ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีของ “เจ้าขุน - จักรภัทร วรรธนะสิน” ลูกชายคนรองของ “เจ-เจตริน” ที่แสดงอากัปกิริยาไม่เหมาะสมบนเวที 10Fight10 หลังพ่ายน็อกให้กับคู่ต่อสู้ เรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสดรามาที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในสังคมโซเชียลผิด-ถูกอย่างไร ก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า และวิจารณญาณของแต่ละบุคคล
หลายคนอาจจะมองว่าทั้งตัวเจ้าขุนเอง ทั้งครอบครัว ตกเป็นเป้านิ่งที่ถูกสังคมโจมตีจนอ่วมหนัก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คือเอาเรื่องกระแสข่าวเป็นตัวตั้ง จะเห็นได้ชัดเลยว่า ท่ามกลางเสียงคอมเมนต์อันอื้ออึง , คำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของวัยรุ่น ที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจและควบคุมสติ ลากยาวไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกในลักษณะให้ท้ายนั้น ความพ่ายแพ้ของเจ้าขุน กลับกลายเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของรายการนี้ และหมายรวมไปถึงเป็นความสำเร็จอีกครั้งคราหนี่งของช่องเวิร์คพอยท์ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์รายการวาไรตี้ล้มละครได้สำเร็จมาแล้ว เมื่อปฐมบทของรายการ “The Mask Singer” เปิดตัวซีซันแรก
ไม่เพียงเจ้าขุนที่โด่งดังชั่วข้ามคืน เพราะในยุคของสังคมอุดมดรามานั้น ไม่ว่าจะดังด้วยข่าวบวกหรือข่าวลบ ก็นับว่าเป็นต้นทุนที่ดีทั้งสิ้น
คนที่แจ้งเกิดเต็มๆ อีกคน ก็คือคู่ต่อสู้อย่าง “แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์” นักแสดงวัยรุ่นสังกัดนาดาว ที่ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักเฉพาะกันในกลุ่มที่เป็นแฟนคลับของหนัง หรือซิรี่ส์วัยรุ่น ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ทั้งประเทศจับตามอง มีการย้อนรอยกลับไปพูดถึงผลงานที่ผ่านมา รวมถึงพัฒนาการของร่างกาย จากเด็กหนุ่มหุ่นผอมบาง กลายเป็นหนุ่มมาดแมน ซึ่งเป็นผลมาจากการหันหน้ามาทุ่มเทเวลาให้กับการออกกำลังกายอย่างเอาจริงเอาจัง ขนาดแฟนสาวนอกวงการแท้ๆ ก็ยังกลายเป็นจุดสนใจในโลกออนไลน์
แม้แต่กระทั่ง “แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์” ที่แทบไม่มีกระแสอื่นใดในวงการมาพักใหญ่ ยังได้อานิสสงส์ในการคัมแบ็กกลับมาทั้งที่แค่ใส่เสื้อสีเทาไปร่วมการถ่ายทอดสด บ่งบอกสถานะว่าไม่ฝักใฝ่ทีมใด ก็ยังอุตส่าห์กลายเป็นประเด็นให้คนนำมาพูดถึงกันอย่างต่อเนื่อง จนแฮทแท็ก #แน็กชาลี ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว
ยังไม่นับรวมถึงลัทธิโหนกระแสแห่ตามที่พาเหรดกันมาเป็นพรวน ไม่ว่าจะเป็น “เป๊ก-สัณชัย” ก็ดี โปรโมเตอร์ค่าย "เพชรยินดีอะคาเดมี่" ก็ดี หรือแม้แต่ “อองตวน ปินโต” ทุกคนล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จในการช่วงชิงพื้นที่ข่าวด้วยกันทั้งสิ้นเป็นไปได้ไหมว่า เบื้องลึกเบื้องหลังชัยชนะของแบงค์-ธิติ และความพ่ายแพ้ของเจ้าขุน ที่กลายเป็นชนวนให้เกิด กระแสดรามาต่อเนื่องกันมาตลอดทั้งสัปดาห์นั้น ทุกอย่างอาจจะผ่านกระบวนการตระเตรียม และเซ็ตเอาไว้อย่างดีเอาตรงๆ ถ้าไม่ได้หวังให้เรื่องของการขายข่าว เจในฐานะที่เป็นโปรโมเตอร์ หรืออีกนัยหนึ่งเจ้าของรายการนั้น ก็ไม่ควรจะต้องดึงลูกชายของตัวเองลงมาเอี่ยวในเกมนี้ตั้งแต่แรก แต่เพราะรู้อยู่แล้วว่า ถึงผลจะออกมาแพ้-ชนะ ทุกอย่างสามารถผันแปรกลายเป็นประเด็นได้ทั้งสิ้น
สมมติเจ้าขุนชนะ ก็จะถูกมองว่าล็อกเข็มขัด แต่กระแสก็อาจจะไม่ตีกลับมาแรงเท่ากับการเขียนบทให้เป็นคนแพ้ แต่จะแพ้ยังไงให้เป็นข่าว !!!????อันนี้เป็นแค่การตั้งสมมติฐานเท่านั้น จริง-เท็จอย่างไรไม่ได้ชี้ชัด แต่วิเคราะห์จากหลายๆ กรณีศึกษาที่ผ่านมาของช่องเวิร์คพอยท์ ที่มักจะหยิบความดรามามาเป็นจุดขายให้กับรายการ ให้มีกระแส ให้มีคนพูดถึงไม่ว่าจะเป็นแง่มุมใดก็ตาม ถ้ายังจำกันได้สมัยรายการ Thailand Got Talent ก็ใช้สูตรนี้อยู่บ่อยครั้ง จนคนเริ่มจับทางได้ ก็เลยเว้นวรรคไประยะหนึ่ง ประจวบเหมาะกับช่วงนี้สังคมเราไม่ค่อยมีเรื่องอะไรหวือหวาดรามาจัด ก็อาจจะเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เลือกปัดฝุ่นกลยุทธ์นี้กลับมาใช้อีกครั้งพอทุกอย่างลงตัว ถูกจังหวะ ถูกเวลา ก็เลยสัมฤทธิ์ผลสมประสงค์อย่างที่เห็น !!!!
หลายๆ ภาคส่วนก็พลอยได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกระแสของรายการ 10Fight10 ไปด้วยไม่ว่าจะเป็นการปลุกกระแสให้ผู้คนหันมาสนใจกีฬามวยยิ่งขึ้น พลอยทำให้ธุรกิจยิมมวยคึกคักมากกว่าเดิมหรือในฐานะโปรโมเตอร์ หรือผู้ผลิตรายการของเจ-เจตริน ก็แน่นอนว่าย่อมเป็นที่ยอมรับของช่องมากขึ้น และย่อมส่งผลต่อเนื่องไปยังซีซันต่อไป ซึ่งแว่วมาว่ามีการระบุตัวผู้ร่วมรายการไปบางส่วนแล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการอย่างไรก็ตาม ผู้ชนะที่แท้จริง ย่อมจะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจาก “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” เจ้าพ่อเวิร์คพอยท์ ที่สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ให้กับวงการทีวีดิจิทัลอีกครั้ง
แต่ข้อพึงระวังอย่างยิ่งยวด ก็คือรายการที่ขายความหวือหวาแบบนี้ จะพีคจัดๆ ก็เพียงซีซันแรก แล้วก็จะค่อยๆ วูบดับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างอะไรกับไฟไหม้ฟาง เหมือนที่รายการ The Mask Singer เคยประสบมาแล้ว !!!
นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17-23 สิงหาคม 2562