คนหนึ่งได้ตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก “แคทรีโอนา เกรย์” มิสยูนิเวิร์ส 2018 ส่วนอีกคนเพิ่งได้ตำแหน่งสวยที่สุดในประเทศไทยไปครอง “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2019
…แน่นอนว่ามงกุฎเกียรติยศที่ได้มา เปลี่ยนชีวิตพวกเธอไปในชั่วพริบตา ผู้หญิงทั่วโลกต่างอยากยืนในจุดที่เธออยู่ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ “แคทรีโอนา” และ “ฟ้าใส” เคยผ่านความรู้สึกของการชวดมงฯ มาแล้ว แคทรีโอนาเคยพลาดมงกุฎมิสเวิลด์ 2016 ทำได้ดีที่สุดแค่เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ส่วนฟ้าใสก็เป็นได้แค่นางรองมาหลายเวที เพิ่งจะทำลายอาถรรพ์นางรองได้ก็คราวนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงถอดใจไปแล้ว ซึ่งกว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีดีหลายอย่างถึงจะเป็นเจ้าของตำแหน่งนี้ได้
หลังจากได้รับมงกุฎมาหมาดๆ ล่าสุดมีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ “ฟ้าใส” และ “แคทรีโอนา” ทำให้รู้ว่า นอกจากความสวยที่มีเหมือนกันแล้ว ทั้งสองคนยังมี “พลังบวก” ในตัวเองสูงมาก แม้จะมีเวลาในการพูดคุยกันน้อย แต่มากด้วยแรงบันดาลใจ เชื่อว่าความคิดของสองสาว คงจะเป็นกำลังใจให้ใครได้อีกหลายคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอาชีพอะไร หรือมีฝันแบบไหนก็ตาม
ย้อนวินาทีแห่งความทรงจำ ความรู้สึกหลังได้ตำแหน่ง?
ฟ้าใส : “พูดตามตรงเลย ยังรู้สึกช็อกค่ะ (ยิ้ม) ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ความฝันที่รอมานานมันเกิดขึ้นแล้ว มีความสุขมากๆ และขอบคุณกรรมการ ที่เลือกให้เป็น มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์”
ลุก “ฟ้าใส” ไม่เหมือนคนไทย คิดว่าตัวเองจะแสดงความเป็นไทยออกมาให้ชาวโลกเห็นได้อย่างไร?
ฟ้าใส : “สิ่งสำคัญคือเรารู้ว่าเราเป็นคนไทย คนไทยยอมรับความแตกต่างกัน ของแบ็คกราวของแต่ละคน การที่คนจะมองใบหน้าฟ้าใสว่าเป็นลูกครึ่งฝรั่งนั้น ใครจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ฟ้าใสรู้ว่าฉันเป็นคนไทย และฟ้าใสก็มีความเป็นไทยอยู่ในหัวใจ เราสามารถที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทย ของคนไทย เพื่อไปทำสิ่งที่ดีที่สุด ที่มีความภาคภูมิใจที่สุดบนเวทีระดับโลก เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทยได้อย่างแน่นอนค่ะ (ยิ้ม)”
ขอถาม “แคทรีโอนา” รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง?
แคทรีโอนา : “รู้สึกดีมากที่ได้กลับมาเมืองไทยอีก (ยิ้ม) ที่นี่เป็นที่พิเศษมากๆ สำหรับฉัน ฉันนับวันรอที่จะได้กลับมา นี่เป็นครั้งที่6 แล้วที่ฉันได้กลับมาเมืองไทย”
ในฐานะที่ “แคทรีโอนา” เคยผ่านประสบการณ์บนเวที “มิสยูนิเวิร์ส” มาแล้ว คิดว่า “ฟ้าใส” มีจุดด้อยอะไรต้องปรับปรุงบ้าง เพื่อที่จะได้เป็นมิสยูนิเวิร์สคนต่อไป?
แคทรีโอนา : “ฉันคิดว่าการเป็นตัวแทนประเทศ ต้องรู้จักพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ถึงจะยากและเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่ฉันรู้ว่า ฟ้าใสทำเรื่องท้าทายนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฟ้าใสทำการบ้านมาอย่างหนัก เพื่อความฝันที่เธอรอคอยมายาวนาน จุดนี้ฉันไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยว่า เขาเตรียมตัวได้ดีสำหรับการไปประกวด มิสยูนิเวิร์ส”
คุณทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไร?
แคทรีโอนา : “เรารู้จักกันตอนที่ฟ้าใสไปประกวด มิสเอิร์ธ(Miss Earth) ที่ประเทศฟิลิปปินส์”
ทั้งสองคนเคยผิดหวังกับการประกวดมาก่อน แต่ก็ไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายสามารถคว้ามงกุฎมาครองได้ อยากฝากอะไรถึงสาวงามรุ่นน้องที่ยังไม่สมหวังในเส้นทางนี้?
ฟ้าใส : “ฟ้าใสประกวดมาหลายเวทีมาก แต่ความฝันคือการเป็น มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ เวลาที่ประกวดครั้งแรกและไม่ได้แน่นอนต้องรู้สึกแย่เหมือนกัน มีความคิดเยอะมากว่า เราไม่ดีพอหรือ เราไม่สามารถที่จะทำตามฝันได้เหรอ แต่ก่อนที่จะกลับมาประกวด เราก็ได้ย้อนกลับไปค้นหาตัวเองว่าอะไรที่เป็นจุดเด่นของเรา ถ้าเราหาจุดเด่นของเราได้ปุ๊บ เราก็สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้โดยที่ไม่กดดันว่าคนนั้นก็สวยคนนี้ก็ดี แน่นอนสำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ว่าเรามาประกวดเพื่ออะไร ถ้าสมมติคุณมีความฝันจริง ก็ต้องกล้าที่จะลงมือทำ มุ่งมั่นต่อเป้าหมาย และไม่ย่อท้อเมื่อเจออุปสรรค เชื่อว่าคุณก็จะประสบความสำเร็จเหมือนกับฟ้าใสในวันนี้”
แคทรีโอนา : “พวกเราหลายๆ คนโตขึ้นมากับความฝัน และเราได้รับรู้ว่า บางสิ่งมันไม่ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่ความฝันมันมีค่าพอให้เราทำตามมันต่อไป และฉันคิดว่ามันทำให้ฉันรู้ถึงความแตกต่างของความรู้สึก ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกถึงความกระหาย จะทำมันเพื่อหาว่าทำไมเราไล่ตามสิ่งที่เราเป็น เพราะว่าตามประสบการณ์ที่ได้รับ ทำให้คุณเรียนรู้และเปล่งประกายได้นั่นเอง (ยิ้ม)”
ไม่ใช่ทุกคนจะมายืนในจุดนี้ได้ แต่ที่ “แคทรีโอนา” และ “ฟ้าใส” ทำได้ เพราะพวกเธอมีมากกว่า “ความสวย”