"ดิว เดอะสตาร์" รับผิดดื้อเอง โหมลดน้ำหนักผิดวิธี 42 วัน ฮวบ 15 กิโล ไตวายเฉียบพลัน เกือบดับคาเวทีมวย ลั่นทุกคนเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง ร่างกายกลับมาปกติ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ลั่นไม่เข็ดกีฬา เตรียมเอาดีเพาะกาย ชิงแชมป์ประเทศไทย
เป็นเหตุการณ์ที่หลายคนยังคงตกใจไม่หาย เมื่ออยู่ๆ หนุ่ม "ดิว ภัทรพล กันตพจน์" หรือ "ดิว เดอะสตาร์" ถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังขึ้นชกมวยกับหนุ่ม "แอนด์ดรูว์ กรเศก” แล้วแพ้น็อกหลังขึ้นชกบนเวที 10 Fight 10 ต่อมาหนุ่มดิว ก็ได้อัปเดตอาการผ่านทางโซเชียลว่าตนไตวายเฉียบพลัน ทำเอาหลายคนต่างส่งกำลังใจให้หายเร็วๆ
วันนี้ (26 ก.ค.) หนุ่มดิวซึ่งเพิ่งถอดสายน้ำเกลือสดๆ ร้อนๆ แล้วก็มาร่วมบวงสรวงละคร รักแลกภพ จึงได้อัปเดตอาการล่าสุด เจ้าตัวก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว หลังจากพักรักษาตัวไปนานถึง 4 วัน 3 คืน สาเหตุก็มาจากการที่ตนหักโหมในการลดน้ำหนักมากเกินไป เพียงแค่ 42 วันลดลงไป 15 กิโลกรัม ซึ่งหมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อาจจะเสียชีวิตได้
ไอาการล่าสุดก็ดีขึ้นแล้วครับ ไตวายเฉียบพลันนอนโรงพยาบาล 4 วัน 3 คืน ให้น้ำเกลือ ให้ยา ก็ดีขึ้น กลับมาแข็งแรง ผมอยากออกกำลังกายแล้ว เราซ้อมมวยเยอะ ออกกำลังกายจนเสพติดไปแล้ว นอนโรงพยาบาลเบื่อเตียงนอนมาก"
"ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่เคยป่วย ไม่เคยอะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกหักโหมกับการซ้อมและการลดน้ำหนักภายในระยะเวลาสั้น 42 วัน ลดลงมา 15 กิโลกรัม คุณหมอบอกว่าสาเหตุมาจากตรงนี้ คือผมใช้คอร์สนักมวยแบบโหดมาก ออกกำลังกายโดยที่คุมอาหารและไม่กินน้ำ กินน้ำแข็งเอา ซึ่งมันผิดหลักนะ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แม้ว่าผมไม่สามารถทำน้ำหนักได้ตามเกณฑ์ แต่ผมทำมาถึงจุดพีกแล้ว เวลาชกมวยจริงพลังงานเลยไม่พอ ก็เลยเกิดอาการยกที่ 3"
เล่าเริ่มมีอาการตอนช่วงยกที่ 2 แต่ใจตนสู้ ถึงเวลาเลยพุ่งเข้าใส่โดยไม่คำนึงถึงสังขารตัวเอง
"อย่างที่เห็นใจผม 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ตั้งแต่ยก 1-3 ผมใจตลอด เหมือนว่ายกที่ 2 ผมโดนต่อยและเสียคะแนน ยกที่ 3 ผมเลยต้องเดินเข้าหาคู่ต่อสู้ ผมเดินเข้ายับเลย โดยที่ไม่คำนึงถึงสังขารตัวเอง ว่าไหวขนาดไหน แต่ใจผมสู้ ใจไปเป็นล้านเลย เดินเข้าใส่ พุ่งเข้าใส่เลย"
"มันเริ่มมีเอฟเฟกต์ตอนพักยกที่ 2 เริ่มรู้สึกว่ายังพักไม่พอ ยังรู้สึกเหนื่อยๆ ยังรู้สึกไม่สดชื่น พอเขาบอกให้เตรียมพร้อม เราก็เลยต้องขึ้นไปแล้ว"
โอดภาวะไตวายเฉียบพลันน่ากลัวมาก บอกที่ผ่านมามีโค้ชเตือนแล้วว่าไม่ควรลดน้ำหนักแบบนี้แต่ตนดื้อเอง
"มันก็น่ากลัวครับ หมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านั้นก็อาจจะเป็นอะไรที่แย่กว่า ไตอาจจวายไปเลย ต้องฟอกไต หรืออาจเสียชีวิตก็ได้ ไตวายเฉียบพลันคือร่างกายขาดน้ำขั้นสุด เลือดเป็นกรด มีความข้นเหนียวมาก มันเลยไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้"
"ช่วงที่เราลดน้ำหนัก มีผู้เชี่ยวชาญมาบอกว่ามันจะมีเอฟเฟกต์ตามมานะถ้าทำแบบนี้ แต่เราก็ดื้อ ไม่ฟัง โค้ชอองตวน (อองตวน ปินโต) ก็บอกว่าให้กินบ้างอะไรบ้าง อย่าหักโหม พี่เจ (เจตริน วรรธนะสิน) ก็บอกว่าให้ทำอย่างอื่นบ้าง กินบ้าง อย่ามัวแต่หักโหมใส่เสื้อซาวน์น่ามันไม่ดี เราก็ดื้อเพราะเราไม่อยากให้ทีมเสียคะแนน เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด สุดท้ายก็ลงมา 15 กิโลกรัม จริงๆ ยอดทั้งหมดผมต้องลง 21 กิโลกรัมนะแต่ผมทำได้แค่นี้"
ไม่เข็ดการเล่นกีฬา ยันกีฬาไม่ได้ทำร้ายใคร เตรียมจะหันไปเอาดีด้านเพาะกาย เพื่อแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย
"ก็เพราะว่าถ้าคนเราไตวายมันอาจจะเสียชีวิตได้ ตอนเลือดข้น เลือดเป็นกรด ทำให้ไตทำงานหนักมากจนทำให้น็อก จริงๆ ผมไม่ได้หมดสตินะ ยกที่ 3 ผมรู้สึกว่าผมเข้าไปต่อยแอนด์ดรูวร์ แล้วผมรู้สึกว่าผมเหนื่อย กรรมการก็เลยจับแยก จังหวะนั้นผมรู้สึกว่าภาพเริ่มมืด ม่านตาเริ่มปิด แต่ใจสู้ กรรมการเห็นว่าเราไม่ไหวก็เลยนับ แต่ผมก็ยกมือว่าไหว กรรมการบอกไม่เอาแล้วๆ ตอนนั้นตาผมอาจจะเริ่มลอยแล้วก็ได้"
"หลังจากนี้ผมตั้งใจไว้ว่าจะเล่นเพาะกายต่อ จะแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย ผมคุยกับ กาย (รัชชานนท์ สุประกอบ) แล้ว มองเขาเป็นไอดอล ผมไม่กลัว มันไม่ได้เป็นเพราะกีฬา มันเป็นเพราะตัวผม กีฬาไม่ได้ทำร้ายใคร กีฬาทำให้เราแข็งแรง แต่เราหักโหมกับมันมากเกินไป ทำให้เราเกือบจะเสียชีวิตไปกับมัน”
บอกทางรายการได้ทำประกันไว้ให้แล้ว ซึ่งตนไม่ได้มองว่ารายการเป็นฝ่ายผิดแต่ผิดที่ตนเองดื้อไม่ฟังคำเตือน
"ไม่ๆ เขามีประกันของบริษัทดูแลอยู่แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของรายการ เป็นความผิดของผมเอง จริงๆ เขามีเวลาให้ลดมากกว่านี้ แต่ด้วยงานด้วยอะไรเราเลยมีเวลาน้อย ผมเบรกงานเดือนกรกฎาทั้งหมด เพื่อฝึกซ้อมเลยมีเวลา 42 วัน ผมจริงจังกับมัน 100 เปอร์เซ็นต์ทีมงานไม่ผิด ไม่มีใครผิด ผิดที่ตัวผมเอง มีคนเตือน มีคนบอก แต่ผมเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมุทะลุ บ้าพลังเกินไปโดยไม่ดูสังขารตัวเอง ความผิดทุกอย่างเป็นของผมเองดีกว่า อย่าโทษคนอื่น เขามีเวลาให้มากกว่า 42 วัน แต่ผมมาจริงจัง 42 วัน ถือว่าไวเกินไป"
"ก็รู้สึกเสียดายครับ อยากชกอีก ถ้าไม่ลดน้ำหนักมากขนาดนี้ผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ รุ่นและขนาดทำให้มีผล เหมือนคนละไซส์กัน ขนาดลดน้ำหนักมาแล้วช่วงต่างก็ยังดูต่างกัน วันนั้นช่วงต่างเป็น 10 กิโลกรัม นักมวยเวลาลดน้ำหนักลงเยอะๆ ไม่ว่าจะเก่งขนาดไหน แรงมันก็จะหายไป โค้ชอองตวนเตือนแต่แรกแล้วว่า ถ้าลดน้ำหนักขนาดนี้จะไม่มีแรงนะ แต่ผมก็คิดว่าไหว เมื่อก่อนอายุไม่ถึง 30 ลดง่าย พออายุเลย 30 ทุกอย่างมันเริ่มยาก เรื่องน้ำหนักมันก็มีผลนิดนึงครับ บางคนต้องเพิ่ม บางคนต้องลด แอนด์ดรูวร์ต้องเพิ่ม ผมต้องลด การกิน การออกกำลังกายมันต่างกัน ถ้าผมต้องเพิ่มผมสบายเลย"
ยันตอนนี้ร่างกายกลับมา 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ช่วงนี้ต้องงดออกกำลังกายตามคำสั่งหมอก่อน
"ก็มีดูแลเรื่องไต เรื่องอาหารการกิน ดูแลสุขภาพ เพราะไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญต้องดูแลดีๆ ได้ยินว่าก็ไม่ง่ายนะถ้าต้องรักษาอาการไตวาย ฟอกไตก็ใช้เงินเยอะ ส่วนร่างกายผมว่าผมกลับมา 100 เปอร์เซ็นต์นะ ผมว่าผมฟิตนะ หมอก็บอกเจาะเลือดดูค่าไตแล้ว มันโอเคแล้ว เลือดไม่เป็นกรดแล้ว ทุกอย่างเข้าภาวะปกติแล้ว แต่ก็บอกว่าอย่าเพิ่งออกกำลังกายหักโหม และให้ดูแลสุขภาพให้ดี สัปดาห์นี้หมอบอกว่าอย่าเพิ่งออกกำลังกาย งดการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อเยอะ หมอก็นัดฟอลโลว์ประมาณอาทิตย์หน้าครับ"