“เป้ วงมายด์” ควงแฟนใหม่เปิดตัว ทำทุกอย่างให้ชัดเจนน่าจะดีกับทุกๆ ฝ่าย หยอดอีกฝ่ายเข้ามาในจังหวะที่พอดี เป็นคนที่พอดีกัน ทำให้ตนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำไม่ใช่เสือสิ้นลาย เมินอดีตทั้งสองฝ่าย เป็นปัจจุบันของกันและกัน ลั่นคิดไกลอยากแต่งงาน อยากมีลูกทันใช้
เป็นนักร้องหนุ่มที่มีการแถลงข่าวเรื่องรักๆ เลิกๆ อยู่หลายหน สำหรับ “เป้ วงมายด์” หรือ “บดินทร์ เจริญราษฎร์” หลังจากที่ทิ้งช่วงความเป็นโสดมาได้พักหนึ่ง ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งเปิดตัวว่ามีรักครั้งใหม่แล้วเรียบร้อย กับสาวนอกวงการชื่อ “น้องกร” ซึ่งควงกันมาร่วมงานงาน “Melody Of Life 12 ONE TWO ทำ” ณ ลาน Atrium3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ซึ่งหนุ่มเป้ก็เผยว่า ความรักครั้งเก่าไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะมองที่ปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดมากกว่า
“ถามว่าอะไรที่ทำให้มั่นใจในคนนี้เลยเปิดตัว คือผมเป็นคนดูแลตัวเองไม่ค่อยเก่งครับ ต้องมีใครสักคนดูแลอยู่ตลอด ไม่งั้นจะนอกลู่นอกทาง จะดื้อ เขาไม่ได้กลัวเราจากข่าวเก่าๆ เราคบกันที่ปัจจุบันมากกว่า ผมทำปัจจุบันให้ดีที่สุดมากกว่า ช่วงอดีตที่ผ่านมา ผมมองว่าเป็นช่วงเรียนรู้ เราไม่สามารถตัดสินคนจากอดีตได้ ปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
“เราเลือกที่จะมองข้ามเรื่องที่ผ่านไปแล้วของทั้งคู่ครับ ผมเชื่อว่าอดีตของทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี เราเลือกที่จะทิ้งมันไว้ข้างหลังดีกว่า เราเป็นปัจจุบันของคนทั้งคู่ เสือสิ้นลายไหม ผมไม่ได้เป็นเสือตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ผมแค่ทานเยอะหน่อยเท่านั้นเอง พูดเล่นครับ เรื่องสิ้นลายไม่เกี่ยวหรอก อยู่ที่เราเจอคนที่พอดีหรือยัง สำหรับน้องก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พอดี อยู่ในวัยที่จะมีความมั่นคงในชีวิต คุณพ่อคุณแม่ก็รออุ้มหลานแล้ว ซึ่งถามว่าจริงจังถึงขั้นแต่งงานไหม เรายังเรียนรู้กันอยู่ครับ ผมไม่อยากพูดอะไรมาก ถ้ามันผิดพลาดไป พี่จะมาเล่นผมอีก”
เผยได้เจอครอบครัวกันแล้วทั้งคู่ และแฟนสาวก็เข้ามาช่วยดูแลตนในเรื่องงานหลายๆ อย่างด้วย
“ก็ได้รู้จักกันจากงาน เจอน้องจากรายการหนึ่งครับ ก็ชอบเขาหลายอย่างนะ น้องยังเด็กมาก แต่ความคิดไม่ได้เด็กเหมือนอายุ เป็นคนช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างอะไรหลายอย่าง ตอนนี้ผมทำรายการของผมอยู่ ชื่อรายการ จรจัด ในยูทูวบ์ ทำกับน้องครับ เขาดูแลหลายอย่างเลย แล้วยังดูเรื่องไฟแนนเชียลให้ด้วย แล้วก็ดูแลเรื่องบริษัทด้วย ถามว่าปิ๊งตั้งแต่ครั้งแรกเลยไหม ก็ค่อยๆ เรียนรู้กัน ไม่ได้ปิ๊งตั้งแต่ครั้งแรก ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมากกว่า”
“ได้เจอครอบครัวเรียบร้อยแล้วครับ ผมก็มีโอกาสได้เจอหม่าม๊าของน้องมาแล้วครั้งหนึ่ง ไปทานข้าวด้วยกัน ส่วนฝั่งผมไม่มีปัญหาครับ โอเคอยู่แล้ว เขาน่ารัก อยากให้ดูแล อยากให้ลดปาร์ตี้ลง พอดีมีน้องเข้ามาก็ช่วยดูแลได้ ฝั่งเขาก็โอเคครับ ผมเพิ่งเจอหม่าม๊า แต่ยังไม่เจอป๊าป๋า มีทานข้าวด้วยกันครั้งหนึ่ง แต่คงจะต้องมีมากกว่านี้หน่อย เจอกันครั้งแรกอาจจะไม่มีอะไรเรียนรู้กันมากเท่าไหร่”
เผยตอนนี้ตนเปลี่ยนตัวเองไปเยอะมากเพราะแฟนคนนี้
“ก็คือผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้นานมากแล้วครับว่าผมอยากจะขอเก็บเอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะก่อนหน้านี้ที่เคยมีปัญหา คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็เสียใจมาก เพราะท่านก็โดนหนักมากเช่นกันกับกระแสในโซเชียลมีเดีย แต่สำหรับครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าเราทั้งคู่น่าจะอยู่ในวัยที่เหมาะสมแล้ว ผมโตมากพอที่จะรับผิดชอบอะไรบางอย่างได้ ซึ่งมันก็คงไม่เป็นเรื่องผิดหากผมจะได้พูดให้กับหลายๆ คนได้เข้าใจว่าผมกำลังดูใจกับใครอยู่ ถ้าหากเราทำให้มันชัดเจน มันก็น่าจะดีกับทุกฝ่ายครับ”
“คือผมอยากจะทำตัวเองให้เป็นคนดีสำหรับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือครอบครัวของอีกฝ่าย ผมรู้สึกว่ามันเป็นวัยที่ผมควรจะรับผิดชอบทุกอย่างได้แล้ว ถามว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอาจจะมีข่าวดีไหม ผมขอยังไม่พูดอะไรดีกว่าครับ เพราะผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง เอาเป็นว่าผมจะทำทุกวันนี้และทำเรื่องของผมในตอนนี้ ให้ดีที่สุดดีกว่าครับ ก็ยอมรับว่าพอมีเขาเข้ามาเราก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ผมหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เป็นห่วงสุขภาพตัวเองมากขึ้น มีความรับผิดชอบกับชีวิตตัวเองมากขึ้น ใช้ชีวิตอยู่แต่บ้านมากกว่าที่จะออกไปเที่ยว แต่ก็ไม่ถึงตัดปาร์ตี้ออกจากชีวิตขนาดนั้น (หัวเราะ) ก็ยังพอมีอยู่บ้างครับ แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน”
“สาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนตัวเอง อย่างที่บอกครับ ผมรู้สึกว่าผมอยากจะมีชีวิตที่มั่นคง ชีวิตผมเดินทางมาถึงอายุ 33 ปี มันก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ที่ผมจะต้องลงหลักปักฐานกับอะไรบางอย่าง หรือใครบางคน ถามว่าผมคิดเรื่องแต่งงานไหม ผมคิดมาตลอด แต่ว่าคนๆ นั้นอยู่ที่ไหน ผมยังไม่เจอในตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าคนๆ นี้จะใช่ไหม ผมขออนุญาตเรียนรู้กับเขาไปก่อน”
บอกยังเป็นช่วงที่เรียนรู้ ศึกษากันไปเรื่อยๆ และถ้าไปได้ดีก็แอบหวังว่าจะเกิดเรื่องดีๆ กับคู่ของตน
“ถามว่าวางแพลนสักกี่ปี ผมเชื่อว่าความสุกงอม หรือว่าความพอดีของมันจะบอกเราเองครับ ไม่เร่งรัดมันดีกว่า ที่ผ่านมามันก็เป็นการพิสูจน์เรามากครับ มันทำให้เราเติบโตขึ้น คิดมากขึ้น ทำให้เราตัดสินใจอะไรบางอย่างช้าลง แต่เฟิร์มมากขึ้น ผมอยากมีครอบครัวนะครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นวัยที่เหมาะสม ผมอยากมีลูกทันใช้ จริงๆ ผมยังไม่ได้ไปถึงขนาดนั้น จริงๆ ก็อยู่ในช่วงเวลาที่กำลังคบหาดูใจ เรียนรู้กัน และอีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องของการยอมรับของทั้งสองครอบครัวด้วย มันยังไปอีกหลายขั้น เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเอามาเล่าให้ฟังกันก่อน”
“สำหรับความรักครั้งนี้ถามว่าลงตัวที่สุดไหม ผมว่ามันเป็นช่วงที่ยังเรียนรู้กันอยู่ครับ แต่ว่าตอนนี้มีความสุขดีมาก ยังคงเป็นรอยยิ้มของกันและกัน มองเห็นภาพไหมเขาเป็นแม่ของลูกไหมเหรอ (หัวเราะ) เขาน่ารักครับ เขาเป็นคนดีครับ และผมเชื่อว่าในอนาคตก็หวังไว้ว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับคู่ของเรา ถามว่าน้องไปคุมทุกงานเลยไหม ผมว่าไม่ได้คุมหรอกครับ มาช่วยกันดูแล เพราะบางทีผมอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง อย่างพี่ๆ สื่อหรือเพื่อนๆ ของผมทุกคน หรือบางทีบางครั้งผมอาจจะลืมนั่นลืมนี่ พอมีน้องมาก็เหมือนมีสองสมอง มาช่วยกัน ก็เป็นผู้จัดการในบางเรื่องครับ ถ้าเป็นงานส่วนตัวจริงๆ ครับ”
“ถามว่าเขาดุไหม มันอยู่ที่คนมองนะ เขาเป็นคนชัดเจนดีกว่าครับ และมีความคิดเป็นของตัวเอง คิดก่อนพูด ไม่ค่อยใช้อารมณ์มากเท่าไหร่ ถามว่ากลัวไหม ผมเกรงใจมากกว่า ให้เกียรติครับ ถามว่าเขาหึงที่เราเป็นศิลปินต้องเจอคนเยอะ ผมพยายามจะอธิบายทุกเรื่องให้เขาเข้าใจก่อน พยายามจะเอาเขามาดูทุกอย่างครับ ว่าจริงๆ แล้วเราใช้ชีวิตยังไง ทั้งหน้าฉากและหลังฉาก เพื่อที่จะให้สบายใจทั้งคู่ ผมไม่อยากให้สุดท้ายแล้วมาคิดเองทีหลังเวลาที่เขาอยู่ที่บ้านคนเดียวกับน้องหมาแล้วต้องมานั่งคิดมาก ผมรู้สึกว่าถ้าการที่ทำให้เขาได้เห็นบ่อยๆ มันจะทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ ผมว่าความเข้าใจสำคัญกว่าความรักครับ”