอสมควร
ส่วนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขแถลงขอให้คนไทยเลื่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวในประเทศมากขึ้น ถือว่าเป็นบวกให้แก่ VRANDA เนื่องจากวีรันดาหัวหินและพัทยามีสัดส่วนคนไทยสูงเกินกว่า 50%
ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ นั้นโครงการ “Veranda residence Hua-Hin” มียอดขายรอโอน 2,000 กว่าล้านบาทโดยคาดว่าจะเริ่มโอนในไตรมาส 1 ปี 63 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลูกค้าชาวไทยเกินกว่า 95 %
อีกหนึ่งธุรกิจที่ VRANDA เตรียมพร้อมรับมือกับการถูก Disrupt ก็คือธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดย 2 แบรนด์ที่เพิ่งเข้าลงทุนในปีก่อนอย่าง Gram และ Pablo ได้พัฒนาสินค้ามุ่งเน้นช่องทาง Delivery ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน