"โบว์ แวนดา" แอบร้องไห้ทุกวัน เป็นเวลา 2 เดือน หลัง "มะลิ" ถามหาพ่อ แจงคลิปที่มะลิร้องไห้บอกคิดถึงพ่อมาก ไมได้ตั้งใจถ่าย แต่ลูกขอให้ตนถ่ายเพราะอยากจะส่งไปให้พ่อดู ตั้งรับที่จะบอกความจริงกับลูกนานแล้ว และเคยบอกลูกไปแล้วครั้งหนึ่งว่าพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตนไม่อยากยัดเยียดความจริงกับลูก เพราะอาจจะไม่พร้อมเข้าใจทั้งหมด ส่วนประเด็นไม่อยากให้มีการจัดกิจกรรมวันแม่ แค่อยากให้ทางโรงเรียนหาทางออกให้กับเด็กที่พ่อแม่ไม่สามารถมาร่วมงานได้เท่านั้น
เป็นที่ชื่นชมของหลายคนที่เห็นภาพหรือคลิปของน้อง "มะลิ พาขวัญ สหวงษ์" เต้นคัฟเวอร์เพลง kill this love ของวง "blackpink" ต่างพากันชมว่าสาวน้อยโดดเด่นและฉายแววการเป็นนักเต้นอย่างมาก เมื่อถาม "แม่โบว์ แวนดา สหวงษ์" ถึงประเด็นนี้ คุณแม่ก็บอกว่าน้องฉายแววรักการเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ จึงสนับสนุนเต็มที่ ยิ่งได้ไปเรียนเต้นอย่างจริงจังลูกยิ่งตั้งใจ
"เป็นการเต้นจบคลาสของดีแดนซ์ค่ะ วันที่ไปเราก็ไปนั่งดู เป็นโชว์แรกที่ประทับใจที่สุด น้ำตาร่วงเลย ในใจอยากให้พี่ปอ (ทฤษฎี สหวงษ์) มาดูด้วย เขาทำได้เกินคาด ยังคิดเลยว่าลูกเราได้ขนาดนี้เลยเหรอ อาจจะไม่เก่งสำหรับคนอื่น แต่เรารู้สึกว่าสุดพลัง เขามาทางนี้ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เขาเต้นตลอดเวลา ก็เลยพาไปเรียนจริงจังเลย ถ้าไม่ชอบค่อยว่ากัน ซึ่งพอพาไปเขาก็อยู่โรงเรียนได้ทั้งวันเลย เขาฉายแววมาทางด้านนี้ ที่พาไปเรียนจุดประสงค์ โบว์อยากให้เขาทำสิ่งที่รัก อยากให้เขาเต้นแล้วมีความสุขไม่ใช่เก่งอย่างเดียว"
"เขามีพยายามกับเรื่องนี้มาก แล้วทางโรงเรียนก็สอนในเรื่องความอดทน การทำอะไรร่วมกับเพื่อน รอได้ มีความตั้งใจ หลายเดือนที่พาไป พัฒนาการก็เห็นได้ชัดมากว่าเขาอดทนขึ้น ซึ่งเขาเต้นได้ทุกที่ อยู่ไหนก็เต้น ตอนนี้เต้นได้ 1 เพลงคือ เพลง kill this love เราก็จะสนับสนุนเขาต่อไปเรื่อยๆ แล้วแต่เขาเลย อยากให้เขามีจุดมุ่งหมายว่าซ้อมไปเพื่ออะไร เต้นเพื่ออะไร อนาคตถ้าเขาอยากออดิชั่นก็สนับสนุนเขาเต็มที่ ทางโรงเรียนก็มองอยู่ว่าใครมีแวว มีความตั้งใจ แล้วอยากไปออดิชั่นเกาหลี ณ วันนี้ก็น่าจะ ต้องรอลุ้นว่าความตั้งใจเขาจะยังเป็นแบบนี้อยู่ เราพร้อมสนับสนุนหมดทุกอย่าง ถ้าเขามีความสุข"
เผยเป้าหมาย "มะลิ" มี "ลิซ่า blackpink" เป็นไอดอล
"พี่ลิซ่า ก็บอกเขาว่าพี่ลิซ่าเป็นคนบ้านเดียวกับคุณพ่อเลยนะ แล้วเขาก็ขยัน อดทน มีความตั้งใจ ตอนนี้เวลาดื้อไม่กินนมก็บอกว่าพี่ลิซ่ากินนมเยอะนะ เขาก็จะวิ่งไปกินเลย แล้วก็บอกเขาว่าพี่ลิซ่ากินนั่นกินนี่ด้วย จนวันนั้นเขาบอกไม่ชอบพี่ลิซ่าแล้ว กินเยอะจัง พี่ลิซ่ามีผลต่อเขามาก เราก็บอกเขาว่าพี่เก่งได้เพราะตั้งใจ มุ่งมั่น"
เมื่อถามถึงคลิปที่เจ้าตัวลงในอินสตาแกรมที่ "มะลิ" ร้องไห้บอกคิดถึงพ่อมาก เจ้าตัวแจงไม่ได้ตั้งใจถ่ายไว้ แต่เป็นปกติที่เวลาลูกสาวคิดถึงพ่อ จะให้ตนถ่ายคลิปวิดีโอไว้แล้วส่งให้พ่อได้ดู
"คือตอนนั้นที่ถ่ายไม่ใช่ว่าลูกดรามาแล้วโบว์จะควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย คือต้องแจงนิดหนึ่งว่าช่วงนี้เวลาน้องคิดถึงพ่อ เขาจะบอกว่าแม่ขา อัดคลิปแล้วส่งให้พ่อดูได้ไหม พ่อจะได้เห็นหน้า แล้ววันนั้นเขาเต้นเสร็จ โบว์จับความรู้สึกลูกได้ว่าพยายามมองหาเราตลอดว่าเรามองเขาอยู่ไหม ซึ่งตัวเขาอยู่บนเวที เราสัมผัสได้ว่าลูกคงคิดแน่เลยว่าพ่อน่าจะมาอยู่ตรงนี้ (เสียงสั่น)"
"พอกลับมาคืนนั้น เขาก็นิ่งๆ ซึมๆ โบว์ก็ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาก็หันแม่ขาอัดคลิปให้หน่อย หนูจะพูดกับพ่อแล้วส่งไป พอกดอัดจะถ่ายเขา แต่เราเห็นหน้าลูกแล้วว่าไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ก็ลดกล้องลงไม่ได้ถ่าย เป็นครั้งแรกเลยที่ถามถึงพ่อ แล้วปล่อยโฮ บอกหนูคิดถึงพ่อมาก แล้วก็ร้องเลย โบว์ก็ไม่รู้ตอบยังไง เพราะตอนนั้นเราก็บอกว่าจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น ก็เลยบอกเขาว่าพ่ออยู่ในหัวใจ คิดถึงพ่อให้ยิ้มทุกครั้ง แล้วพ่อจะรู้ จะคิดถึงหนู"
บอกตนตั้งรับกับการบอกความจริงกับลูกนานแล้ว และเคยบอกลูกไปแล้วครั้งนึงว่าพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว
"โบว์เคยบอกเขาไปแล้วครั้งนึงว่าคุณพ่อป่วย ไม่ไหว แล้วคุณพ่อก็เสียไปแล้ว แต่ ณ วันนั้นเขาก็บอก อ๋อ เหรอคะ เด็กอายุเท่านี้เราไม่อยากจะยัดเยียดความจริงให้เขาว่ามันคือแบบนี้ ก็มีการปรึกษาคุณหมอที่เคยดูแลโบว์ที่โรงพยาบาล คุณหมอก็บอกว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องยัดเยียดว่าวันนี้พ่อเขาเป็นอะไร เป็นแบบไหน พยายามให้เขาจินตนาการเลยว่าพ่อยังอยู่บนสวรรค์ไหม พ่อยังทำงานอยู่ไหม ณ วันนึง จุดนึงถ้าคนนอกบ้านถามว่าพ่อไปแล้วเหรอ คุณหมอบอกไม่ต้องกลัว เดี๋ยวยังไงเขาจะเดินมาถามเราเองว่าคุณพ่อตายเพราะอะไร"
"ที่ผ่านมาเราตั้งรับมานานมากแล้วค่ะ ก็อยากให้ลูกได้รับรู้ความเป็นจริง โบว์เชื่อว่าการที่รู้อะไรที่เป็นความจริงมันจะเจ็บน้อยกว่าการที่เราหลอกตัวเองเพราะฉะนั้นถ้าวันนึงเขารู้ความจริง โบว์จะพยายามอยู่กับเขา ที่ผ่านมาเราใช้วิธีอัดคลิปให้ลูกสื่อสารกับพ่อเขา เราไม่ได้สอนให้เขาทำ เหมือนเขาเข้าใจเองว่าอยากให้ใครเห็นหน้าเขาเห็นเสียงเขา เขาก็จะอัดคลิปส่งไป เขาคิดว่าพ่อเขาได้เห็นทั้งหน้าและเสียงของเขาด้วยเหมือนกัน ที่อัดไว้ก็ไม่ได้ส่ง อยู่ในโทรศัพท์โบว์ตลอด"
เล่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาลูกสาวถามหาพ่อลูกวัน จนตนต้องแอบไปร้องไห้ในห้อง เป็นน้ำตาแห่งความคิดถึงและห่วงความรู้สึกของลูก
"ช่วง 2 เดือนนี้เขาถามทุกวันว่าพ่อเมื่อไหร่จะลงมา บ้านเพิ่งซ้อมเสร็จ เขาก็ถามพ่อไม่มาเหรอ บ้านเสร็จแล้วนะ พ่อไม่อยากอยู่กับเราเหรอ เราเลยบอกว่าพ่ออยากอยู่ทุกวัน แต่ว่าพ่อเขาต้องทำงาน เราไม่อยากจะพูดคำนี้หรอก แต่ ณ วันนี้เด็กเขาไม่พร้อมที่เข้าใจอะไรได้ เราเลยพยายามพูดแบบนี้ไปก่อน"
"เราก็ไปแอบน้ำตาไหลในห้องทุกวัน คือจะสักกี่ปีก็แล้วแต่ ตอนนี้จริงๆ แล้วการร้องไห้มันไม่ได้โศกเศร้าแล้วนะคะ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความคิดถึงเขามากกว่า ตัวโบว์ก็ไม่ได้จิตตกไม่ได้อะไรทั้งนั้น เวลานึกถึงพี่ปอ เวลาเห็นลูกแค่เป็นห่วงความรู้สึกลูก สำหรับพี่ปอ ณ วันนี้จิตใจโบว์เข้มแข็งแล้ว เขาก็อยู่ในใจเราตลอด"
เคลียร์ประเด็นไม่อยากให้มีการจัดกิจกรรมวันแม่ แค่อยากให้ทางโรงเรียนหาทางออกให้กับเด็กที่พ่อแม่ไม่สามารถมาร่วมงานได้เท่านั้น
"น้องไม่ได้ไป จริงๆ ไม่ได้อยากจะให้หยุดหรือว่าอะไรนะคะ แต่นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของโบว์ ถ้าโบว์สัมภาษณ์อะไรไปแล้วไปกระทบกระเทือนความรู้สึกผู้ปกครองท่านใดโบว์ก็ขออภัย กิจกรรมเราไปกันทุกปี แต่มีอยู่ปีนึงที่ไปแล้วไปเจอเด็กกลุ่มนึงที่เขาอยู่ข้างๆ พิธีพอดี เราเลยรู้สึกว่าแล้วเด็กกลุ่มนี้ที่เขาไม่มีพ่อแม่มา เขาจะต้องมานั่งมองภาพแม่ลูก พ่อลูกแสดงความรักกัน"
"ใจนึงก็ไม่อยากจะถามหรอกแต่ด้วยเราอยากจะรู้ถึงความรู้สึกของเด็ก ก็ถามเขาไปว่าคุณแม่ไม่ว่างเหรอคะลูก คำตอบของเขามันทำให้เรารู้สึกจุก เขาบอกว่าแม่หนูป่วยติดเตียง เดินไม่ได้ บางคนก็บอกว่าแม่หนูไม่ได้อยู่ที่นี่ ทำงานอยู่ที่อื่น บางคนก็บอกว่าแม่หนูตายแล้วค่ะ เราเลยมีความรู้สึกว่าแล้วทำไมต้องเอาเด็กกลุ่มนี้มาอยู่ในบริเวณพิธี ซึ่งมันเป็นภาพที่ ถึงเราจะไม่ใช่พ่อแม่เขา แต่ด้วยความที่เราเป็นแม่ ถ้าเป็นลูกเราบ้างล่ะ ลูกเราจะต้องมาเห็นภาพแบบนี้ไหม แล้วรู้เราจะรู้สึกกับเรายังไง"
"ในปีนั้นถ้าเราไปไม่ได้ ด้วยความเป็นพ่อแม่ เราก็จะรู้สึกว่าทำไมเราไปให้ลูกไม่ได้ แล้วลูกเราจะอยู่ตรงไหน ลูกเราจะทำอะไร ลูกเราจะรู้สึกไหม หลายคนบอกว่าก็สั่งสอนลูกสิ ให้ลูกรู้ความเป็นจริงไปเลย คือจะบอกว่าโบว์ไม่ได้เอาครอบครัวตัวเองมาเป็นบรรทัดฐาน ถึงครอบครัวโบว์ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่อยากจะบอกไว้ว่าความรู้สึกของเด็กที่เขาเจออย่างนี้ทุกๆ ปี ใครจะเยียวยาความรู้สึกเด็กตรงนี้ ถ้าเขาต้องซึมซับสิ่งเหล่านี้ทุกปี โบว์ไม่ได้บอกว่าให้หยุดหรือให้เลิก แต่ถ้าโรงเรียนใดยังมีกิจกรรมแบบนี้อยู่ อยากจะให้ทางโรงเรียนหาวิธีรักษาความรู้สึกของเด็กเหล่านี้ จะมีวิธียังไงที่จะไม่ให้เด็กเหล่านี้รู้สึกถึงสิ่งที่เขาขาดไป แค่นั้นเอง"
