“หนิง ปณิตา” ควงผัว กระเตงลูก หอบกระเช้ากราบขอขมาตำรวจ รับเสียใจสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำตาแตกถูกคอมเมนต์ด่า ไม่เอาเรื่องถูกตัดต่อภาพโป๊เชิญชวนให้มารุมโทรม พร้อมช่วยงานจราจร ตร. ขอที่ยืนในสังคม ด้านตร.เปิดใจให้อภัย แต่หากพบกระทำผิดจริง ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.00 น. นักแสดงสาวชื่อดัง “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” และสามี “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” พร้อมลูกสาว “น้องณิริน” เดินทางถึงบริเวณ สน.วิภาวดี พร้อมรถหรูมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ V8 2011 ทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร ที่ตกเป็นข่าว โดยวันนี้เจ้าตัวได้นำป้ายทะเบียนออก พร้อมกับเตรียมนำรถคันดังกล่าวไปตรวจสอบความถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องการนำเข้า และเรื่องเลขทะเบียนหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น
หลังจากที่นักแสดงสาวพร้อมครอบครัวได้เดินทางมาถึง สน. ได้ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 3 เพื่อมอบกระเช้าขอโทษตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่งานศูนย์ควบคุมจจราจรวิภาวดี-รังสิต ตำรวจที่เป็นคนเขียนใบสั่งให้หนิง ร่วมแถลงข่าวด้วย โดยนักแสดงสาวยกมือขอโทษจากใจจริงกับสิ่งที่ตัวเองโพสต์ไป จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและกลายเป็นกระแสตีกลับมาถึงตัวในด้านลบ พร้อมขอโอกาสอีกครั้งที่ทำให้แฟนๆ ละครผิดหวังในตัวของตนเอง เจ้าตัวก็ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ทั้งให้กำลังใจและตักเตือน แต่ก็มีเสียน้ำตาให้กับคอมเมนต์ในแง่ลบ พร้อมไม่ติดใจเอาความกับคนที่นำภาพตนเองไปตัดต่อเป็นรูปโป๊พร้อมข้อความเชิญชวนให้มารุมโทรม
ทั้งนี้ เจ้าตัวยังเผยอีกว่าเหตุผลที่นานๆ ทีขับรถเองเพราะเคยประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำจนทำให้เกิดอาการเกร็งทุกครั้งที่ขับรถ แต่ยอมรับว่าทั้งหมดเกิดจากความประมาทและใจร้อนในการโพสต์ของตนเอง หลังจากนี้จะขอโอกาสให้มีพื้นที่ยืนในสังคม หากมีสิ่งใดที่ตนจะสามารถช่วยงานจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตนก็ยินดี
“เรื่องที่เกิดขึ้นหนิงก็ต้องขอโทษคุณตำรวจด้วย (ยกมือไหว้) อันนี้ต้องขอโทษจากใจจริงๆ ซึ่งหนิงได้พูดในรายการไปแล้วว่าบางทีหนิงก็คิดเร็วทำเร็วไปในสถานการณ์ตอนนั้น ก็เป็นผลกระทบที่ทำให้หนิงรู้สึกว่ามันก็เป็นบทเรียนนึงนะคะ อันนี้ต้องขอโทษจากใจจริงๆ ต้องบอกว่าไม่ได้ละเลยที่จะเข้ามาพบ แต่หนิงออกกองอยู่ ก็เลยให้คุณจินเข้ามาพบก่อนและทำการนัดว่าวันนี้จะเข้ามา”
