xs
xsm
sm
md
lg

หนัง “แพง” ที่สุดในเอเซีย

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี


ว่ากันว่าหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับน้ำ จะเป็นงานที่มีโอกาสงบบานปลายมากที่สุด เมื่อหลายปีก่อนหนังโลกอนาคตล่มสลายอย่าง Waterworld ก็เคยสร้างสถิติทุนสร้างสูงเป็นประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูดมาแล้วเหมือนกัน ด้วยทุนสร้างสูงถึง 175 ล้านเหรียญฯ แต่พอฉายจริงกลับทำรายได้ไปแค่ 260 ล้านฯ ขาดทุนแบบเห็น ๆ

จนมาถึงปัจจุบันหนังที่ครองสถิติทุนสร้างสูงสุดตลอดกาลก็คือหนังโจรสลัด Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides ที่ไม่รู้ว่าไปทำอิท่าไหนเหมือนกัน ถึงผลาญงบไปมากถึง 379 ล้านเหรียญฯ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะค่าตัวของดารานำอย่าง จอห์นนี เดปป์ นั่นเอง

ปัจจุบันทุนสร้างหนังระดับ 200 – 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกแล้ว มีหนังหลาย ๆ เรื่องที่ใช้ทุนสร้างสูงระดับนี้
ในวงการหนังเอเซียของเราก็เพิ่งจะสร้างสถิติทุนสร้างทะลุ 100 ล้านเหรียญฯ ไปเมื่อปีก่อน ด้วยหนังแฟนตาซีของจีนแผ่นดินใหญ๋เรื่อง Asura ที่ทำเงินไปทั้งหมด 7 ล้านเหรียญฯ ขาดตัว จนเรียกว่าเจ๊งยับเยิน เพราะหนังคำวิจารณ์แย่มาก จนผู้สร้างอับอายไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหน ก็เลยตัดสินใจถอดออกจากโรงภาพยนตร์ไปเลย

โดยปัจจุบันหนังเอเซียที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดตลอดกาลก็คือ Monster Hunt 2 ที่ฉายเมื่อปีก่อนนั่นเอง

หนังเอเซียที่ใช้ทุนสร้างสูงรองลงมาก็คือหนังอินเดีย แถมยังไม่ใช่หนังบอลลีวูดด้วย แต่เป็นหนังภาษาทมิฬที่ชื่อว่า 2.0 ที่เป็นหนังไซไฟแฟนตาซีเทคนิคพิเศษตระการตาเรื่องนี้ต่างหาก โดยหนังใช้งบมากถึง 82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

ส่วนหนังบอลลีวูด หรือหนังภาษาฮินดีที่ใช้ทุนสร้างมาเป็นประวัติศาสตร์เป็นหนังใหม่เข้าหมาด อย่าง Saaho ที่ใช้งบประมาณมากไม่เบา เพราะหนังมีทุนสร้างมากระดับ 51 ล้านเหรียญ เหมือนกัน

สำหรับเกาหลีเจ้าของตำแหน่งหนังที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็คือ D-War หนังเกาหลีลูกครึ่งที่ถ้าดูแบบไม่รู้มูลอาจจะนึกว่าเป็นหนังฝรั่งก็ได้เพราะหนังพูดภาษาอังกฤษกันทั้งเรื่อง และนักแสดงนำแทบจะเป็นฝรั่งกันทุกคน แต่หนังเป็นหนังเกาหลีแท้ ๆ กำกับ และสร้างโดยคนเการหลีเอง ด้วยทุนสร้างสูงระดับ 32 ล้านเหรียญฯ

แต่ถ้าเป็นหนังเกาหลีร่วมทุนสร้างกับหลาย ๆ ประเทศอย่าง Snowpiercer ในการเนรมิตโลกที่ปกคลุมด้วยหิมะ ก็ใช้ทุนไปไม่น้อยเหมือนกันที่ 33 ล้านเหรียญฯ

หนังญี่ปุ่นก็ใช้ทุนสร้างสูงหลายเรื่องเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนอย่าง The Tale of The Princess Kaguya เรื่องนี้ที่ใช้ทุนไปถึง 49 ล้านเหรียญฯ อาจจะเพราะทีมงานของบริษัท Studio Ghibli จะสร้างงานด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่มีการจ้างเอาท์ซอส ต่างประเทศ งบการสร้างการ์ตูนของบริษัทก็เลยบานออกมาแบบนี้ทุกเรื่อง

การ์ตูนโดราเอมอนตอน Stand by Me Doraemon ก็ใช้ทุนสร้างไม่น้อยเหมือนกันถึง 35 ล้านเหรียญฯ ในการสร้างภาพของโดราเอมอน และเพื่อน ๆ ให้ออกมาเป็น 3D เป็นครั้งแรก

สำหรับฮ่องกงอาจจะมีหนังที่ใช้ทุนสร้างเยอะหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่รวมทุนกับชาติอื่นอีกหลาย ๆ ประเทศ
แต่ถ้าเป็นหนังฮ่องกงแท้ ๆ สร้างกันเองด้วยทุนของฮ่องกงเอง หนังที่ใช้ทุนมากที่สุดก็คือ Ip Man 3 ของ ดอนนี เยน ที่ใช้ทุนไปมากถึง 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รองลงมาก็คือ Legend of the Zu หนังแฟนตาซีของ ฉีเคอะ ที่หมดเงินกับการสร้างเทคนิคพิเศษไปมากถึง 34 ล้านเหรียญฯ แต่งานที่ออกมาต้องบอกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

สุดท้ายประเทศไต้หวัน ที่ส่วนใหญ่โด่งดังจากหนังเงียบ ๆ ช้า ๆ นิ่ง ๆ ใช้ทุนสร้างไม่ค่อยสูง แต่ไต้หวันก็เคยลงทุนมหาศาลกับการสร้างหนังฟอร์มใหญ่เหมือกนัน กับหนังอิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการต่อสู้ของคนพื้นเมืองไต้หวันกับผู้รุกรานจากต่างชาติ ในเรื่อง Warriors Of The Rainbow: Seediq Bale ที่ใช้ทุนสร้างถึง 25 ล้านเหรียญฯ ในการสร้างหนังออกมาเป็น 2 ภาค แต่สุดท้ายทำรายได้แค่ 27 ล้านเหรียญฯ ขาดทุนไปเต็ม ๆ หนังไต้หวัน ก็เลยดูจะเข็ดกับการสร้างหนังทุนสูงไปเลย

กำลังโหลดความคิดเห็น