ปลายยุค 80 หนังฮ่องกงถูกครอบเงาไปด้วยหนังแอ็กชั่นที่ตัวละครใช้ปืนเข้าต่อสู้กัน เพราะความสำเร็จของ โหด เลว ดี ทำให้หนังแนวนี้กลายเป็นกระแสฮิตถล่มทลายในฮ่องกง
หนังแอ็กชั่นอาชญากรรมเล่าเรื่องตำรวจ, ผู้ร้าย และแก๊งมาเฟีย แทบจะเป็นเครื่องหมายการค้าของหนังฮ่องกงในยุคนั้นไปเลย
แต่อยู่ ๆ ในปี 1990 ก็กลับมีหนังกำลังภายในกลับมาฮิตได้อย่างไม่มีใครคาดคิด หนังเป็นผลงาสของ ฉีเคอะ เจ้าเก่าที่หยิบเอานิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่เย้ยยุทธจักร กลับมาสร้างใหม่ในชื่อ เดชคัมภีร์เทวดา
ฉีเคอะ อาจจะดัดแปลงเนื้อเรื่องจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม แต่เทคนิคการถ่ายทำ และโปรดักชั่นที่ยกระดับหนังกำลังภายใน ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ฮิตถล่มทลาย และกลายเป็นการเปิดยุคสมัยของหนังแนวกำลังภายในให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ในตอนนั้นนิยายกำลังภายในเรื่องต่าง ๆ ถูกขุดขึ้นมาสร้างเป็นหนังกับเต็มวงการ อย่าง เซียวฮื้อยี่ ที่ได้ หลิวเต๋อหัว มาแสดงนำคู่กับ หลินชิงเสีย ที่แน่นอนว่าไม่เหลือเค้าเดิมของต้นฉบับเช่นเดียวกัน ส่วน เหลียงเฉาเว่ย, หวังจู่เสียน, มิเชล โหย่ว แถมด้วย ดอนนี เยน ตอนยังไม่ค่อยดัง ก็ได้มาแสดงนำในฉบับหนังของนิยายดังเรื่อง กระบี่ ผีเสื้อ ดาวตก ที่คงแค่ชื่อเรื่อง กับชื่อตัวละครเอาไว้แค่นั้น เพราะเนื้อหาของหนังแทบจะกลายเป็นการเขียนขึ้นมาใหม่
แต่หนังจากนิยายกำลังภายในในยุค 90 ที่สร้างออกมาได้ดีก็มีเหมือนกัน แม้จะมีการเปลี่ยนรายละเอียดจากนิยายมากมายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ นางพญาผมขาว ที่ เลสลี่ จาง กับ หลินชิงเสีย แสดงนำเรื่องนี้ ก็ทำได้ดีจนเข้าขั้นคลาสสิก
แต่สุดท้ายก็ยังคงเป็นผลงานของ ฉีเคอะ ที่ดังที่สุด โดยเฉพาะ เดชคัมภีร์เทวดา 2 ที่ ฉีเคอะ สร้างความฮือฮาระดับประวัติศาสตร์ด้วยการเปลี่ยนตัวละครประกอบที่แทบไม่มีบทในนิยายเลยที่ชื่อว่า ตงฟางปุ๊กป้าย ให้กลายเป็นเด่นของเรื่อง และเปลี่ยนภาพของตัวละครตัวนี้จากคนลักเพศที่ออกไปทางอัปลักษณ์ให้กลายเป็นสาวสวยอย่าง หลินชิงเสีย
อดีตดาราหนังรักอย่าง หลินชิงเสีย จึงกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ขึ้นมาอีกครั้งในวัย 40 ปี และได้รับบทประเภทมีความคลุมเครือทางเพศแบบนี้ในหนังอีกหลาย ๆ เรื่อง หลินชิงเสีย กับชุดผู้ชาย คือภาพจำที่สำคัญของหนังกำลังภายในในช่วงนั้นไปเลย รวมถึงใน เดชคัมภีร์แดนพยัคฆ์ หนังอีกเรื่องของ ฉีเคอะ ที่ไม่ได้ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องไหน แต่เป็นการรีเมกงานหนังกำลังภายในเก่าแก่ของไต้หวันเรื่องนี้ด้วย
หนังกำลภายในของยุค 90s มีความโดดเด่นเรื่องเทคนิคการถ่ายทำที่ดูทันสมัย และยกระดับให้กับหนังแนวนี้ เอกลักษณ์ของหนังกำลังภายในของยุค 90 ก็คือเรื่องของเทคนิคพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะการใช้ลวดสลิงค์เข้ามาช่วยในการถ่ายทำฉากเหาะเหินเดินอากาศ
เนื้อเรื่องก็เน้นขายความแปลกแตกต่าง อย่าง เดชคัมภีร์เทวดา ที่ ฉีเคอะ ถึงขั้นเขียนเรื่องต่อจากนิยายของ กิมย้ง ผูกออกมาเป็นเรื่องรักของ ตงฟางปุ๊กป้าย กับหญิงคนรักที่นำแสดงโดย หวังจู่เสียน หรือ ตายกี่ชาติที่ก็ขาดเธอไม่ได้ ที่เป็นหนังกำลังภายในที่มีฉากหลังอยู่ในยุคคล้าย ๆ ปัจจุบัน
หนังกำลังภายในยุคของยุคนั้น มาเปิดฉากในช่วงกลาง ๆ ปี 90s ด้วยหนังที่กลับไปสมจริงสมจังอีกครั้ง เนื้อหาก็ค่อยซับซ้อนโดยเฉพาะ มังกรหยก อภิมหายุทธ ที่เป็นเหมือนหนังภาคก่อนหน้าของ มังกรหยก
ก่อนที่ ฉีเคอะ จะปิดฉากยุคเรอเนซองแห่งหนังกำลังภายในด้วยตัวเอง โดยนำ เดชไอ้ด้วน มาดัดแปลงใหม่ จากโลกกำลังภายในที่เต็มไปด้วยสีสัน กลับกลายเป็นโลกที่มีแต่ความดิบเถื่อน ไม่มีใครเป็นจอมยุทธ ไม่มี่คนดีคนเลวชัดเจน แม้หนังจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก แต่ก็เป็นการปิดยุคสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