xs
xsm
sm
md
lg

“เรยา” ช่อง 8 เดิมพันอนาคตนางเอกของ “พลอย-เฌอมาลย์”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เรยา”
เจ้าของวลีเด็ด “ฟ้ารักพ่อ” ตัวละครเอกจากนวนิยายเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ซึ่งเป็นภาคต่อของ “มงกุฎดอกส้ม” คือผลงานละครมาสเตอร์พีซในชีวิตการแสดงของ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ที่พลิกชีวิตจากนักแสดงรองบ่อนจากวิกหมอชิต ข้ามฟากมาเป็นนางเอกหัวแถวของวิก 3 ได้อย่างสง่างาม


ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ด้วยเนื้อหาของเรื่องที่ล่อแหลม และส่อไปทางผิดศีลธรรมจรรยาอย่างรุนแรงในยุคนั้น กระทั่งถูกเปลี่ยนการจัดเรตจาก น.13+ เป็นเรต น.18+ แต่ก็กลับทำให้นางเอกของเรื่องมีชื่อเสียงจะพุ่งทะยาน รวมทั้งยังกวาดรางวัลทางการแสดงมาจนนับไม่ถ้วนจากละครเรื่องนี้

ชมพู่กลายเป็นโมเดลใหม่ของนางเอกที่หนีตายจากช่องเก่า และมาโด่งดังข้ามช่องในระยะเวลาอันรวดเร็ว และกลายเป็นต้นแบบของนักแสดงระดับพระเอก นางเอกอีกหลายต่อหลายคนในระยะหลัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเจอ แจ็คพอตเหมือนอย่างชมพู่ เพราะที่ล้มเหลวจากการย้ายช่องก็มีไม่น้อย

จากปี 2554 มาจนปี 2562 ชื่อ “เรยา” ถูกนำกลับมาถึงอีกครั้ง ในฐานะละครภาคต่อจาก “ดอกส้มสีทอง” เพียงแต่ไม่ได้ผลิตในนามช่อง 3 และนางเอกไม่ใช่ชมพู่

โดย “เรยา” เป็นละครเรื่องใหม่ของช่อง 8 และผู้ที่จะมารับบทเดิมที่ชมพู่เคยฝากฝีมือไว้อย่างลือลั่น ก็คือ “พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์”


พลอยเอง ก็เคยเป็นนางเอกชั้นหัวแถวของช่อง 3 ที่อยู่ในระดับเดียวกับชมพู่ , เจนี่ เทียนฯ เพียงแต่เมื่อหมดสัญญาก็เลือกที่จะผันตัวเองออกมาเป็นนักแสดงอิสระ ในช่วงจังหวะที่ทีวีดิจิทัลผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และมีหลายช่องที่ลงสนามแข่งเพื่อช่วงชิงพื้นที่ของตลาดละคร ทำให้นักแสดงมีช่องทางในการรับงานที่หลากหลายมากขึ้น ต่างจากยุคก่อนที่แข่งกันแค่เพียงช่อง 7 กับช่อง 3 แต่บางกระแสก็ว่า เป็นช่อง 3 ต่างหากที่เลือกจะไม่ต่อสัญญา ด้วยเหตุผลที่พลอยมีวาทกรรมที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนตามสไตล์ จนทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักไม่พอใจ ถึงขนาดประกาศแบนการนำเสนอข่าว

พลอย อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนชมพู่ ที่เมื่อออกจากสังกัดเก่าแล้วจะยิ่งรุ่งโรจน์กว่าเดิม เพราะลองไล่เรียงผลงานนับจากที่หมดสัญญาจากช่อง 3 แล้ว ก็ยังไม่มีละครเรื่องไหนที่จะพีกสุดๆ เหมือนกับที่มี “ระบำดวงดาว” กับ “สามีตีตรา” ของช่อง 3 เป็นผลงานชิ้นโบแดง

ถ้านับเฉพาะละครยาว จากปี 2560 จนถึงวันนี้ ก็มีเพียง “ความรักครั้งสุดท้าย” กับ “แรงเทียน” ทางช่อง Gmm 25 แค่ 2 เรื่องเท่านั้น จะมีก็เพียงข่าวลือว่าจะมีละครช่อง 7 กับ “อั้ม-พัชราภา” ถึงขนาดปฏิเสธละคร “บางกอกนฤมิตร” ของช่องวัน 31 จนช่องต้องเปลี่ยนนางเอกมาเป็น “ปู-ไปรยา” แต่สุดท้ายข่าวที่พลอยจะไปเจิดจรัสที่วิกหมอชิตก็เงียบไป

“เรยา” จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ครั้งสำคัญในชีวิตการแสดงของพลอย ว่าจะยังคงรักษาชื่อชั้นความเป็นนางเอกระดับแถวหน้าของวงการได้หรือไม่ ? อย่างไร ?

โดยเฉพาะการรับบทเดียวกับที่เคยส่งให้ชมพู่เจิดจรัสมาจนถึงทุกวันนี้ !!! ซึ่งต้องถือว่าเป็นดาบสองคม คือทำดี ก็อาจจะได้แค่เสมอตัว แต่ถ้าพลาด ก็อาจจะต้องมาว่ากันอีกที ทว่าถ้าวัดกันด้วยฝีไม้ลายมือแล้ว พลอยก็ไมได้ยิ่งหย่อนไปกว่าชมพู่เลยแม้แต่น้อย

ส่วนตัวแล้วไม่ได้ติดขัดเรื่องที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าพลอยรับแต่บทซ้ำๆ เดิมๆ คือดรามาหนักๆ เพราะเอาจริงๆ นักแสดงที่ดีต่อให้ต้องสามารถรับบทที่หลากหลาย และไม่จำเจได้ แต่ก็ต้องมีลายเซ็นของตัวเองที่ชัดเจน ถ้าเลือกจะมาสายดรามา ก็ดรามาไปเลยให้สุดทาง เหมือนนางเอกดาวค้างฟ้าอย่าง “สินจัย เปล่งพานิช” ที่ก็ยืนหนึ่งในฐานะเจ้าแม่ดรามาของวงการ ที่ขยี้บทหนักๆ มานับเรื่องไม่ถ้วน ถามว่าสินจัยเคยเล่นบทเบาๆ ขำๆ บ้างมั้ย ? คำตอบก็คือเคย เพียงแต่ก็ไม่ถูกจดจำอยู่ดี


ฉะนั้นจึงไม่ใคร่จะเห็นด้วยที่พลอยประกาศผ่านข้อความว่าจะทิ้งทวนบทดรามาหนักๆ ไว้ที่ละคร “เรยา” กับ “เพลิงนาง” ทางช่องอมรินทร์ทีวีเป็น 2 เรื่องสุดท้าย เพราะยังมองไม่เห็นปลายทางเลยว่า ถ้าพลอยไม่มาทางดรามา แล้วจะไปทางไหนที่จะส่งและเสริมศักยภาพในฐานะนางเอกของตัวเองให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น

ทว่าประเด็นที่เป็นห่วงสถานะนางเอกของพลอย ก็คือจุดยืนของการรับงาน ที่นอกจากจะต้องพิจารณาในเรื่องของบท เรื่องของทีมงานแล้ว ยังจะต้องหมายรวมถึงเรื่องช่องที่ละครจะต้องออกอากาศเป็นสำคัญด้วย

การหยิบละครที่มีกระแสตั้งแต่แรกอย่าง “เรยา” มาสร้าง รวมถึงได้นักแสดงเบอร์ใหญ่อย่างพลอยมาร่วมงาน ถือเป็นผลดีสำหรับ “เล็กน้อย-ณณิญา (อรัญญา) พรหมเงิน” อดีตมือขวาคนสนิทของ “หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธ์” ที่ตัดสินใจหักดิบก้าวออกจากบรอดคาซท์ เพื่อมารั้งตำแหน่งผู้อำนวยการสายงานละครให้กับช่อง 8 ที่จะต้องเร่งสร้างผลงานให้เข้าตาผู้บริหารใหญ่ของช่องอย่าง “เฮียฮ้อ - สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” โดยเร็วที่สุด


แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ผลดีสำหรับพลอย !!!

แม้ว่าด้วยสถานะแล้ว ช่อง 8 ก็คือทีวีดิจิทัลที่มีศักดิ์ และศรีเทียบเท่ากับช่อง Gmm25 ที่พลอยเคยแสดงไว้ 2 เรื่องดังที่กล่าวมาแล้ว แถมถ้าวัดจากอันดับความนิยม ยังถือว่าเหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่อาจจะด้วยภาพลักษณ์ของช่อง ที่ไม่น่าจะใช่กลุ่มเป้าหมายของแฟนละครที่จะติดตามผลงานการแสดงของพลอย ก็ไม่แปลกหากหลายคนจะมองว่าความเป็นนางเอกของพลอยถูกลดชั้นลงไปทันที

เผลอๆ อาจจะไม่ได้เป็นแค่ละครล็อตสุดท้ายที่ทิ้งทวนบทดรามา แต่เกรงว่าจะกลายเป็นการทิ้งทวนบทบาทการเป็นนางเอกของพลอยไปเลยจริงๆ

นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 7-13 ธันวาคม 2562
กำลังโหลดความคิดเห็น