xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องจริงก่อนเป็นหนัง “โปรเม” อัจฉริยะต้องสร้าง

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ




3 ปีที่แล้วชื่อของนักกอล์ฟสาวไทย "เม เอรียา จุฑานุกาล" ดังกระหึ่มโลกทันทีหลังเจ้าตัวสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ ได้ 3 รายการและขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลกในทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองถอยกลับไปบนเส้นทางเดินของเจ้าตัวที่กว่าจะถึงวันนี้ได้แล้วต้องบอกว่าหาได้โรยไว้ซึ่งกลีบกุหลาบหรือจากโชคชะตาจากฟ้าประทานแต่อย่างใด หากแต่ทุกอย่างมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก รวมถึงการลงทุนที่อาจจะเรียกได้ว่า "เดิมพันหมดหน้าตัก" ของครอบครัว "จุฑานุกาล" เลยก็ว่าได้

โดยเส้นทางการเดินเข้าสู่กรีนตั้งแต่เล็กๆ ของ "โปรเม" และพี่สาว "โมรียา จุฑานุกาล" หรือโปรโม ที่ต่างชาติรู้จักกันดีในฐานะ Thai Sisters นั้นจะว่าเป็นความบังเอิญก็ว่าได้หลังจากธุรกิจตกแต่งภายในของผู้เป็นบิดาต้องเจอวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 2540 จนต้องตกเป็นหนี้สินหลายสิบล้าน

"คือช่วงนั้นก็เลยหันมาเล่นกอล์ฟ เพราะไม่อยากให้เครียดมาก แล้วด้วยอายุขนาดนั้นมันก็กีฬากลอ์ฟนี่แหละ ก็เลยเล่นกอล์ฟทั้งวัน ผมออกไป 8 - 9 โมงกลับมา 3 - 4 ทุ่ม ก็เล่น ก็ไปบ่อยแข่งบ่อย จนชอบ ก็ได้มาเปิดโปรช็อป แล้วผมก็ต้องไปเรียนฟิตติ้งที่อเมริกา ที่เทกซัส คือไปอบรม 2-3 เดือนกว่าๆ" บิดาของโปร 2 พี่น้อง อย่าง "สมบูรณ์ จุฑานุกาล" เผย

"ตอนนั้นลูกสาวเขาก็เล่นกอล์ฟไปเรื่อยไปๆ ผมก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมเราไม่วางแผนให้เค้าดีกว่านั้น ก็เลยเริ่มวางแผน คือที่สำคัญผมว่าน่าจะวางแผนก่อน เหมือนเราสร้างเขื่อนเราต้องมีพิมพ์เขียว ก็เลยคิดว่าต้องเอาที่ร่างกายก่อนเป็นหลัก ผมก็พาเค้าวิ่งตั้งแต่ 5 ขวบ 4 - 5 ขวบก็คือวิ่งแล้ว"

"นอกจากวิ่งก็พาไปที่สนามไดรฟ์ ซื้อลูกมาให้เค้าเขี่ยเล่น ว่างก็ออกไปสอนเค้า ใครผ่านไปผ่านมาก็แนะนำบ้าง ก็สอนเองอยู่หลายปี เพราะเริ่มตั้งแต่ 5 ขวบ ก่อนจะเทิร์นโปรจริงๆ ก็ 9 - 10 ขวบที่ยอมเสียตังค์ให้โปรมาสอน ตอนนั้นก็เลยเริ่มจะรู้ว่าลูกพัตต์เค้าไม่ดี เพราะเขาเล็งผิดมาก"

"คือเขาก็พัตต์ลงมาตลอดนะ แต่วิธีเล็งของเค้าซึ่งเราเห็นว่ามันต้องพัฒนาแล้ว ก็เลยไปตัดแว่น ทำโน่นทำนี่ดูว่ามันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ เพราะเราหวังอนาคตไกลๆ เราไม่หวังชนะแค่ตรงนี้"

ไม่ง้อพรสวรรค์ทุกอย่างสร้างได้จากพรแสวงและเส้นทางที่ขีดเขียนไว้อย่างชัดเจน
"สำหรับผมไม่ต้องมีพรสวรรค์ มีพรแสวงนี่แหละครับ แล้วก็สองเรื่อง หนึ่งคือเรารักเค้า สองมีเวลา จากนั้นเราก็มาศึกษาดูว่าต้องเริ่มอย่างไร แต่ผมว่าร่างกายต้องมาก่อน เพราะมันต้องซัพพอร์ตความเหนื่อยยาก จากที่ต้องไปซ้อม แบกกระเป๋าบ้างอะไรบ้าง อย่างตอนเช้าพอตื่นผมก็ให้เค้าออกกำลังข้อมือทุกเช้า"

"โดยที่เอาดัมเบลผูกติดกับสายไฟ มีท่อพลาสติกร้อยแล้วก็หมุนขึ้นมา ให้เค้ายืนหมุน เสร็จแล้วก็ไปโรงเรียน แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้านักเรียนนะ คือแม่เค้าจะเตรียมทุกอย่างขึ้นรถไว้ พอไปโรงเรียนก็ไปวิ่งรอบโรงเรียนอีกประมาณ 3 กิโลครึ่ง เอรียาเค้าจะวิ่งช้า ผมก็จะต้องถืออะไรสักอย่างไล่หลังเค้า ก็วิ่งทุกวัน เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ ผมมีรถตู้เล็กๆ คันนึงพอเปลี่ยนเสร็จก็เข้าโรงเรียน แล้วก็กินอาหารพวกผัก ปลา ผลไม้อย่างแอปเปิ้ล แล้วก็ไข่คนละลูก อันนี้นี่บังคับเลย"