“คือบางคนบอกว่าทำไมหนิงไม่ขอโทษ อันดับแรกหนิงขอโทษผ่านทางรายการไปแล้ว และวันนี้ก็รีบเข้ามาขอโทษ หนิงก็ต้องขอโทษด้วยมากๆ เลยค่ะ (ยกมือไหว้ตำรวจ) และสำหรับใครที่ผิดหวังในตัวหนิงนะคะ หนิงก็พยายามตอบไดเร็กที่มีเข้ามาก็ได้ขอโทษแฟนคลับหลายๆ คนไปแล้ว วันนี้ก็ถือโอกาสขอโทษอีกรอบนึงกับแฟนคลับด้วยที่ทำให้ผิดหวังในตัวหนิง ซึ่งผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าไม่เป็นไร แนะนำว่าเราผิดเราก็ปรับปรุงและแก้ไข ซึ่งตัวหนิงเองก็จะพยายามแก้ไขเรื่องความใจร้อนให้มันดีที่สุดก็เพื่อตัวหนิงเอง และคนที่ติดตามที่ชื่นชอบเขาก็จะได้ไม่ผิดหวังด้วย อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ (ยกมือไหว้) โดยเฉพาะพี่ตำรวจด้วย (ยกมือไหว้ตำรวจที่เกิดเหตุ) ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะคะ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจกับการปฎิบัติหน้าที่ค่ะ”
รับเครียด แต่ขอบคุณให้โอกาสแก้ตัว พ้อถูกด่าถึงบุพการี ไม่ได้ฆ่าใครตาย เกินไปตัดต่อรูปโป๊เชิญชวนคนมารุมโทรม
"ถามว่าเครียดไหมก็มีเครียด ไม่ได้ปฎิเสธ แต่หนิงก็จะเลือกอ่านคอมเมนต์ที่ดีๆ หรือแม้กระทั่งคอมเมนต์ด่าที่ด่ากันดีๆ ไม่ได้ด่ากันเสียๆ หายๆ หนิงก็จะไดเร็กตอบกลับไปว่าขอโทษที่ทำให้ผิดหวังในตัวหนิง และขอบคุณที่ชี้แจงกันด้วยมารยาทที่ดีๆ ไม่ใช่เกรียน และขอบคุณที่ยังให้โอกาสหนิงได้แก้ตัว เมื่อวานหนิงใช้เวลาหลังจากเสร็จงานก็นั่งตอบทั้งวันจนเช้าก็ยังนั่งตอบอยู่ แต่คนที่เข้ามาด่าถึงพ่อถึงแม่ ถึงบุพการีเรา ใช้คำที่มันแย่มากๆ หนิงก็จะลบไป เพราะหนิงไม่ได้ไปฆ่าคนตาย หนิงไม่ได้ไปมีปัญหาติดยาเสพติด หนิงผิดก็ยอมรับว่าผิด เขาก็ยังไม่ให้โอกาสหนิง ซึ่งคำพูดมันหยาบซะจนตอนนี้ในทวิตเตอร์ลามปามไปถึงตัดต่อรูปโป๊หนิง แล้วเรียกให้คนมารุมโทรมหนิง หนิงก็รู้สึกว่ามันเกินไป แต่หนิงก็จะเอากำลังใจดีๆ กับคำคอมเมนต์ที่ดีๆ หนิงก็จะตอบกลับว่าขอบคุณมากๆ"
ตั้งใจลบโพสต์เจ้าปัญหาอยู่แล้ว เพื่อให้เกียรติตำรวจ
"ส่วนเรื่องลบภาพนี่หนิงตั้งใจจะลบอยู่แล้วค่ะ คือตอนที่หนิงไม่ลบภาพก็มีคนด่าว่าทำไมไม่ลบ พอลบก็ด่าอีกว่าไม่เจ๋งจริง ซึ่งหนิงมีความตั้งใจจะลบอยู่แล้ว ถึงแม้มันจะถูกแชร์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ลบก็คือการให้เกียรติคุณตำรวจเขาในส่วนของหนิง ก็มีคนบอกว่าทำไมไม่เขียนลงไอจีเพื่อขอโทษคุณตำรวจ หนิงก็มีเหตุผลของหนิงว่ามันไม่มีความสำคัญเท่ากับความตั้งใจที่วันนี้หนิงจะมาพบคุณตำรวจ"
"หลังจากนี้ก็ต้องไตร่ตรองก่อนจะลงอะไรเลยค่ะ ครั้งนี้คือบทเรียนที่ดี แต่หนิงก็อยากจะขอโอกาสว่าหนิงทำผิดไปแล้ว ก็ให้โอกาสหนิงได้แก้ไข และอยากจะบอกกับคุณตำรวจว่าถ้ามีโอกาสให้หนิงได้ช่วยเหลือเรื่องการจราจรใดๆ หนิงก็ยินดีมากๆ ขอแค่บอกมาค่ะ"
ด้าน “จิน จรินทร์” สามีของนักแสดงสาวได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ตนเองเป็นเจ้าของลำดับที่ 4 ตามเล่มทะเบียน ได้ซื้อในนามของบริษัทฯ ต่อจากพี่ที่สนิทซึ่งเชื่อถือมานาน และขณะนี้ก็กำลังรอเลขทะเบียนจากกรมขนส่งตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไป มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
"รถคันนี้ไม่ได้ซื้อใหม่มา ผมไม่ทราบว่าผมเป็นเจ้าของคนที่สามหรือสอง เข้าใจว่าสามหรือสี่ด้วยซ้ำ ซื้อมาประมาณปีกว่าแล้ว ซึ่งรถคันนี้ใช้ทะเบียน กท.191 ก่อนที่ผมจะได้รับรถมา ซึ่งเจ้าของเก่าเขาใช้อยู่ พอใช้มาได้ประมาณ 6 เดือนเจ้าของเก่าเขามาขอทะเบียนคืน เพราะเรามีสัญญากันก่อนว่าเราไม่เอาทะเบียนเขา เราก็เอาทะเบียนโอนให้เขาไป แล้วเขาก็คงเอาไปใส่รถบีเอ็ม ซีรีส์ 7 ตามข่าว แล้วผมก็ได้ทะเบียนมา แต่ผมดันทำป้ายหาย แล้วก็ไม่ไ่ด้ดึงป้ายออกมาเพราะรถไม่ค่อยได้ใช้ ป้ายภาษ๊ก็แปะใหม่แล้ว เจอแล้ว วันนี้ก็เลยดึงป้ายออกหมดเลย แล้วก็ไปแจ้งความว่าป้ายทะเบียน 8 กฎ 3940 ได้สูญหายไป เดี๋ยวก็จะได้ไปขอป้ายทะเบียนใหม่ให้"
"ถามว่าทราบประวัติรถคันนี้ไหม ในเล่มทะเบียนก็มีหมดนะครับ ผมก็เลยเข้าใจว่าผมน่าจะเป็นมือที่สี่ด้วยซ้ำ แต่ผมก็เช็กประวัติเบื้องต้นก่อนแล้วครับ ก็ไม่มีอะไร เพราะจากโชว์รูมที่เราไปซื้อก็สนิทกัน และเขาก็จะคัดเลือกรถ ถ้ารถที่มีปัญหาเขาจะไม่รับมาเลย ถ้าบอกว่าผมเจตนาจะใช้เลขนี้เพราะเลขสวย แต่เลขที่ได้มันไม่สวย อันนั้นไม่ใช่เลยครับ เลขที่ผมรออยู่ก็สวย แต่ด้วยความที่ว่าผมเอาเอกสารไปที่ขนส่ง และได้รับทราบมาว่าเอกสารเราไม่ครบ คือเอกสารจากบริษัทลิซซิ่งมันขาดชุดโอนไป เราก็เลยเร่งทำเรื่อง เอกสารก็ต้องมาที่ออฟฟิศปั๊มตรายางแล้วต้องกลับไปลิซซิ่ง แล้วเอาเล่มคืนเขา เอาเล่มออกมาใหม่อีก ก็เลยยังไม่ได้ทำสักที (หัวเราะ)"
"ปกติแล้วรถที่บ้านแทบจะไม่มีสลับทะเบียนเลยครับ มีเลขไหนอยู่ก็เลขนั้นเลย เพราะว่ามันวุ่นวาย แต่ด้วยอันนี้เราต้องคืนเจ้าของเก่า พอเลขใหม่เราได้เลขเดิมที่เรามีไว้แล้ว แต่เอกสารมันไม่ครบจริงๆ ถามว่ากังวลใจเรื่องอะไรไหมไม่มีเลยครับ เรามั่นใจว่ารถเราไม่ได้มีอะไร ถ้ามีเราก็คงจะโอนไม่ได้ มันต้องมีปัญหามาก่อนถึงเราแล้ว"
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นบทเรียนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกันที่จะนำมาปรับปรุงวิธีการทำงานและการบังคับใช้กฎหมายกับประชาชน พร้อมให้อภัยหนิง
“คุณหนิงและคุณจินตลอดจนพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ผมเองในนามของข้าราชการตำรวจสายงานจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ขอรับคำขอโทษจากคุณหนิงด้วยความเต็มใจ และเข้าใจสำหรับความรู้สึกของคุณหนิงเองที่มีต่อตำรวจจราจรในวันนี้เป็นอย่างดี คงต้องเรียนว่าในส่วนของตำรวจจราจรเราเอง โดยปกติในการทำงานนั้น ในการบังคับใช้กฎหมาย เรามีความคุ้นเคยในการใช้กฎหมายและความรู้สึกส่วนตัว ผมมั่นใจว่าวันนี้ข้าราชการตำรวจของงานจราจรทุกคนมีความยินดีและพร้อมให้อภัยคุณหนิง ไม่เคยที่จะถือโทษในเรื่องส่วนตัว"