ลั่นที่พูดถึงไม่ได้ต้องการให้เป็นประเด็นสังคม หรือกระทบใคร ตนเพียงแค่แสดงความคิดเห็นจากที่เคยมีประสบการณ์ตรงเท่านั้นเอง
"โบว์ไม่ได้อ่านข่าวเลยจริงๆ ว่าใครอะไรยังไง เพียงแต่มีนักข่าวมาถาม โบว์ก็เลยบอกความรู้สึกโบว์ไปว่ามันเป็นแบบนี้ ยังย้ำว่าไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้ความคิดของโบว์ไปกระทบกระเทือนใคร เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่เราเจอจากประสบการณ์ตรง ที่เราเห็นเด็กเป็น สิบคนกอดกันร้องไห้ ถ้าเป็นลูกใคร แม่คนไหนก็คงไม่มีใครรู้สึกดีหรอก"
"เราควรจะมาหาวิธีปรับเปลี่ยน คือยังคงมีกิจกรรมวันแม่อยู่ แต่ให้เด็กมารวมตัวกันทำการ์ดประดิษฐ์ด้วยมือของตัวเองหรือว่าเขียนเรียงความ คือเวลาที่เราได้อะไรที่เป็นกระดาษแผ่นเดียว แต่มันเป็นลายมือลูกที่สวยบ้างไม่สวยบ้าง อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ถ้าเขาพูดถึงเรา เขาเขียนด้วยลายมือของเขาเอง โบว์ว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้พ่อแม่รู้สึกประทับใจ เพราะว่าเวลาส่งข้อความผ่านไลน์แล้วอ่าน ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับที่ลูกเขียนบนกระดาษแล้วส่งให้เรา"
ขออภัยหากมีคนไม่เห็นด้วยกันตน ที่ผ่านมาตนไปร่วมกิจกรรมทั้งวันพ่อและวันแม่ให้ลูกทั้งสองคน ส่วนวันนี้ไม่ได้ไปงานโรงเรียนลูกชายเพราะติดงาน ซึ่งลูกเข้าใจ
"คนไม่เห็นด้วยก็มี ก็ต้องขออภัย อย่างที่บอกมันคือความรู้สึกส่วนตัวของเรา (เราก็ไม่ได้พาลูกไปร่วมกิจกรรมวันแม่ของโรงเรียน?) เราก็ไม่ได้บังคับ อย่างวันนี้ออโต้ก็มีงานโรงเรียน เราก็โทร.ไปแต่เช้าว่าหนูจะไปไหมลูก คือเขาวนเวียนมาเป็นอาทิตย์แล้วว่าแม่จะมาไหม เราก็บอกว่าแม่มีงาน ซึ่งโชคดีที่เขาเข้าใจ เขาก็บอกไม่เป็นไรครับแม่ทำงานไปก่อน"
"เราก็บอกว่าแม่รักหนูทุกวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องวันนี้วันเดียว เขาเลยบอกงั้นหนูไม่ไปดีกว่า ก็ไปเรียนครึ่งวันให้พิธีเสร็จก่อนค่อยไปเรียน ที่ผ่านมาโบว์ไปร่วมกิจกรรมทั้งวันพ่อวันแม่ ทั้งของออโต้และมะลิ แต่ในส่วนของโรงเรียนมะลิค่อนข้างจะโชคดีที่เด็กๆ น้อยมาก แต่ของออโต้เด็กจะเยอะ ถ้าโบว์พูดอะไรแล้วไปกระทบกับทางโรงเรียนโบว์ก็ขออภัย แต่นี่คือความในใจของคุณแม่คนนึงว่าครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาแต่พ่อแม่ทำงานไปไม่ไดั มันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของเด็ก และพ่อแม่ มันจะรู้สึกทำไมเราไปไม่ได้ เราทำให้ลูกไม่ได้"