"โบว์ เบญจวรรณ" ยิ้มได้ แม่ป่วยอาการดีขึ้น ยอมรับถึงกับทนไม่ไหว แม่อยู่ห้องไอซียู 8 วัน ถามตลอดจะรอดไหม ด้านหมอบอกเสี่ยงเสียชีวิตจนใจแป้ว เผยอาการหนักเพราะโรคแทรกซ้อน ต้องสลับกับพี่ชายเฝ้าตลอด 24 ชม. ใจชื้นแม่มีกำลังใจที่ดีขึ้น บอกถ้าออกจากรพ.จะออกกำลังกาย เปลี่ยนการใช้ชีวิต เผยเครียดจนอ่อนแรงทิ้งตัวใส่ "ก็อต จิรายุ" โชคดีที่อีกฝ่ายคอยซัปพอร์ต
คุณแม่ล้มป่วยด้วยอาการตับอ่อนอักเสบ ต้องอยู่ในห้องไอซียู ทำเอา "โบว์ เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์" กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องวิ่งรอกระหว่างถ่ายละครกับไปดูแลคุณแม่ ยิ่งได้ยินหมอบอกว่าโรคนี้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ก็ทำเอาใจแป้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว เพราะคุณแม่มีกำลังใจที่ดีขึ้น
"ก็เป็นหนักอยู่ค่ะ คือด้วยโรคที่เขาเป็นเขาต้องรักษาตัวเองด้วย ตอนนี้คุณหมอให้การรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว คือร่างกายต้องรับกับยา แล้วก็แข็งแรงด้วยตัวเอง ซึ่งการที่ได้ยินคุณหมอบอกว่าโรคนี้มันเสี่ยงกับการเสียชีวิตสูงอยู่เหมือนกัน ก็ทำให้เราใจแป้วบ้าง แต่เราเห็นคุณแม่สู้ เราก็โอเค เขายังมีความรู้สึกที่จะอยู่ เขาจะพูดตลอดว่าถ้าออกไปแม่จะเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้ดี จะออกกำลังกาย"
"คือเขามีกำลังใจ แล้วเราก็เห็นว่าเขาตั้งใจที่จะช่วยพวกเราด้วย เพราะตอนนี้ทุกคนทำเต็มที่แล้ว อยู่ที่ตัวเขาว่าเขาต้องเริ่มขยับบ้าง เริ่มเดินได้บ้าง เริ่มให้อวัยวะเขาทำงานได้ด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้เขายังกินข้าวไม่ได้เลย สามอาทิตย์แล้วที่เขาได้อาหารทางสายเลือด ต้องเจาะเข้าเส้นเลือดดำที่คอ เพราะถ้าต่อตรงกระเพาะปกติด้วยความที่อวัยวะข้างในมีส่วนที่ย่อยตัวเอง พอกินอาหารเข้าไปอีกมันจะย่อยหนักกว่าเดิม จะมีกรดในกระเพาะเพิ่มขึ้น ทีนี้ก็กลายเป็นว่าท้องบวมเพราะอักเสบมากขึ้น เป็นแผลมากขึ้น พอให้ยาเพิ่มขึ้นไปเพราะเขาขับน้ำเองไม่ได้ เพราะน้ำท่วมปวด คือมันมีโรคแทรกเข้ามาด้วย เนื่องจากอายุเขาด้วยค่ะ"
"การฟื้นตัวมันใช้เวลา แต่เขาสู้ คือเขาพูดคุยได้ เขารู้ว่าอะไรคืออะไร พูดคุยตอบสนองได้ดี และเขาก็พูดตลอดว่าเขาต้องหาย เพราะเขาอยากกลับบ้าน เป็นห่วงแมว เป็นห่วงต้นไม้ ห่วงบ้าน ห่วงพวกเราทุกคน ก็บอกว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงใครทั้งนั้นตอนนี้ เป็นห่วงตัวเองดีกว่า ให้ตัวเองหายมาก่อนที่เหลือเดี๋ยวค่อยจัดการ"