"บทเรียนในครั้งนี้เราเองในส่วนของตำรวจอาจจะนำมาปรับปรุงวิธีการทำงาน โดยเน้นเรื่องของการอธิบาย การชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจได้มากขึ้น ตลอดจนพฤติกรรม กิริยาอะไรต่างๆ ที่อาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เราก็จะได้มาทำการปรับปรุงการการทำงานของตำรวจให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดเราก็อยากจะเรียนกับคุณหนิงว่าหน้าที่ของตำรวจเราเอง เราต้องถือว่าเป็นต้นทางในการบังคับใช้กฎหมายของสังคม เพราะฉะนั้นตำรวจเราเองการบังคับใช้กฎหมาย เราจะแยกแยะระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับความรู้สึกส่วนตัว ฉะนั้นการบังคับใช้กฎหมายเราจะไม่อิงเข้ากับความรัก ความรักเกลียด ความชอบหรือความโกรธส่วนตัว ถือว่าเป็นหลักในการทำงานของตำรวจ"
เสียใจและเป็นห่วง แต่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม หากพบกระทำผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
"วันนี้ก็อยากจะให้คุณหนิงเข้าใจว่า การที่ต้องดำเนินการกฎหมายทุกอย่างในทุกเรื่องสำหรับคุณหนิงนั้น เราต้องเรียนคุณหนิงจริงๆ ตามตรงว่าเราไม่ได้รู้สึกดีใจเลย เรากลับเสียใจและเป็นห่วงด้วยซ้ำ แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่เราจะต้องดำเนินการในเรื่องของกฎหมาย ก็ขอให้คุณหนิงและคุณจินได้เข้าใจว่าเราปฎิบัติให้เป็นในเรื่องของกฎหมาย แต่ความรู้สึกส่วนตัวคือเราเป็นห่วงและเข้าใจ เพราะทั้งนี้ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน แท้กระทั่งตำรวจเองถ้าทำผิดก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าทุกคนอยู่เหนือกฎหมายสังคมก็จะอยู่ไม่ได้ ก็เลยจะขอให้คุณหนิงและคุณจินได้เข้าใจการดำเนินการต่างๆ ทางกฎหมายครับ"
"เรื่องยี่ห้อของรถก็อาจจะเป็นยี่ห้อที่ตำรวจไม่ค่อยคุ้นเคย เวลาที่จะต้องเขียนในใบสั่ง เขาก็เลยต้องดูหน่อย ตรงนี้ก็อาจจะต้องชี้แจงต่อประชาชนว่าต้องขออภัย เพราะอาจจะเป็นรถที่่เราไม่ค่อยคุ้นเคย ก็อาจจะต้องขออนุญาตเดินดูยี่ห้อรถหน่อย (ยิ้ม)"
"ณ วันนี้เราก็ต้องตรวจสอบในเรื่องของรถ ซึ่งคุณหนิง คุณจินก็ยินดีนำรถมาให้ตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเข้าถูกต้องไหม การจดทะเบียนถูกต้องไหม มีการปลอมแปลงอะไรหรือเปล่า ก็จะมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะมีกองบังคับการตำรวจจราจร กองพิสูจน์หลักฐาน กรมศุลกากร กรมการขนส่ง ก็จะต้องร่วมกันตรวจ ซึ่งทางคุณหนิงและคุณจินก็ยินดีที่จะให้เราตรวจสอบ ถ้าไม่พบการกระทำความผิด เราก็ไม่ดำเนินคดีอะไร ถ้าพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี อันนี้คุณหนิงและคุณจินก็คงเข้าใจ"
