“ผู้จัดการนางเอก” แจงไทม์ไลน์ “ย้ายช่อง” ป้อง “ตูน พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์” เนรคุณช่อง 7 ยันไปมาลาไหว้ ไม่ได้ฉีกสัญญาตามข่าวลือ เผยถ่ายภาพฟิตติ้งละครช่อง 3 “เกมล่าทรชน” หลังหมดสัญญาเมื่อสิ้นปี รับไม่ต่อสัญญาด้วยอายุและอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ย้ำไม่ยึดติดความเป็นนางเอก แค่อยากได้รับบทที่แตกต่าง
สะพัดกันไปทั่วเมื่อตัวโผล่หน้าจอช่อง 7 ในละครเรื่อง “วิมานมนตรา” ในบทบาทของเมียคนที่สองของท่านขุน แต่ไหงอยู่ดีๆ ก็ไปโผล่ฟิตติ้งของละครอีกช่องทางวิกพระรามสี่ งานนี้เล่นเอางงว่าสรุปแล้ว "ตูน พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์" ฉีกสัญญาแล้วย้ายช่องเลยหรือเปล่า งานนี้กลายเป็นดรามาระอุอยู่ไม่น้อย เพราะสาวตูนถูกแฟนคลับเข้าไปจวกเละในพื้นที่ส่วนตัว ร้อนถึงผู้จัดการส่วนตัวต้องออกมาขอเคลียร์ไทม์ไลน์การ "ย้ายช่อง" ครั้งนี้ว่าจริงๆ แล้วสัญญากับต้นสังกัดเดิมหมดตั้งแต่ปลายปี ส่วนภาพฟิตติ้งที่เห็นก็เพิ่งจะฟิตติ้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพร้อมเซ็นสัญญา 3 ปีกับต้นสังกัดใหม่ ป้องอีกฝ่ายเนรคุณ
“มันเป็นจังหวะที่พอดีกันโดยบังเอิญ เพราะหมดสัญญาตอนเดือนธันวาคมพอดี เราไปแบบหมดสัญญานะ คือก่อนหน้านี้เราเซ็นสัญญาที่ช่อง 7 เป็นเวลา 5 ปี และตลอด 5 ปีที่ผ่านมาทางช่องก็ป้อนงานมาให้ตลอด แต่หลายคนอาจจะยังจำน้องไม่ได้ เพราะละครส่วนมากที่ได้จะเป็นละครบู๊ มีทั้งเล่นกับพี่ซี ศิวัฒน์, นิว วงศ์กร, แบงค์ อาทิตย์ หรือมหาหินที่เรตติ้งอันดับหนึ่ง แต่อย่างที่บอกมันเป็นละครบู๊ คนอาจจะจำแต่พระเอก และอย่างเรื่องล่าสุดวิมานมนตราที่ออนแอร์อยู่ตอนนี้ คือถ่ายทำเสร็จตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว และเราเองก็ไม่รู้ว่าจะมีคิวออนแอร์เมื่อไหร่ พอสัญญาใกล้หมด เราก็เริ่มไปคุยกับทางช่อง 3 และผู้ใหญ่สนใจในตัวน้องและบอกว่ามีโปรเจกต์หนึ่งอยากให้ลองไปแคส ละครของพี่นก ฉัตรชัย เราก็ไปแคสปกติ สรุปพี่นกสนใจในตัวน้อง และทางช่องก็แจ้งมาว่าโปรเจกต์นี้ค่อนข้างเร่งนิดนึง ก็เลยต้องรีบฟิตติ้ง”
“เหตุผลที่ไม่ต่อสัญญาเพราะด้วยอายุของน้องค่อนข้างเยอะ จริงๆ น้องรุ่นเดียวกับมีน พีชญาและกรีน อัษฏาพร แต่โชคดีที่น้องหน้าเด็ก น้องก็เลยอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ตอนแรกที่หมดสัญญา เราก็อยากจะอิสระแต่เราก็อยากจะมีสังกัดอะไรที่มันแน่นอน ให้มันมั่นคงดีกว่า เพราะก็คิดว่าถ้าไปทางช่องเขาก็มีนางเอกสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่พอดีผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา เราก็โอเค”
ยอมรับว่าคนดูอาจจะงง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เนรคุณ ไม่ได้ฉีกสัญญา ย้ำไปมาลาไหว้
“ถามน้องว่าไงกับการที่คนงงๆ ว่าละครออนช่อง 7 อยู่แต่ไปโผล่ฟิตติ้งอีกช่อง คือตอนที่เราไปคุยกับช่อง 3 เราคุยเงียบมากเพราะอะไรๆ มันไม่แน่นอน และพอเราตกลงกับช่อง 3 เรียบร้อยแล้ว ช่อง 7 ก็แจ้งมาว่าละครจะออนแอร์แล้วนะ เราจึงแจ้งทางช่อง 3 ไปว่าเรามีละครค้างเรื่องหนึ่งกับทางช่องเดิมอยู่นะ ต้องมีการไปรโมต ทางผู้ใหญ่ก็รับทราบ เราก็ไปทำหน้าที่โปรโมตละครวิมานมนตราอยู่เรื่อยๆ เราก็รับมอบหมายงานให้เสร็จจนละครอวสาน และเราก็ได้กราบลาแจ้งทางผู้ใหญ่ทางช่อง 7 แล้ว ซึ่งท่านก็รับทราบ ซึ่งเราก็ไม่ได้ฉีก หลายคนอาจจะคิดว่าเราฉีก ยืนยันตรงนี้ว่าไม่ได้ฉีก สัญญาเราหมดตั้งแต่ธันวาคมแล้ว และเรามาเริ่มรับงานเดือนมกราคม"
"(แต่คนอาจจะมองว่าผิดใจกันหรือเปล่า ?) ไม่มีนะ พอเราโตในระดับนึง เราก็อยากจะหาประสบการณ์ใหม่ ต้องขอบคุณช่อง 7 ที่ให้โอกาสน้องตลอดมาไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ไหนๆ ก็เรียกตลอด แต่ถ้าอายุเรายังน้อยอยู่เราก็ยังต่อสัญญาอยู่นะ แต่พออายุเยอะแล้ว บวกกับอายุในวงการบันเทิงจะเหลืออีกสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าลองออกไปหาอะไรใหม่ๆ เพิ่มเติมดีกว่า แต่ก็ไม่วายมีคนเมาท์อีกว่าหนีละครบู๊ช่องนี้ไปช่องโน้นก็เจอละครบู๊อีก คือเรามองที่บทบาทมาก และละครเรื่องนี้มันเป็นรีเมกของพระจันทร์ลายพยัคฆ์ บทที่เราได้รับคือบทที่พี่ยุ้ย จีรนันท์เคยรับมาก่อน ซึ่งมั่นใจว่าหลายคนไม่เคยเห็นตูนเล่นดรามาแบบนี้มาก่อนแน่ๆ มันเป็นละครเทาๆ ที่ตัวละครกำลังจะเข้าสู่ด้านมืดๆ ซึ่งจะได้เห็นตูนในมุมมองใหม่ๆ รวมไปถึงจะองค์ประกอบของนักแสดงที่แข็งแรงมาก ถึงแม้มันจะเป็นบู๊แต่เป็นแอ็กชั่นดรามา”
เซ็น 3 ปีไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอก ขอความหลากหลายในบทบาท พร้อมยอมรับกระแสวิมานมนตรากำลังมา แต่โอกาสก็มักจะมาไม่พร้อมกันเสมอ
“ในส่วนของสัญญาของช่อง 3 เซ็นไป 3 ปี แต่ไม่ได้ระบุว่าปีหนึ่งต้องเล่นกี่เรื่อง ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะป้อนงานให้ เขาก็จะดูบทที่เหมาะสมกับเราให้ ซึ่งเราก็เป็นไปตามสเต็ปเลย เพราะเราก็คุยกับน้องตลอดว่า เราเองก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องเป็นนางเอกเท่านั้น แต่อยากได้บทที่ดี บทที่มีอะไรให้น่าค้นหา ท้าทายความสามารถของตัวเอง และน้องเองก็มีแพชชั่นว่าเราเป็นนักแสดง และเราไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเราเล่นได้บทเดียว อยากให้คนเห็นว่าเราเล่นดรามาได้ คอมเมดี้ได้ เราเลยต้องการความหลากหลายมากขึ้น”
“บางคนก็เสียดายเพราะละครวิมานมนตรากำลังมา แต่เราก็เข้าใจเพราะโอกาสมันมาไม่พร้อมกัน แต่มันเป็นช่วงที่เราตัดสินใจนานมาก ช่องเรียกเราต่อสัญญาตั้งแต่เดือน 7-8 แล้ว แต่เราก็ขอเวลาในการตัดสินใจว่าจะเอายังไง ซึ่งการที่เรายังไม่ตัดสินใจตอนนั้น เราก็หลุดละครไปหลายเรื่องเช่นกัน เราเข้าใจช่องนะ เพราะถ้าเรายังไม่ชัดเจนกับเขา เขาก็ไม่กล้าส่งอะไรมาให้เราเล่น เราก็พร้อมน้อมรับ ตอนนั้นมันเหมือนเราเป็นพนักงานประจำและกำลังจะไปเป็นฟรีแลนซ์ แต่พอคำนวณแล้วเราก็ขอลองดูสักตั้งแล้วกัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง”