"ก็เข้าใจความเป็นแม่นะเห็นลูกอดหลับอดนอนเฝ้าตลอด เขาก็บอกไม่ต้องมาก็ได้ แต่มันทำไม่ได้หรอก คือโบว์กับพี่ชายจะสลับกัน วันไหนที่โบว์ทำงานเขาจะไป แต่ถ้าเราทั้งคู่ยุ่งจริงๆ ก็จะมีพยาบาลเฝ้า เพราะต้องมีคนเฝ้า 24 ชม. คุณหมอก็มีตรวจซีทีสแกนต่ออีก แต่ก็ทำบ่อยมากไม่ได้ เพราะแม่ทำไป 6-7 ครั้งแล้ว มันจะเอฟเฟกต์ที่ไต คืออะไรที่เกี่ยวกับข้างในมันจะทำมากก็ไม่ได้ ทำน้อยไปก็ไม่รู้ผล ก็ต้องดูวันต่อวัน"
"อาการตอนนี้คือแม่ยังมีไข้ขึ้น แต่บางวันก็ปกติ ก็ถ้ายังคงที่อย่างนี้แสดงว่าข้างในไม่มีการอักเสบเกิดขึ้น แต่คุณแม่กลางวันอาการดี ตกเย็นไข้ขึ้น 38-39 ซึ่งแปลว่าข้างในอักเสบ หมอก็ต้องพาไปเอ็กซเรย์ ซึ่งแม่โดนแสงพวกนี้เยอะมาก มันก็ทำให้อวัยวะเขาทำงานช้าลงเหมือนกัน แต่หมอก็ต้องตรวจเพื่อที่จะดูว่ามันมีการอักเสบตรงไหนเพิ่ม จะได้ให้ยาที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้คุณหมอก็ให้ยาที่ดีที่สุดแล้ว คือถ้าแม่รับยาตัวนี้ไม่ได้ก็ไม่รู้จะยังไงต่อ เพราะถ้าผ่าตัดไปโบว์ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าถ้ามันถึงขั้นนั้นแม่จะรับได้หรือเปล่า แต่เขาก็ต้องสู้ค่ะ"
กินไม่ได้ นอนไม่หลับเพราะห่วงแม่ โชคดี "ก็อต จิรายุ ตันตระกูล" อยู่เคียงข้าง
"ก็เครียดอยู่ เพราะ 8 วันแรกที่แม่อยู่ไอซียู เราก็เฝ้าเขาไม่ได้ โบว์ต้องไปกลับกรุงเทพฯ-พัทยา เพราะเขามีเวลาให้เยี่ยมนิดๆ หน่อยๆ เป็นห้องปลอดเชื้อด้วย ช่วงนั้นก็เลยเครียด คือเราเหนื่อย ทำงานเสร็จปุ๊บก็ไปแล้วก็กลับ เราไม่ได้นอน กินข้าวได้น้อยเพราะเราก็เป็นห่วงเขากว่า ก็มีช่วงนึงที่เราอยากจะทิ้งตัวปลดปล่อยมันออกมา แล้วโชคดีวันนั้นก็อตอยู่ ก็เลยบอกเขาว่าขอทิ้งตัวนะ ขออ่อนแอแป๊บเดียว เขาก็โอเค ปกติเขาจะบอกว่ายูต้องสู้สิ แต่วันนั้นเขาก็น่ารักคอยอยู่ด้วยตลอดค่ะ"
“เรื่องกำลังใจ โบว์บอกได้เลยว่าโบว์โชคดีมาก โบว์มีเพื่อนๆ มีคนใกล้ตัวที่คอยซัปพอร์ตโบว์มาก เพื่อนสนิทโบว์บอกว่าไม่ต้องขอบคุณนะมันคือหน้าที่ เราต้องอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เพราะเรื่องแบบนี้มันเซนซิทีฟ ถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้โบว์เชื่อว่ามันหนักสำหรับทุกคนทเพราะมันคือเรื่องของแม่ เป็นคนที่เรารักมากที่สุด เราก็ต้องเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหน แต่เราก็ต้องให้เขารับรู้ว่าเราโอเค เราแฮปปี้ เราสู้"