แผนที่วางไว้ให้ลูกๆ กับกฏระเบียบของโรงเรียนค่อนข้างจะขัดกัน โชคดีที่คุยกันลงตัว..."ด้วยความที่ผมตั้งใจจะให้ลูกผมเป็นอาชีพกอล์ฟเลยไง ตอนแรกๆ ก็มีปัญหาต้องไฟท์กับโรงเรียน เพราะเราเรียนแค่ครึ่งวัน ซึ่งพอชั่วโมงเรียนไม่ถึงมันก็สอบไม่ได้ บังเอิญอาจารย์ใหญ่เค้าเป็นซิสเตอร์แล้วเค้าเข้าใจ ก็เลยประชุมครู แล้วก็บอกว่าให้เพื่อนทำรายงานแทนได้"

"คือเราเรียนแค่เที่ยงจริงๆ แล้วผมก็เตรียมอาหารให้เค้าก่อนตอนเที่ยง แล้วก็ไปสนามซ้อม เสร็จประมาณ 5 โมงเย็นเราจะเลิกทันที เพราะพอแดดร่มคนอื่นเริ่มจะมาแล้ว คนอื่นเค้าชอบร่มๆ ผมชอบแดดๆ จากนั้น 5 โมงเย็นก็ขึ้นรถ ผมก็จะบังคับให้เค้านอนชั่วโมงนึง แต่ไม่ถึงหรอกประมาณ 40 นาทีก็ถึงสระว่ายน้ำ ก็จะว่ายน้ำประมาณ 2 พันเมตรโดยเฉลี่ย"

ทุ่มหมดหน้าตัก
"ตอนหลังพอเค้าเริ่มเป็นนักกอล์ฟที่พอใช้ได้แล้ว มีการแข่งขันอะไรบ้าง มีรางวัลชนะบ้าง เราก็เริ่มรู้ว่ามันเป็นไปได้ แชมป์แรกน้องเม 8 ขวบก็ได้แล้วมั้ง ในเมืองไทย รายการเล็กๆ พวก 9 หลุม ก็ได้มาพอควร จนได้คัดตัวไปแข่ง JuniorWorld ที่อเมริกา ก็ได้ที่ 2 กลับมา ตอนนั้นก็รู้แล้วว่ามันไปต่อได้ ก็ตัดสินใจเรื่องเรียน ก็จบ.6 ก็วางแผนแบบนี้เราก็ต้องบินไปอเมริกา เพื่อจะได้รู้ว่าผู้คนเค้าตีกันยังไง เราเก่งจริงมั้ย เก่งจริงหรือยัง"

"ไปอยู่ 8- 9 เดือนเลย ตอนแรกๆ ก็นอนโรงแรม 100 เหรียญบ้าง หลังๆ มาก็นอนโมเต็ลห้องละ 60 - 50 เหรียญบ้าง เค้าให้นอน 2 คนเราก็นอน 4 เอรียานี่นอนพื้นตลอด ไม่เคยเจอเตียง จนนอนเตียงไม่ได้เลย ก็คือตอนนั้นเช่าโมเต็ลอยู่บ้าง บางทีก็ไปขอแชร์กับคนไทยที่เค้าอยู่ที่นั่น แต่ส่วนใหญ่อยู่โมเต็ลไปเรื่อยๆ เสร็จจากรัฐนี้ก็ไปแข่งรัฐนู้น"

"เรื่องค่าใช้ค่าใช้จ่ายก็คือผมก็เตรียมเงินไว้ก้อนนึง ขณะเดียวกันทุกอย่างก็ต้องประหยัดหมด เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไป ต่างประเทศเราต้องใช้เงินเยอะมาก แต่ถึงจะขนาดมากๆ แล้ว ก็ยังไม่พอเพราะตอนหลังเนี่ยเราเริ่มเดินทางเยอะ เราไม่มีประสบการณ์ ไม่มีใครเขียนเรื่องว่าเราต้องทำยังไงถึงจะประหยัด ก็ค่าใช้จ่ายเยอะไปนิดนึง เสร็จแล้วเงินมันก็ขาด ก็ต้องขายบ้านไป 2 หลัง คือเป็นลักษณะเหมือนตึกแถวสองห้อง"

"ถามว่ารวมๆ ใช้เงินไปเท่าไหร่ก็เกิน 20 ล้าน ไม่นับรวมโอกาสที่เราหาเงินได้มันก็หายไปเท่าไหร่ด้วย เพราะเราต้องไปด้วยกันตลอด คือผมมีเงินสด 10 ล้าน ตอนแรกก็คิดว่าสบายๆ ไม่พอ ไม่พอก็ขายรถ ผมมีรถเบนซ์ก็ขายไป บ้านสองหลังไม่พอก็กำลังจะขายที่ พอดีเอสซีจียื่นมาเข้ามา คือก่อนหน้านั้นช่วงหนึ่งผมก็เข้าไปอยู่กับสิงห์เค้าก็ช่วยเราแล้วก็คนอื่นๆ ด้วย แต่ว่าเพราะเราเน้นแข่งมากๆ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอะไรมันก็เยอะอยู่"

เหล่านี้คือเรื่งอราวบางส่วนที่กำลังจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ “โปรเม” อัจฉริยะต้องสร้าง โดยบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ร่วมกับ บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด, บริษัท นอร์ธสตาร์ สตูดิโอ จำกัด และ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด กำกับน้องใหม่ “คิม-ธนวัฒน์ เอี่ยมจินดา” นำแสดงโดย เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง และ 2 นางเอกน้องใหม่ คริสซี่-กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์ , ปริม-อัจฉรียา พร้อมกำหนดฉายให้ชม 8 สิงหาคมนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น