ถ้า วอลต์ ดิสนีย์ คือราชาแห่งการ์ตูนของสหรัฐอเมริกาที่มีผลงานส่งอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน ที่ญี่ปุ่นก็มีบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกัน อย่าง เท็ตสึกะ โอซามุ บิดาแห่งวงการการ์ตูนญี่ปุ่น หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็นพระเจ้าแห่งการ์ตูนญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
เท็ตสึกะ โอซามุ เป็นชาวโอซาก้า และเกิดมาในครอบครัวที่มีการศึกษา ว่ากันว่าเขาเป็นลูกหลานจากตระกูลของ ฮัตโตริ ฮันโซ นินจาชื่อดังในสมัยโบราณด้วย โดยตัวของ โอซามุ ได้เขาเรียนในด้านแพทย์มาก่อน
แต่หลังจากจบการศึกษา โอซามุ กลับเลือกที่จะทำงานด้านแอนิเมชันและเขียนการ์ตูนที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กแทน และยังเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาการ์ตูนญี่ปุ่นให้มีรูปแบบอย่างที่เราคุ้นเคนกันในปัจจุบัน โดยเฉพาะการมีมุมมองที่หลากหลายทิศทาง ซึ่งแต่เดิมจะมีแค่มุมมองจากด้านหน้าซึ่งเทียบได้กับนิยายภาพ เน้นเล่าเรื่องช่องคำพูด ช่องอธิบายความคิด แทนการบรรยายภาพ
และแน่นอนว่า วอลต์ ดิสนีย์ ก็คือแรงบันดาลใจสำคัญของ โอซามุ ด้วยเหมือนกัน ทั้งสไตล์การวาดภาพ และการเล่าเรื่อง นอกจากนั้น ดิสนีย์ ยังทำให้ โอซามุ สนใจในเรื่องอนิเมชั่นมาก
จนใปนี 1960 ผลงานเรื่อง Alakazam the Great ที่ โอซามุ นำวรรณกรรมจีน ไซอิ๋ว มาถ่ายทอดในสไตล์ของตัวเอง จึงได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น แม้เขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างโดยตรงก็ตาม
แต่งานที่ทำให้ โอซามุ ได้ก้าวเข้าสู่โลกของอนิเมชั่นเต็มตัวก็คือ อตอม หรือ Tetsuwan Atomu (เท็ตสึวัง อะโตมุ) ที่ชาวต่างชาติคุ้นเคยกันดีในชื่อ Astro Boy นั่นเอง
การ์ตูนไซไฟที่มีตัวเอกเป็นหุ่นยนต์พลังงานนิวเคลียร์เรื่องนี้ มีฉากหลังอยู่ในปี 2000 เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยอะไรที่แปลกใหม่ เนื้อหามีเป้าหมายต่อต้านสงคราม และสร้างขึ้นหลังจากญี่ปุ่นเพิ่งจะโงหัวขึ้นจากการแพ่สงครามโลกก่อนหน้านั้นแค่ไม่กี่ปี ทำให้ อตอม กลายเป็นการ์ตูนแห่งยุคสมัยของญี่ปุ่น และเปิดศักราชอนิเมะอันยิ่งใหญ่จนมาถึงปัจจุบันก็ว่าได้
การ์ตูนอนิเมะจากลายเส้นของ โอซามุ ถูกผลิตออกมามากมายหลังจากนั้น และครอบคลุมในทุกแนวไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนแอ็กชั่นซามูไร
และการ์ตูนผจญภัยสำหรับเด็กผู้หญิง เท็ตสึกะ โอซามุ ก็สร้างออกมาจนถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะเช่นเดียวกัน
เขายังพยายามพิสูจน์ว่าการ์ตูนไม่ใช่เรื่องของเด็ก ด้วยการสร้างงานสำหรับผู้ใหญ่อ่อกมาด้วย ทั้งการ์ตูนชุด วิหกเพลิง ที่มีเนื้อหาค่อนข้างจะหนักในแนวไซไฟจริงจัง และการ์ตูนเรื่อง คลีโอพัตตราที่มีฉากเลิฟซีนหวาบหวิวในแบบหนังผู้ใหญ่ให้ชมกันด้วย
แต่ที่กำลังดัง และเป็นประเด็นจนมาถึงปัจจุบันก็คงจะเป็น Jungle Emperor เรื่องราวของสิงโตขาวที่เติบโตจากลูกสิงโตตัวน้อย ๆ สู่ตำแหน่งเจ้าป่า ที่ดูยังไง ๆ ก็เหมือนกับการ์ตูน The Lion King ของ Disney เอามาก ๆ
แม้ทาง ดิสนีย์ จะปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ลอกงานของทางญี่ปุ่นก็ตาม และอ้างว่าจริง ๆแล้ว The Lion King ได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูน Bambi ของทาง Disney เองผสมกับ แฮมเล็ต ของ เชคสเปียร์ ต่างหาก
ซึ่งจะว่าไปแล้ว โอซามุ ก็เคยหยิบเอา Bambi ของ Disney มาวาดเป็นการ์ตูนด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้นก็ยังเคยวาดอะไรที่ดูคล้าย ๆ การ์ตูนของ ดิสนีย์ ออกมาด้วย
เท็ตสึกะ โอซามุ เสียชีวิตก่อนที่ The Lion King จะเข้าฉายเพียงไม่กี่ปี และข้อถกเถียงเรื่องลอกไม่ลอกก็ไม่เคยเข้าสู่กระบวบการทางกฎหมายใด ๆ คนทำงานเบื้องหลัง Lion King ยังคงปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้เลียนแบบงานของญี่ปุ่นมาก่อน แต่ก็มีบางคนยอมรับตรง ๆ ว่าเคยดู คิมบาร์ เสือขาว ของโอซามุ มาก่อนเหมือนกัน ส่วนคนใกล้ชิดที่เคยทำงานกับ โอซามุ ได้ให้ความเห็นว่า หากเขาทราบว่าผลงานของตัวเองจะส่งอิทธิพลไปถึงงานที่สร้างโดย วอลต์ ดิสนีย์ โอซามุ ก็น่าจะยินดีกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลย