"ระย้า รถไฟดนตรี" ใจสลายสูญเสียลูกชาย ต้องยกเลิกพิธีรดน้ำศพ ห่วงสภาพจิตใจเมีย พ้อชีวิต "โน้ต" กำลังเข้าที่เข้าทาง ต้องมาจากไปซะก่อน ย้ำลูกขี่บิ๊กไบค์ไม่เร็ว ไม่ได้ประมาท เป็นเส้นทางที่ขับรถผ่าน 30 ปีแล้ว เชื่อฟ้ากำหนดแล้ว เผยคำพูดสุดท้ายลูกชาย ก่อนจากกันนิรันดร์
บรรยากาศพิธีสวดพระอภิธรรมศพ "โน้ต ภัทร์นฤน พงษ์ธนานิกร" ลูกชาย "นายประเสริฐ พงษ์ธนานิกร" หรือ "ระย้า" แห่งค่ายรถไฟดนตรี ที่ประสบอุบัติเหตุขณะขับขี่รถบิ๊กไบค์ พุ่งชนขอบสะพานข้ามแยกคลองตันจนเสียชีวิต และได้ตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 4 วัดธาตุทอง เต็มไปด้วยความเศร้าโศก โดยมีทั้งญาติและคนบันเทิง เพื่อนฝูงคนรู้จักมาร่วมพิธีจำนวนมาก อาทิ แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร, แหม่ม พัชริดา วัฒนา, ปุ้ม อรวรรณ เย็นพูนสุข แห่งวงสาวสาวสาว รวมถึง แม่แดง ฉันทนา กิติยพันธ์, แม่เม้า สุดา ชื่นบาน, โมเม นภัสสร บูรณศิริ, ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์, มาวิน ทวีผล ฯลฯ ซึ่งระหว่างที่ทุกคนเข้ามากอดปลอบใจแม่ของโน้ต เจ้าตัวก็สุดกลั้นน้ำตา ทางด้าน "ระย้า รถไฟดนตรี" ก็เผยถึงความรู้สึกต่อการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวว่า
"วันนี้การเตรียมงานของเราอาจจะยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เพราะว่ามีเพื่อนๆ มาร่วมแสดงความเสียใจกันเยอะ ทั้งเพื่อนแม่ เพื่อนพ่อ และก็เพื่อนเขา ถือว่าคนเยอะครับ คนเยอะกว่าที่คาดเอาไว้มาก แต่ว่าทางเราไม่ได้มีพิธีรดน้ำนะครับ เพราะสภาพจิตใจของคุณแม่ค่อนข้างแย่มาก เราเองก็กลัวว่าถ้ามีพิธีรดจะแย่ขึ้นไปอีก ก็เลยยกเลิกดีกว่า"
"สำหรับสภาพจิตใจของเราทุกคน ไม่รู้จะพูดอะไร หัวใจมันสลาย เพราะเขาก็กำลังจะตั้งหลักได้ดี งานการทุกอย่างก็กำลังดี อีกทั้งเมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม 14 นาที ในคืนวันศุกร์ เขายังโทร.มาหาพ่อ บอกกับพ่อว่าจะขอนำโรงจอดรถในบริษัทไปทำเป็นอู่ซ่อมบิ๊กไบค์ ซึ่งพ่อก็ยินดี ยังบอกเขาเลยว่าให้ทำเลย ทำได้เลย เขาก็ตอบกลับพ่อมาว่า ขอบคุณมากครับพ่อ นั่นแหละครับคำพูดสุดท้ายของเขา"
บอกไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร แต่เชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะขับรถเร็วหรือประมาทแน่นอน
"ลางสังหรณ์ไม่มีเลยครับ เพราะปกติแล้วตัวโน้ตเขาจะเป็นคนที่มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรกับใคร ไม่วุ่นวายอะไรกับใครเลย หรือแม้แต่เรื่องไหนที่ไม่ดีเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง อย่างเวลาที่เขาอยู่ในบริษัทเขาก็ไม่เคยวางอำนาจกับลูกน้องเลย ไม่เคยทำตัวให้คนเกรงเพราะเป็นลูกเจ้าของบริษัท เวลาเจอใครเขาก็ยกมือไหว้สวัสดี ขนาดตอนที่เขาทำงานกับเพื่อนเขา เขายังมาบอกกับพ่อเลยว่าตกลงกันที่ 50 ต่อ 50 เพราะถ้าคนเราต้องทำงานด้วยกัน มันก็ควรที่จะแฟร์กัน เขาได้เราได้ ทุกคนจะได้มีความสุข"
"ถามว่าผมเป็นห่วงเขาไหมเรื่องการขี่รถมอเตอร์ไซค์ ช่วงแรกๆ ก็เป็นห่วงเขามากครับ แต่หลังๆ มานี้ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กหนุ่ม ที่จะมีกีฬา หรือมีกิจกรรมที่เขาชอบแตกต่างกันออกไป แต่ก็อย่างที่บอกครับ ช่วงแรกที่เขาเริ่มขี่พ่อเองก็ห่วง หรือแม้กระทั่งเวลาที่เขาสตาร์ทรถออกจากบ้าน พ่อเองก็ใจหาย และก็ภาวนาตลอดว่าขอให้พระคุ้มครองเขาด้วย"
"ตัวเขาเองก็รู้ครับว่าพ่อแม่เป็นห่วง เขายังรับปากเลยว่าจะไม่ขับรถเร็ว และพยายามเซฟตัวเองอย่างดีให้เราสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อก เสื้อ รองเท้า คือเซฟอย่างดีทั้งหมด แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ยกเว้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน ที่มีเหตุการณ์หนึ่งช่วงที่เขาขี่รถออกไปกับเพื่อน แต่บังเอิญว่ามันมีรถสองแถวยูเทิร์นมาพอดี เขาก็เลยต้องชะลอ แต่เพื่อนที่เขาตามเขามาไม่ทันเห็นก็เลยชนเข้ามาที่เขา ตอนนั้นก็มีแค่กระดูกขาแตก แต่สำหรับครั้งนี้จริงๆ เขาก็เซฟอย่างดีนะ เขาไม่ได้ขับเร็ว เขาไม่ได้ประมาท"
เผยมอเตอร์ไซค์คันนี้ต้องขอความเห็นจากครอบครัวก่อนว่าจะทำยังไงต่อ แต่บอกลูกคงไม่จำเป็นต้องมาบอกอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าพ่อแม่รักมาก
"สิ่งที่เขาบอกว่าอยากจะทำก็มีเยอะเลยครับ มีหลายๆ อย่างเลย อย่างบริษัทที่เขาทำอยู่ เขาเคยทำงานเกี่ยวกับพวกเวชภัณฑ์ พวกสำลี ผ้าก็อซ ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งเขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานมาอยู่ประมาณ 5-6 ปี แต่เขาเพิ่งจะพูดกับพ่อเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เขาบอกว่าตอนนี้หลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่แล้วนะพ่อ เริ่มมีกำไรให้เห็นแล้ว"
"เขามีโครงการอะไรของเขาอีกเยอะมากเลยครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เพิ่งจะเริ่ม ผมก็คงไม่ได้ไปสานต่องานให้เขาหรอกครับ เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เขาชอบ เขาชอบเรื่องรถ เขาชอบขับรถ ชอบมอเตอร์ไซค์ ขนาดวันไหนเขาว่างๆ อยู่บ้าน เขาก็ยังมานั่งถอดรถเป็นชิ้นๆ ดูแลแต่ละชิ้นเองหมด ขนาดมียุงเป็นฝูงเขาก็ยังนั่งทำได้ มันเป็นความชอบของเขาครับ ในส่วนรถมอเตอร์ไซค์ของเขา พ่อเองก็ยังไม่รู้เลยครับ อะไรที่เป็นของเขาทั้งหมดเดี๋ยวเราคงต้องมาดูกันอีกที แต่ขอให้เสร็จสิ้นงานตรงนี้ก่อนดีกว่า"
"ถามว่ามีอะไรอยากจะพูดถึงลูกชายคนนี้ไหมเหรอ พ่อก็ได้เขียนทุกอย่างไว้ในเฟซบุ๊กแล้วครับ อยากให้ลองเข้าไปอ่านดูดีกว่า เพราะมันค่อนข้างยาว ความรู้สึกถึงเขาไม่มีนะครับ ก็คงไม่อะไรหรอก แต่เขาก็คงรู้ว่าพ่อแม่รักเขามาก เราเข้าใจกันทุกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องมาบอกอะไร"
"ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะว่ามันคืออุบัติเหตุ และอย่างที่บอกเขาเองก็ไม่ใช่คนประมาทอยู่แล้ว แถมเขาเองก็เคยรับปากกับพ่อกับแม่ว่าเขาจะไม่ขับรถเร็ว จะไม่ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่วันนั้นมันบังเอิญเป็นเช้าวันเสาร์ที่รถว่าง และบริเวณนี้เขาเองก็ผ่านมาทุกวัน ผ่านมา 20-30 ปี แต่ด้วยความที่รถว่างเขาก็อาจจะเกิดลื่นหรือเกี่ยวอะไรก็เป็นไปได้ ของแบบนี้มันนิดเดียวก็เกิดขึ้นได้ครับ ฟ้ากำหนดไว้แล้ว"
โดยในวันนี้ทางเจ้าภาพได้งดพิธีรดน้ำศพ แต่สำหรับพิธีการสวดพระอธิธรรมศพจะมีขึ้นทุกคืน ตั้งแต่วันนี้ (29 ก.ค.) จนถึงวันที่ 4 ส.ค. เวลา 19.00 น. และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 17.00 น. ณ วัดธาตุทอง