"เพราะโบว์เชื่อว่า คนที่นอนอยู่ตรงนั้นเขารับรู้ได้เวลาเราเครียด เวลาเรากังวล คือเขาเครียดอยู่แล้ว พอเขาเจอสีหน้ากังวลของเรา เขาก็จะยิ่งเครียด เพราะฉะนั้น เราต้องยิ้มแย้มให้เขาเห็นว่าเราโอเคเดี๋ยวแม่ก็หาย ไม่เป็นอะไรหรอก ก็ให้เขารับรู้ แต่เขาก็ต้องรู้ด้วยนะว่าที่เขาเป็นอยู่มันซีเรียส เขาไม่สามารถนอนอยู่เฉยๆ ได้ คือเขาต้องลุกขึ้นมาทำอะไร อย่างเปลี่ยนท่านั่งบ้าง หรือลุกขึ้นมาทำอะไร"
เผยแม่ถามตลอดตอนอยู่ในห้องไอซียูจะรอดไหม
“เขามีกำลังใจค่ะ ช่วงแรกๆ ตอนที่เขาอยู่ไอซียู เขาก็ถามขึ้นมาว่าเขาจะรอดไหม คือโบว์แบบวันนั้นเป็นวันที่โบว์ต้องเดินออกมาจากห้องเลย เพราะเราไม่คาดหวังว่าท่านจะถามออกมาแบบนั้น แต่พอตั้งสติได้ก็บอกแม่ว่าหมอบอกว่ามีโอกาส ร่างกายแม่โชคดีที่รับยาได้ แต่อาจจะมีโรคอื่นที่มันแทรกเข้ามา เหมือนร่างกายมันอ่อนแอ โรคที่มีอยู่แล้วก็ผุดๆ ขึ้นมาตามสภาวะร่างกาย แต่พอเขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร พอเขารู้ว่าเขาต้องช่วยเหลือ เขาก็เต็มที่ ดีค่ะ เวลาเขาหิวน้ำเขาก็จะกิน ตอนแรกๆ ที่หมอให้ยาอะไรมา ยาที่ต้องกิน ท่านไม่ชอบ ท่านก็จะไม่กิน เราก็บอกว่าไม่ได้ ต้องกิน คือเขาเลือกมาให้แล้ว เราต้องไม่ดื้อ"
"หรือแบบตอนที่คุณแม่ปวดมากๆ เขาต้องให้มอร์ฟีน แต่คุณแม่แพ้มอร์ฟีน แม่คลื่นไส้อาเจียน เราก็ต้องลดยา ซึ่งระดับการรับรู้ความปวดของแม่ก็ยังอยู่ เพราะมอร์ฟีนก็เป็นยาที่ค่อนข้างแรงมาก คือถ้าได้รับยาตัวนี้ มันก็จะเบาท่านก็จะไม่ค่อยปวด แต่พอท่านแพ้ปุ๊บ ท่านก็จะต้องทนกับความปวดหลายวัน”
"ตอนนี้ยังอยู่รพ. แต่ตอนนี้ออกมาอยู่ห้องปกติได้แล้ว ท่านอยู่ไอซียู 8 วัน และเหมือนโบว์มีความเชื่อด้วยแหละว่า ถ้าอยู่ไอซียูมันเจอแต่คนในเคสหนักๆ ทั้งนั้น ซึ่งแม่เราก็รับรู้ได้ว่าแต่ละคนที่เข้ามาคือบรรรยากาศมันแย่มาก ขนาดเราเข้าไปเรายังโอ้ย แล้วคนที่อยู่ตรงนั้นตลอดเขาจะขนาดไหน เพราะฉะนั้นโบว์ก็บอกแม่ว่ารีบๆ ดีขึ้น จะได้ย้าย จะได้มานอนเฝ้าได้"
"หลังจากนั้นแป๊บเดียวก็เหมือนเขาสู้ หลังจากนั้นก็ย้ายออกมา คือเราก็ถามหมอด้วยแหละว่าย้ายมาห้องปกติในช่วงที่อาการเขาทรงแล้วได้ไหม เผื่อเราไปเฝ้า ถ้าท่านหันหน้ามาแล้วเจอลูกหลานก็จะได้มีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งก็ดีขึ้น แต่อย่างที่บอกอาการมันขึ้นลงทุกวันก็ต้องดูต่อไป ตอนนี้ท่านก็ต้องมีคนเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง"