xs
xsm
sm
md
lg

"โจ๊กเกอร์" : บทโหด คน(เล่น)หลอน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นกระแสที่ถูกกล่าวขานอย่างมากมายในเวลานี้เลยก็ว่าได้สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Joker” ที่ได้ “วาคีน ฟินิกส์” มารับบทนำ ที่ทำเอาพูดกันหนาหูว่ามีสิทธิ์ลุ้นคว้ารางวัลออสการ์ไปนอนกอดได้เลย ซึ่งดูจากตัวภาพยนตร์แล้วนับได้ว่า โจ๊กเกอร์ ภาคนี้ที่ตัวละครไม่มีผ้าคลุม ไม่มีพลังพิเศษ และไม่ได้ต่อสู้กันระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรม นับว่าเป็นเรื่องราวที่แตกต่างจากตัวละครนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนอย่างมากทีเดียว

โจ๊กเกอร์ ปรากฏตัวทางภาพยนตร์และโทรทัศน์มาตั้งแต่ปี 1966 และค่อยๆเปลี่ยนรูปแบบจากตัวตลกที่สร้างเสียงหัวเราะและเด็กๆต่างหลงรัก กลายเป็นตัวตลกที่มีด้านมืดน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆในภาพยนตร์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ โจ๊กเกอร์ มีมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงช่วงเวลานั้นๆในสังคม กับความเป็นจริงอันโหดร้ายที่ตัวละครต้องเผชิญ

ภาพยนตร์ Joker ที่ วาคีน ฟินิกซ์ นำแสดงเข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์ต่างๆทั่วโลก และนับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ตัวละครโจ๊กเกอร์เป็นตัวนำของเรื่อง ไม่ใช่ แบทแมน ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังที่เคยปรากฏตัวคู่กันในฐานะคู่ปรับมาโดยตลอด และเรื่องนี้ก็เพิ่งจะคว้ารางวัลใหญ่ในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส เมื่อเดือนที่แล้วด้วย

ตัวละคร โจ๊กเกอร์ ถูกค่ายหนังยักษ์ใหญ่ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส สร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อยุค 1980 ที่สร้างภาพของ โจ๊กเกอร์ ให้เป็นศัตรูตัวฉกาจของ แบทแมน ที่มีทั้งความโดดเดี่ยว, โดนรังแก, ประสาทหลอน เป็นไอ้ขี้แพ้จิตป่วยที่สร้างร้างแรงบันดาลใจโดยไม่ตั้งใจให้กับกลุ่มคนที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมและมีความขบถอยู่ในตัว โดยใช้จมูกแดงและหน้ากากตัวตลกมาอำพรางตัวตน

“โจ๊กเกอร์แบบใหม่มุ่งแต่การทำลายล้าง ไม่มีการผ่อนปรนใดๆ เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดที่มีให้ดูมากกว่าตอนที่ ฮีธ เลดเจอร์ แสดงใน The Dark Knight “ เดวิด โครว์ รองบรรณาธิการของเว็บไซต์ Den of Geek เผย

วาคีน ฟินิกส์ นักแสดงมากฝีมือวัย 44 ปี ที่สื่อหลายสำนักพากันฟันธงว่าเขาน่าจะมีโอกาสสูงคว้ารางวัลออสการ์ปีหน้า ซึ่งได้กล่าวถึงตัวละคร โจ๊กเกอร์ ที่เขาแสดงให้กับผู้สื่อข่าวในเทศกาลภาพยนตร์เวนิสฟังว่า การแสดงของเขาไม่ได้อิงกับตัวละครโจ๊กเกอร์ที่ผ่านๆมา แต่ตีความและถ่ายทอดในแบบฉบับของเขาเอง

การรับบท โจ๊กเกอร์ ครั้งนี้ ของ วาคีน ฟีนิกซ์ ถือว่ามาไกลจากบท โจ๊กเกอร์ ที่ ซีซาร์ โรมิโร รับบทนี้ครั้งแรกจากเรื่อง Batman สมัยปี 1966 ที่ออกฉายทางทีวีลงอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนั้น โจ๊กเกอร์ เป็นตัวละครตลกที่สร้างเสียหัวเราะกับทุกเพศทุกวัยมากกว่า แถม ซีซาร์ โรมิโร ตัดสินใจหัวเด็ดตีนขาดไม่ขอโกนหนวดทิ้ง เลยทำให้เขาเป็นโจ๊กเกอร์มีหนวด อาศัยทาเมคอัพหน้าขาวทับหนวดซึ่งทำให้เขาดูตลกมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ส่วนบท โจ๊กเกอร์ ที่ แจ็ก นิโคลสัน เคยเล่นเมื่อปี 1989 นับเป็นการเริ่มต้น โจ๊กเกอร์ ที่ใกล้เคียงกับในคอมมิกส์มากที่สุด มีความบ้าคลั่งและทำให้ผู้คนที่ติดภาพโจ๊กเกอร์แสนตลกของ ซีซาร์ โรมิโร ถึงขั้นช็อกกับความโหดร้ายของเขาที่มีทั้ง การฆ่าคนด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ การแทงคอคนด้วยปากกา การแสดงของเขาดูน่าหวาดกลัว และถูกป้อนให้มีความหลงตัวเอง หลงไปกับชื่อเสียง เงินทอง และแฟชั่น

แถมเขายังสามารถฆ่าคนที่ไร้ประโยชน์ด้วยผลิตภัณฑ์ความงามที่พวกเขาใช้ด้วย

การเข้าถึงคาแร็กเตอร์ได้อย่างดีของ แจ็ก นิโคลสัน เจ้าตัวบอกว่าแค่เข้าใจที่มาที่ไปและความวิกลจริตของตัวละคร ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้แล้ว

“เนื้อเรื่องบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกระโจนเข้าไปในขยะนิวเคลียร์แล้วออกมากลายเป็นอีกคน ใช่มั้ย? เพราะฉะนั้นผมเลยคิดเอาง่ายๆว่าผู้ชายคนนั้นก็เป็นแบบนั้นแหละ ถูกหล่อหลอมสร้างให้เกิดเป็นคนวิกลจริตขึ้นมาจริงๆ ผมชอบความคิดแบบนั้นนะ”

อย่างไรก็ตามการที่เขาพยายามเข้าถึงตัวละครมากเกินไป ก็ทำให้เขาต้องเข้ารับการบำบัดเพราะเครียดและฝันร้าย ซึ่งเขาก็เคยเตือน ฮีธ เลดเจอร์ นักแสดงผู้ล่วงลับที่รับบทโจ๊กเกอร์ด้วยเช่นกันว่า อย่าเข้าถึงบทมากเกินไปเพราะอันตรายจริงๆ

ทางด้าน ฮีธ เลดเจอร์ โจ๊กเกอร์ที่อยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกจาก Batman : The Dark Knight เพราะเจ้าตัวจากโลกนี้ไป หลังแสดงเป็นโจ๊กเกอร์ ทิ้งฝีมือด้านการแสดงจนได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครอง แต่ก็ไม่มีโอกาสอยู่รับรางวัลดังกล่าว และไม่ได้อยู่ชื่นชมผลงานที่เขาทุ่มเทแสดงด้วย

การทุ่มเทเพื่อบทบาท โจ๊กเกอร์ ของ ฮีธ เลดเจอร์ นั้นเขาถึงขั้นขังตัวเองไว้ในอพาร์ทเมนต์ นานนับเดือน, เปิดห้องพักในโรงแรมเพื่อฝึกทำเสียงหัวเราะ หรือท่าทางแปลกๆ เพื่อเข้าใกล้ความเป็นโจ๊กเกอร์ วายร้ายโรคจิตให้มากที่สุด

ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นถึงการจบชีวิตของ ฮีธ เลดเจอร์ ลือกันว่า เขาเข้าถึงตัวละครมากเกินไป และไม่สามารถออกจากตัวละครดังกล่าวได้ จึงต้องมีการใช้ยา ซึ่งเจ้าตัวกินยาเข้าไป 6 เม็ด ซึ่งมีทั้ง ยาแก้ปวด, ยานอนหลับ ยาแก้เครียด และหนึ่งในนั้น คือ ฮิลบิลลี เฮโรอีน ที่มีฤทธิ์ร้ายแรง โดย ฮิลบิลลี เฮโรอีน ก็คือตัวยา OxyContin ซึ่งเป็นหนึ่งในยาแก้ปวดที่บรรจุด้วยส่วนผสมของมอร์ฟีน ยาเสพติดที่ใช้ในทางการแพทย์เพื่อระงับอาการปวด ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในแวดวงฮอลลีวูด


จาเร็ด เลโท อีกหนึ่งโจ๊กเกอร์ที่ทุ่มเทกับบาทนี้ไม่ต่างจากนักแสดงคนอื่นๆ แต่เพราะความพิเรนท์ส่วนตัวของเขาก็ส่งผลให้เขาไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรจากทางผู้ใหญ่ โดยทาง วอเนอร์ บราเธอร์ส และ ผู้กำกับ Suicide Squad ได้ตัดบทของเขาออกไปค่อนข้างมาก ทั้งๆที่ โจ๊กเกอร์ ของ จาเร็ด เลโท เป็นตัวหลักที่ถูกใช้ในการโปรโมท Suicide Squad จนทำเอาผู้ชมพากันคาดหวังว่าเขาจะเป็นนักแสดงหลักในเรื่อง

โดยทางจาเร็ด เลโท เองก็พยายามเข้าถึงบทบาท ลงลึกในรายละเอียด ด้วยวิธีแปลกๆของตนเองทั้ง การอ่านหนังสือเกี่ยวกับคาถามนต์ดำ เข้าไปฟังเพลงในโบสถ์ หรือการส่งของประหลาดๆให้เพื่อนนักแสดงคนอื่นในเรื่องไม่ว่าจะเป็น ลูกกระสุน, หนูเป็นๆ, หมูตาย, จดหมายรัก, นิตยสารโป๊ ฯลฯ (ลือกันว่ามีการส่งถุงยางอนามัยใช้แล้ว และลูกปัดที่เอาไว้เล่นเซ็กซ์ทางทวารหนักให้เพื่อนนักแสดงด้วย แต่เจ้าตัวปฏิเสธ)

วิธีการดังกล่าวเป็นทั้งการปั่นหัวเพื่อนนักแสดง ที่เขาต้องการสร้างคาแร็กเตอร์ให้เป็นแบบเดียวกับ โจ๊กเกอร์ “ผมพยายามทำหลายๆอย่างเพื่อสร้างสีสันและเซอร์ไพรส์เล็กๆน้อยๆ สร้างความเป็นธรรมชาติ เพื่อจะได้ทลายกำแพงที่ทุกๆคนอาจจะตั้งไว้ เพราะตัวละครโจ๊กเกอร์เองก็เป็นคนที่ไม่เคารพกฏเกณฑ์ใดๆ เลยจริงๆ อย่างเช่นเป็นคนไม่มีขอบเขตและไม่เคารพในพื้นที่ส่วนตัวของใครทั้งนั้น” ซึ่งหลังจากหนังเข้าฉายและพบว่าตนเองถูกตัดฉากออกไปเยอะมาก ก็ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกเฟลไปไม่น้อยเช่นกัน

ล่าสุด วาคีน ฟินิกซ์ ในบท โจ๊กเกอร์ ที่ถูกตีความต่างออกไป ก็ทำให้เป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากถึงความดาร์กและลงท้ายด้วยการสงสารตัวละครตัวนี้จับใจ ก็ลงทุนลดน้ำหนักตนเองลงกว่า 23.5 กิโลกรัม และตัดใจไม่ดูทีวีเพราะเต็มไปด้วยโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่แทบจะเป็นฝันร้ายของการลดน้ำหนัก

แถมเขายังคิดหาวิธีสร้างเสียงหัวเราะของโจ๊กเกอร์ในแบบของตนเองที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการดูวิดีโอของคนที่ป่วยจาก Pathological Laughing and Crying หรือคนที่มีภาวะร้องไห้หรือหัวเราะรุนแรงควบคุมไม่ได้, ร้องไห้หรือหัวเราะไม่เข้ากับสถานการณ์, การแสดงสีหน้าไม่ตรงกับอารมณ์ รวมถึงวิดีโอของคนที่ ป่วย Pseudobulbar Affect อาการทางจิตที่ผู้ป่วยอาจมีอาการร้องไห้ หรือหัวเราะออกมาโดยไม่สามารถควบคุมอาการเหล่านี้ได้

โดยโรคเหล่านี้มักจะเชื่อมโยงกับคนที่มีความผิดปกติทางด้านประสาท, เส้นโลหิตในสมองตีบ, ผู้ป่วย ALS หรือ คนที่รับการกระทบกระเทือนทางด้านสมองอย่างรุนแรง ซึ่งคาดว่าการเลือกดูวิดีโอเหล่านี้ของเขาน่าจะมาจากการตีความของตัวละครที่ได้รับผลกระทบทางด้านสมองที่มาจากการถูกทุบตีนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น