xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) "ธีร์" สารภาพสิ้นไส้ ได้เงินบริจาค 8 ล้าน โอนเงิน 6.4 ล้านให้แฟนหนุ่ม หลังจากนี้ไม่ต้องบริจาค ไม่ตายแล้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"ธีร์" ดาราป่วยสารภาพ ได้รับเงินบริจาค 8 ล้าน ไม่บอกความจริงเพราะกลัวโดนอายัดเงิน หวั่นจะไม่มีเงินให้แม่ บ้านราคา 1.9 ล้านไม่ได้ซื้อเอง แต่เช่าในราคา 2 พัน ต่อจากแฟนหนุ่ม แพลนตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. อยู่บ้านเอื้ออาทรมันอุดอู้ ยืนกรานเป็นเงินของแฟน ไม่ใช่เงินบริจาค แต่ยอมรับโอนเงินบริจาคให้แฟนหนุ่ม 6.4 ล้าน เพราะซึ้งที่ไม่ทิ้งกัน เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ ออกมาพูดความจริงเพราะแคร์คนไทยที่เมตตา เผยได้รับการรักษาฟรีมาโดยตลอด หลังจากนี้ไม่ต้องบริจาค ไม่ตายแล้ว

กลายเป็นประเด็นดรามาเรื่องยอดเงินบริจาค หลังจากที่ "ธีร์ ภูมิธนวัชร์" อดีตดาราที่ป่วยเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ออกมาขอความช่วยเหลือ พร้อมบอกจะอยู่ได้อีกไม่นาน จนทำให้มีคนโอนเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ต่อมาธีร์ย้ายออกจากบ้านเอื้ออาทร ไปอยู่บ้านหลังใหม่ พร้อมมีคนออกมาแฉถึงความผิดปกติในการใช้ทรัพย์สิน รวมทั้งมีรถยนต์จอดอยู่ในบ้าน 1 คัน เมื่อมีผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามธีร์ เจ้าตัวก็ยืนยันว่ามีคนให้มาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีสัญญาเช่าเดือนละ 2 พันบาท ส่วนรถก็ขาดส่งค่างวด กำลังจะถูกไฟแนนซ์ยึด ส่วนเงินบริจาคคาดว่าได้แค่ 5 หมื่นถึง 6 หมื่น และไม่ยอมเปิดเผยจำนวนตัวเลขที่แท้จริง

ต่อมาธีร์ก็ออกมายอมรับว่ายอดเงินบริจาคมีทั้งสิ้น 5 แสน ส่วนที่บอกว่าได้แค่ 5 หมื่นเป็นเพราะเบลอจากการกินยา ดรามายังไม่จบ หลังจากที่ "เอ็มมี่ แม็กซิม" ซึ่งเป็นคนออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือแทนธีร์คนแรก ได้ออกมาให้ข่าวทำนองว่าแท้จริงแล้ว ธีร์ได้รับเงินบริจาคสูงถึง 8 ล้านบาท

ล่าสุดในวันนี้ (30 ก.ค.) ธีร์ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ทุกเรื่องในรายการต่างคนต่างคิดที่่ช่องอมรินทร์ทีวี 34 HD ถ.อรุณอมรินทร์ 39 ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก ยอมรับว่าได้เงินบริจาค 8 ล้านจริง แต่ใช้ไปแล้ว 5 แสน ตอนนี้เหลือ 7.5 ล้าน และปิดรับบริจาคแล้ว ไม่ถูกขุดก็ตั้งใจจะบอกความจริงอยู่แล้ว ส่วนบ้านเป็นเงินของแฟนซื้อเอง ไม่เกี่ยวกับเงินบริจาค ส่วนที่ปกปิดความจริง เพราะกลัวว่าจะถูกอายัดเงิน ยอมรับที่ผ่านมาได้รับการรักษาฟรี หลังจากนี้จะไม่ร้องไห้ขอเงินแล้ว ถ้าจะช่วยขอให้ช่วยซื้อตุ๊กตาที่โพสต์ขายดีกว่า อยากให้เข้าใจเอ็มมี่ช่วยด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ วันนี้ได้พูดและบอกความจริงกับสังคมแล้ว คิดว่าคนไทยเมตตา อยากได้เงินให้แม่เก็บไว้ เพราะไม่รู้ตนกับแม่ใครจะไปก่อน หลังจากนี้ ไม่ต้องบริจาคให้แล้ว ส่วนเงินที่อยู่กับแฟน จะขอโอนให้แม่เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และทำให้แม่ หากวันหนึ่งจากไปก่อน เงินก็อยู่กับแม่ ส่วนแฟนเป็นผู้ชาย คบมา 3 ปีแล้ว

ธีร์ : "เงินบริจาค 8 ล้านบาทครับ สาเหตุที่บอกว่าได้ 5 หมื่น ก็เป็นหนี้บัตรเครดิต กลัวจะโดนอายัด และจะไม่มีเงินเก็บไว้ให้แม่ ก็เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด แต่พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 4-5 วัน ก็รู้สึกเครียด รวมถึงตัวคุณแม่เองก็มีอาการเบาหวานความดันขึ้น ซึ่งพอดีช่วงนั้นน้องเอ็มมี่เขาโทร.มา แล้วเขาก็ให้ธรรมะกับผมบางข้อ เอ็มมี่เขาก็บอกกับผมว่าหายไปเลยจากสังคมก็ได้ หรือจะออกมาพูดความจริง เพราะทุกคนที่ช่วยพี่เขาช่วยด้วยใจ ผมก็เลยเลือกที่จะออกมาพูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อันนี้คือความจริงครับ ก็คือผมกลัวจะโดนอายัดบัญชี และกลัวว่าจะไม่มีเงินเก็บเอาไว้ให้แม่ครับ"

เผยตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเอื้ออาทร เพราะอุดอู้ ส่งผลกระทบสุขภาพ แต่ยืนกรานเช่าต่อจากแฟนในราคา 2 พัน ขณะที่แฟนควักเงินจ่ายไป 1.9 ล้าน
ธีร์ : "ถ้าพูดถึงเรื่องบ้านหลังนี้ ผมไม่ได้ซื้อ แต่ผมเช่าในราคา 2,000 บาท จริงๆ เป็นการเช่าบ้านต่อจากแฟนครับ ซึ่งมันเป็นแพลนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน เนื่องจากตอนที่อยู่ที่เอื้ออาทรมันรู้สึกอุดอู้ หรือเวลามีคนสูบบุหรี่ผมก็จะต้องสูดรับควันเข้าไปด้วย มันเลยทำให้ทั้งผมทั้งแม่ร่างกายทรุดโทรม จากนั้นเราก็เลยตัดสินใจย้ายออกมา"

"ถามว่าแฟนเอาเงินจากไหนมาซื้อ ราคาตามที่เขาได้เขียนเอาไว้ในกระดาษ ก็คือ 1.9 ล้าน ก็คือให้แฟนหา แล้วแฟนไปคุยกับเจ้าของบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นสัญญาจะซื้อจะขายกัน คือเขาตั้งใจให้ธีร์อยู่ฟรีนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ธีร์ได้รับเงินบริจาคมาแล้ว ธีร์ก็เลยแสดงความบริสุทธิ์ใจขอช่วยค่าใช้จ่ายแค่ 2,000 บาท รวมถึงช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ น่าจะดีกว่า"

ยืนยันไม่ได้นำเงินบริจาคไปซื้อ แฟนซื้อของเขาอง
ธีร์ : "เป็นเงินของเขาเอง เพราะเงินบริจาคตอนนี้ยอดคงเหลือคือ 7,500,000 บาท และยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเงิน 500,000 บาท ที่หายไป นั่นก็เกิดจากการใช้หนี้ให้กับบางท่าน ซึ่งผมเองก็ต้องขอบคุณเจ้าหนี้บางรายที่มีความเมตตาในตอนที่ผมตกทุกข์ได้ยาก ให้ผมได้หยิบยืมเงิน แต่เพราะตอนนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมเลยต้องคืนเงินไปบ้างบางส่วน ซึ่งก็ยังมีอีกหลายส่วนครับที่ยังไม่ได้คืน ส่วนเรื่องที่ผมไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่แรก อันนี้ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบไป ผมกลัวเรื่องการถูกอายัดเงินครับ"

โอนเข้าบัญชีแฟน 6.4 ล้านเพราะกลัวถูกอายัด แถมซาบซึ้งที่อีกฝ่ายไม่ทิ้ง เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ คอยดูแล ปรึกษาทนายจะโอนเงินเข้าบัญชีแม่ จะได้สบายใจและตายตาหลับ
ธีร์ : "โอนเงินเข้าบัญชีแฟน เพราะกลัวโดนอายัดไงครับ ประมาณ 6.3 ล้าน ถึง 6.4 ล้านครับ ซึ่งตอนนี้เหลือเงินอยู่ในบัญชีธีร์ประมาณ 150,000 บาท กว่าๆ ครับ ถามว่าเราไว้ใจเขาขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องขอบคุณมากเลยครับสำหรับคำถามนี้ เพราะนับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน ช่วงที่ผมป่วยหนักมากๆ จนถึงขั้นเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เขาก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหน ขนาดผมไม่มีเงินผมต้องออกจากงาน เขาก็ยังมาช่วยดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร แถมยังขับรถไปๆ มาๆ เป็นระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร เพื่อมาช่วยดูแล"

"แม้แต่ตอนที่ผมนอนป่วยเป็นคนไข้ติดเตียง เขาก็ยังจ้างคนไปช่วยดูแลร้านแทนเขา และตัวเขาก็มาช่วยดูแลผมเป็นการถาวร มันเลยทำให้ผมรู้สึกประทับใจ รวมถึงไว้ใจในตัวเขา แต่เมื่อสักครู่นี้ผมก็ได้ปรึกษากับทางทนายความเบื้องต้นแล้วว่า หากเป็นไปได้จะสามารถนำเงินมาไว้ในบัญชีคุณแม่ได้ไหม เนื่องจากท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ผมก็เลยกังวลเรื่องนี้ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าผมกับแม่ใครจะจากไปก่อน อย่างน้อยๆ ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม ผมก็จะได้สบายใจและตายตาหลับว่าเงินยังอยู่ในบัญชีแม่"

ไม่มีเหตุผลอื่นจนปกปิดยอดเงินบริจาค รับแคร์คนไทยเมตตาช่วยเหลือ ห่วง "เอ็มมี่" ต้องมาโดนประณามไปด้วย
ธีร์ : "ถามว่านึกถึงคนบริจาคไหม นึกถึง เพราะเอ็มมี่เขาก็ให้ตัวเลือกกับผมมาว่า จะหายเงียบไปเลยและยอมให้สังคมประณาม หรือผมจะเลือกออกมาพูดความจริง ซึ่งวันนี้ผมก็เลือกแล้วว่าจะออกมาพูดความจริง เพราะผมเองก็แคร์ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ ความรู้สึกของคนที่เมตตาผม"

"รวมถึงตัวเอ็มมี่ที่เขาก็ตั้งใจช่วยผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่มันกลับทำให้เขาถูกมองว่าเรามีนอกมีในกันหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆ นะครับ เงินแค่บาทเดียวเอมมี่เขาก็ไม่เคยได้จากผม เอมมี่ไม่เคยขอรับค่าตอบแทนใดๆ เพราะเขาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ผมไม่รู้นะครับว่าใครจะมองว่ายังไง แต่ที่ผมประสบกับตัวก็คือน้องเป็นคนที่งามทั้งภายในและภายนอก ผมขอกราบน้ำใจของเอมมี่ ขอบคุณน้องมากครับ"

ต่อให้ไม่ถูกขุดเรื่องเงินบริจาค ก็ตั้งใจจะออกมาบอกยอดเงินอยู่แล้ว ไม่บอกความจริงคงละอายมาก
ธีร์ : "ผมตั้งใจอยู่แล้วครับว่าจะบอก เพราะก่อนหน้านี้เวลาที่มีนักข่าวไปหาที่บ้าน ผมก็จะบอกเสมอว่าเดี๋ยวผมขอไปอัปเดตสมุดบัญชีก่อนนะ ถ้าหากได้ตัวเลขที่ชัดเจนมาเมื่อไหร่ ผมจะบอกกับทุกคนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้สังคมได้รับรู้ แต่พอมีประเด็นเอ็มมี่แฉว่าเงินในบัญชีธีร์มีมากถึง 8 ล้านบาท เราก็เลยได้พูดคุยและเข้าใจกัน อีกอย่างถ้าหากผมไม่ได้บอกความจริง ผมเองก็คงอยู่ไม่ได้ และก็คงรู้สึกละอายใจมาก ดังนั้นวันนี้ผมถึงได้ออกมาพูดความจริงครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแบบนี้นะครับ"

ไม่ได้โกหกอยู่กับแม่แค่ 2 คน แต่แฟนโผล่มา ชี้เขาเพิ่งจะมาอยู่แบบถาวรต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
"ไม่ได้โกหกครับ เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ป่วย ผมยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาก็เลยมาหาแค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ตอนนั้นผมอยู่กับแม่แค่สองคน แต่พอมาถึงช่วงประมาณวันที่ 20 มิถุนายน ผมก็เริ่มมีอาการท้องเสียหนักมาก และก็ต้องเข้าโรงพยาบาลนานถึง 3 สัปดาห์ จากนั้นผมก็มีสภาพร่างกายแย่ลง ต้องนอนยาวเลย แต่ก็มีเขานี่แหละครับที่มาช่วยดูแล ซึ่งเขาก็เพิ่งจะอยู่แบบถาวรเมื่อช่วงต้นกรกฎาคมนี่เอง"

เงิน 5 แสนจ่ายหนี้ และจ่ายเงินที่ติดค้างบ้านเอื้ออาทร
ธีร์ : "จ่ายหนี้บ้างบางส่วนครับ รวมถึงเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายที่ติดค้างไว้ช่วงที่อยู่บ้านเอื้ออาทร ไม่ว่าจะเป็น ค่าส่วนกลาง ค่าขยะ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ"

"ถามว่าได้แจ้งคนบริจาคไหมว่านำเงินสว่นนี้ไปใช้หนี้ ก็แจ้งตรงนี้เลย แต่ว่าเจ้าหนี้ท่านอื่นผมก็ขอกราบเรียนตรงนี้เช่นกันนะครับ ว่าผมใช้คืนแน่นอน แต่ขอทยอยใช้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่ธีร์โพสต์ขายตุ๊กตา หรือขายกระเป๋า ธีร์ก็ทำเพื่อที่จะนำเงินตรงนั้นมาทยอยใช้หนี้ เพราะผมเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่รบกวนเงินของประชาชนทุกท่าน ที่ส่งมาให้ผมเพื่อนำไปใช้รักษาตัวด้วยความเมตตา ผมขอกล่าวด้วยความสัตย์จริงและจากใจว่าจะไม่มีทางนำเงินไปใช้หนี้อีก แต่ที่ก่อนหน้านี้ต้องนำเงินไปใช้หนี้ก่อนก็เป็นเพราะว่าทางเจ้าหนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมจึงเข้าใจดีว่าเวลาที่เราเดือดร้อนแล้วเขาช่วยมันเป็นอย่างไร พอวันนี้ผมได้คืนเขาไปแล้วก็รู้สึกสบายใจครับ"

"ตอนนี้ผมมีหนี้ ถ้ารวมบัตรเครดิตด้วย หนี้ต่างๆ ด้วยก็ล้านกว่าบาท (คนที่เขามาช่วยเราเขาก็มีหนี้?) ไม่จ่ายแล้วครับ ไม่จ่ายเลย ก็จะเป็นเงินจากการขายตุ๊กตา จากการขายกระเป๋า เพราะธีร์โพสต์ขายก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวแล้ว ธีร์ขายของธีร์มาตั้งนานแล้ว"

ยอมรับไม่อาย อัดคลิปร้องไห้ขอรับเงินบริจาคต่อ ทั้งที่ได้มาแล้ว 8 ล้าน หวังเก็บเงินให้แม่ ตอนนี้ปิดรับบริจาคแล้ว
ธีร์ : "สิ่งที่ธีร์ได้สารภาพไปแล้วจากใจเลยว่า ทำงานมาทั้งชีวิตในวงการ 10 ปี เก็บเงินได้มาสุด 5 ล้าน ยังไม่หักค่าใช้จ่ายเลยนะ ธีร์ก็ดีใจแล้ว แต่นี่พอมีเงินเยอะปุ๊บ ก็คิดว่าเดี๋ยวสักสิ้นเดือนกรกฎาคมจะพอแล้ว อันนี้ยอมรับอย่างไม่อาย อย่างลูกผู้ชายเลยว่าอยากเก็บเงินให้แม่ได้มากที่สุด ก็เลยโพสต์คลิป แต่ว่ามันจะมีอยู่ช่วงสัปดาห์ท้าย อันหนึ่งตรงที่ว่าไปทานยาสมุนไพร แก้ปวดเมื่อย พอทานเข้าไปแล้ว เลือดลมมันแปรปรวน เราก็เหงื่อแตก แล้วก็ไข้ขึ้นสูง เลยคิดว่าเราจะไปจริงๆ ก็เลยโพสต์ว่าถ้าไม่ได้อยู่ต่อ อันนั้นคือความรู้สึกจากใจจริงๆ"

"ผมตั้งใจจะหยุดปลายเดือนกรกฎาคมแล้วก็โพสต์ขายตุ๊กตา แล้วแต่ใครจะเมตตา ซึ่งตอนนี้ก็ปิดแล้ว ไม่ขอรับบริจาค ใครจะช่วยก็ขอให้ช่วยเป็นเรื่องของช่วยอุดหนุนตุ๊กตา กระเป๋า จะดีกว่า หรือเป็นข้าวสารอาหารแห้ง ก็แล้วแต่ท่านเมตตาส่งมา ก็หยุดรับบริจาคไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว"

ยอมรับความจริง หยุดรับเงินเพราะเจอกรณีแบบนี้ เข้าใจทำเกินกว่าเหตุมากเกินไป
"ก็อันนี้คือความจริงที่เราอยากพูดว่านานาจิตตัง เราเข้าใจ เราไม่โทษ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่สังคม พี่ๆ สื่อ พี่น้องทั่วประเทศเกิดคำถาม ผมบางทีก็เส้นผมบังภูเขา จะได้ฉุกคิดว่าอ๋อ บางทีเราทำเกินกว่าเหตุนะ ถ้าไม่มีเหตุ ไม่มีมูลปุ๊บบางทีเราก็ไม่รู้ตัว อันนี้ก็ต้องยอมรับความจริง"

ย้ำแฟนต่างหากที่อยากจะทำบ่อปลาคาร์ฟ แต่เล็กๆ ไม่ใหญ่โต และไม่เกี่ยวกับเงินบริจาค ส่วนค่ารักษาฟรีทุกอย่าง
"อันนี้เรื่องของแฟน ที่เขาคุยกับเจ้าของบ้าน ทุกวันนี้บ้านก็ไม่ได้ซื้อ ก็เช่าเขา เขาตกลงกัน ว่าทำเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่ แต่กล้องมันแพลนว่าใหญ่ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้ ไม่ได้ทราบ ไม่ได้เกี่ยวกับเงินเราเลย ไม่เกี่ยวกับเงินที่ทุกท่านบริจาคมาเลย เงินที่ทุกท่านบริจาคมา มันเป็นตังกุย ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ ยาลดความดันให้แม่ทั้งนั้น เพราะของผมเนี่ย น้องเอ็มมี่ติดต่อให้กรมวัณโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้วก็ประกันสังคมเข้ามาช่วยดูแลเรา ฟรีทุกอย่าง ดูแลดีมาก อันนี้ต้องยกความดีให้แม่พระของธีร์ น้องเอ็มมี่"

"เงิน 7.5 ล้าน เราก็กำลังคิดว่าจะฝากยังไงให้มันได้ดอกเบี้ยสูง เพราะตอนนี้การลงทุนมีความเสี่ยงสูง แล้วก็เอาไว้ในบัญชีของแม่ แต่เนื่องจากแม่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ได้ปรึกษากับทนาย ว่าเป็นไปได้ไหม ให้เปิดบัญชีเป็นชื่อแม่ แต่ว่าผมมีอำนาจในการเซ็น แล้วบัตรเอทีเอ็มเราก็ถือไว้ เวลาจะใช้อะไรเราก็เอามาใช้บ้าง แต่ว่าตอนนี้ใช้จริงๆ มันก็ไม่เยอะ เพราะว่าค่ากิน ค่าเช่าบ้าน 2,000 บาท มันก็ไม่เกินหนึ่งหมื่น หมื่นนิดๆ ก็เอาจากรายได้ที่ขายกระเป๋าขายตุ๊กตาได้ ก็ไม่ต้องแบ่งเงินเป็นค่ารักษา รักษาตัวตอนนี้รักษาฟรี"

เอ็มมี่ : "คือเมื่อก่อนนี้พี่เขาจะซื้อยาเอง แต่หลักจากที่เราโพสต์ ทางกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาขอดูแลเป็นเคสพิเศษค่ะ ถ้าเอ็มมี่ไม่โพสต์ ก็น่าจะไม่มีใครรู้ค่ะ ก็อาจจะไม่ได้รักษาฟรี ก็คงต้องเป็นหนี้ต่อไป

ธีร์ : "เงินก้อนนี้ไม่ต้องใช้รักษาตัว ก็เก็บไว้ให้แม่ครับ ณ ตอนนั้นก็บอกผ่านสื่อ ถ้าสังเกตดีๆ จะบอกเสมอว่าช่วยแม่และธีร์ด้วยนะครับ ช่วยแม่และธีร์ ก็คือเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่เราไม่ได้ขยายความ คนก็เลยบริจาค เขาก็เลยคิดว่าเอามารักษาด้วย อันนี้เราต้องกราบขอโทษจริงๆ (พนมมือไหว้) ที่ไม่ได้ขยายความ"

"ค่ารักษาไม่ต้องจ่ายตั้งแต่เอ็มมี่โพสต์ คือตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.แล้ว แล้วทางประกันสังคมเขาจะให้เราวันละ 80 บาท ค่าว่างงาน ก็น่าจะเริ่มต้นเดือนหน้ามั้ง ก็เท่ากับเดือนหนึ่งเราก็จะมีเงินพิเศษอีก 2,400 บาท"

ขอโทษทุกคนที่่ช่วยเหลือและอาจจะลำบากกว่าตนแล้ว ตอนนี้ยอมรับความจริงแล้วจะไม่อัดคลิปร้องไห้ขอเงินอีก
"ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณ (พนมมือ) แล้วก็ต้องกราบขอโทษทุกๆ ท่าน ที่ธีร์ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดตั้งแต่แรก และทำให้เข้าใจผิด ณ ตอนนี้ธีร์ยอมรับความจริง แล้วก็ออกมาพูดความจริงทุกอย่าง อย่างลูกผู้ชาย อย่างลูกคนหนึ่งที่ตอนนี้เหลือแม่คนเดียว ผมจะไม่ดรามาแล้ว ผมจะไม่ร้องไห้ขอเงินแล้ว ถ้าจะช่วยผม ก็เป็นตุ๊กตากับกระเป๋าที่ผมจะโพสต์ขายจะดีกว่าครับ สิ่งสำคัญก็คืออยากให้ทุกคนเข้าใจเอ็มมี่ ว่าเขาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่หวังผมตอบแทนใดๆเลย ถ้าไม่มีเอ็มมี่ ธีร์ก็ไม่มีวันนี้ครับ จริงๆ ก็ขอบคุณเอ็มมี่มากๆ"

เอ็มมี่เซ็งถูกด่าสร้างภาพ สมรู้ร่วมคิด ยืนกรานไม่มีส่วนร่วมในเงินแม้แต่บาทเดียว
เอ็มมี่ : "ก่อนอื่นเลยนะคะ ต้องกราบขอบคุณทุกคนที่เมตตาโอนเงินให้พี่ธีร์ ในการที่เขาจะไปใช้ดำเนินชีวิตต่อไป เงินที่บริจาคมาจริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของคนที่เขาได้รับบริจาค ถ้าเกิดเขาเอาไปใช้ในทางที่ดี เอ็มมี่เชื่อว่าคนที่บริจาคก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน"

"แต่ถามว่าเอ็มมี่ได้รับผลกระทบไหม ก็มากค่ะ เพราะวันที่โพสต์ คนก็บอกว่าเราสร้างภาพ เราก็นิ่งๆ ไม่ว่าอะไร แต่หลังจากมียอด 8 ล้านขึ้นมา ก็ทำให้เอ็มมี่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย บอกตรงๆ เลยว่าตั้งแต่วันแรกที่โพสต์ ไม่เคยโทร.ถามพี่ธีร์เลย ว่าได้เงินยอดเท่าไหร่แล้ว จนมันมีคนอินบ็อกซ์มาหาเรื่อยๆ จนเกิดเรื่อง ก็เลยตัดสินใจพูดความจริงกับพี่ธีร์ ว่าจะออกมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจไหม เพราะเอ็มมี่ช่วยพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าวันนี้พี่ไม่ออกมาพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งมีดาราคนอื่นป่วย เอ็มมี่ไม่สามารถช่วยใครได้อีกเลย เอ็มมี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเอ็มมี่ทำเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เอมมี่ไม่ได้หวังอะไรเลย ไม่เคยขอเงินพี่ธีร์แม้แต่บาทเดียว"

ธีร์ : "จริงครับ"

เอ็มมี่ : "เราได้รับผลกระทบตรงนี้ ตอนนี้มีข่าวบอกว่าเอ็มมี่เป็นคนโอนเงินให้พี่ธีร์ด้วย 8 ล้านบาท เอาตรงๆ ว่าทุกวันนี้ยังหาเช้ากินค่ำอยู่เลย ก็เอาเป็นว่าวันนี้เอ็มที่ตั้งใจทำมากๆ เอ็มมี่กับพี่ธีร์ เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เอ็มมี่เจอในกรุ๊ป ก็เลยขอว่างั้นโอเคงั้นช่วยกันก็ได้ ก็เลยโพสต์คลิปพี่ธีร์ค่ะ"

"ถามว่ารู้สึกซวยไหม ตอนแรกมีความสุขที่ได้เป็นจิตอาสา พอมีผลกระทบ เลยคิดว่าทุกอย่างมีทางออก เลยตัดสินใจคุยความจริงกับพี่ธีร์ ว่าจริงๆ แล้วยอดเท่านี้ ทำไมไม่พูดความจริง ขอเหตุผลให้เอ็มมี่ได้ไหม เพราะเราก็เป็นคนตรงๆ ขออย่างเดียว ถ้าเราช่วยแล้วต้องตรง ต้องซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ใจกับเอ็มมี่จริงๆ"

หวั่นคนที่เดือดร้อนจะได้รับผลกระทบไปด้วย เชื่อคนไทยเมตตา
ธีร์ : "ก็แอบกลัวว่าคนเดือดร้อนต่อไปจะทำยังไง แต่หลังจากนี้ที่ผมได้พูดและบอกความจริงกับสังคมแล้ว ผมว่าคนไทยเมตตาแล้วก็เข้าใจ เพราะผมพูดความจริงจริงๆ อยากได้เงินให้แม่เก็บไว้มากๆ ไม่รู้ว่าแม่หรือผมที่จะไปก่อนกันแน่ อันนี้คือความบริสุทธิ์ใจที่ผมอยากชี้แจงกับพี่น้องทุกคน แต่หลังจากนี้ไม่ต้องบริจาคให้ธีร์แล้วครับ"

เล็งโอนเงินจากบัญชีแฟนให้แม่เพื่อความบริสุทธิ์ เผื่ออนาคตไปก่อน
ธีร์ : "จะขอโอนให้แม่เพื่อความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง และได้ทำให้แม่แล้วว่าวันหนึ่งถ้าธีร์ต้องจากไปก่อนอยู่กับแม่แล้วนะ"

เรื่องรถเช็กได้ ผ่อนไม่ไหวก็คืนแฟน และไม่ใช่ชื่อตน จวกพี่น้อง ตอนตนป่วยก็หายหัว แต่พอรู้ว่ามีเงิน 8 ล้านก็เข้ามา ยืนยันไม่แบ่งให้
ธีร์ : "คนคาใจว่าเป็นรถป้ายแดง จริงๆ แล้วฝนตกหลังคาบ้านมีแค่ครึ่งเดียวก็เลยเอาผ้าคลุมไว้แฟนเขามีรถ 2 คัน ทีนี้ธีร์ก็เลยขอผ่อนกับเขา มีบ้างไม่มีบ้างก็ตามประสาแฟนกัน จนป่วยออกจากงานมาก็ไม่ได้ส่งเขา 4-5 เดือน ก็เลยคืนเขาไป ชื่อรถก็เช็กได้เลยครับ ว่าไม่ใช่รถชื่อธีร์ แล้วก็ไม่ใช่ชื่อเขาเป็นชื่อน้องเขย เพราะว่าเขาก็ยังผ่อนอยู่เหมือนกัน"

"สรุปแล้วธีร์ซื้อบ้านไหม ก็ไม่อยากซื้อ อยากมีรถไหมก็ไม่อยากมี เพราะยังขับไม่ได้ อยากทำอะไร อยากเก็บเงินไว้ให้แม่อย่างเดียว เพราะว่ามันทำให้ธีร์ได้เรียนรู้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เอ็มมี่สอนพี่ธีร์ว่าให้รักตัวเองให้มากๆ มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยรักแม่รักตัวเอง รู้จักรักตัวเองบ้างอย่าไว้ใจคนอื่นนอกจากตัวเอง ธีร์ก็เลยโอเคจริงอย่างที่น้องพูด หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เคยประสบพบเจอกล้าพูดเลยว่า พี่น้องธีร์ หลังจากทราบว่าธีร์ป่วยเงียบกริบ ทุกวันนี้หลังจากทราบว่าธีร์มีเงิน 8 ล้านมากันแล้วครับ ถามว่าจะแบ่งไหม ไม่แบ่งครับ"

เอ็มมี่ : "ก็อยากขอโทษสังคมทุกๆ คนที่โอนเงินให้พี่ธีร์ ขอโทษแทนพี่ธีร์ ที่พี่ธีร์ไม่ได้พูดความจริงตั้งแต่แรกนะคะ ตอนนี้พี่ธีร์ก็บอกเหตุผลเอ็มมี่ทั้งหมดแล้วว่าเพราะอะไร จากนี้ต่อไป เอ็มมี่เชื่อว่าเงินทุกบาททุกสตางค์พี่ธีร์จะเอาไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ และเอ็มมี่ขออนุโมทนาบุญทุกคนในครั้งนี้ด้วย เอ็มมี่เชื่อว่าไม่มีอะไรเรียบง่ายหรือสวยหรู แม้กระทั่งเราช่วยเรื่องเงินจริงๆ มันยังเป็นเรื่องแบบนี้ได้ วันนี้พี่ธีร์ก็ออกมายอมรับความจริงแล้ว ใครป่วยหรือใครเป็นอะไรเอ็มมี่ก็ยังสามารถทำตรงนี้ต่อไปได้ ก็ต้องขอบพระคุณทุกคนมากที่ให้โอกาสได้มาพูดในวันนี้"

อาการโดยรวมดีขึ้น น้ำหนักขึ้น 9 กิโล ไม่ใช่โรคติดต่อน่ารังเกียจ
"ตอนนี้อาการป่วยจากเดิมที่ผอมแห้งแรงน้อยมาก เดินไม่ได้ อาการป่วยค่าตับ ค่าไตต่อมน้ำเหลืองดีขึ้นมาก น้ำหนักขึ้น 9 โล ครับผม ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้ธีร์ต้องนั่งรถมาที่นี่ เพราะว่าหมอยังไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องบิน ก็บอกน้องเอ็มมี่ว่ามีบุญอะไรที่ทำก็เป็นสะพานบุญให้พี่ด้วย พี่ก็จะแจ้งแถลงไขบอกกับน้ำใจคนไทยทุกคน ที่โอนเงินให้พี่ว่า พี่จะขออนุญาตเอาเงินไปทำบุญร่วมกันนะ"

"อีกประเด็นที่อยากพูดคือ จะฟ้องหมอฟ้องโรงพยาบาลหรือเปล่า ก็เปล่า มีบางเว็บไซต์ก็เอาไปนำเสนอว่าธีร์ป่วยเป็นโรคติดต่อรุนแรง แต่คุณหมอมีใบรับรองแพทย์ออกมา ซึ่งธีร์ได้โพสต์ไปว่าเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ไม่ได้เป็นโรคนั้นแล้วก็ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แล้วก็ไม่ฟ้องแล้วนะครับ แต่คนก็ไม่กล้าเข้าใกล้เลย แล้วก็ไม่มีคนมาเยี่ยมเลย เราก็เหงาเลยหายไปไหนกันหมด"

ลั่นไม่ตายแล้ว แข็งแรง
"ไม่ตายแล้ว ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่ว่าปรึกษาทนายดังจริงๆ ฟ้องได้ ทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมเสียโอกาสในการทำมาหากิน ทำให้สังคมรังเกียจ คุณค่าทางสังคมมันประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ธีร์ไม่ฟ้องก็หวังว่า ถ้าเขารู้ตัว เขาจะไม่เมตตาออกข่าวดีๆ ให้เรา"

"เราเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ไม่ใช่วัณโรคที่เป็นโรคปอดที่ไอ ถ้าไอนี่ติดต่อ แต่ของธีร์เป็นข้างในต่อมน้ำเหลือง ก็กินยา ตอนนี้จากลูกเท่าแอปเปิ้ล เหลือลูกเท่าเม็ดมะยมแล้วครับ อาการดีขึ้น รักษามาประมาณเข้าเดือนที่ 5 แล้ว เข้าใกล้ได้ ไม่แพร่เชื้อ"

ไม่ปิดบัง มีแฟนเป็นผู้ชาย คบมา 3 ปีแล้ว
"ผู้ชายครับ เป็นคนดูแลครับ ไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้นครับ เขาดูแลผมมา 3 ปีครับ"












กำลังโหลดความคิดเห็น