"มะปราง วิรากานต์" จบรัก "อัทธ์ Yes’sir days" ด้วยดี ไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัว ลั่นแค่เราข้ามสเต็ปไปไม่ได้ ทบทวนทุกปีที่คบกัน ขอทำบางอย่างเพื่อครอบครัว ไม่อยากถ่วงเวลากัน ใครได้พี่เขาไป เป็นคนที่โชคดี หากมีแฟนใหม่จะยินดีด้วย มีความปรารถนาดีให้เสมอ
หลังออกมาประกาศจบรักกันไป พร้อมข้อความที่ “อัทธ์ อังค์กูณฑ์ ธนาทรัพย์เจริญ” วง Yes’sir days ทิ้งท้ายเอาไว้ว่ามีเรื่องครอบครัวเข้ามาและสิ่งที่ตนเป็น ทำให้เขาไม่สบายใจ ทำให้ถูกมุ่งประเด็นว่าอัทธ์มีปัญหาชีวิตรักเหตุเกิดจากปัญหาครอบครัว “มะปราง วิรากานต์ เสณีตันติกุล” ที่ไม่ยอมรับหรือเปล่า ล่าสุดสาวมะปรางก็ออกมาเผยถึงสาเหตุที่ต้องเลิก เป็นเพราะมีปัญหาสะสมที่ข้ามไปไม่ได้
"ก็อย่างที่พี่อัทธ์บอกไปค่ะเราเลิกกันแล้ว จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนเลยค่ะ ที่เราตกลงกันไว้ เรามีข้อตกลงกันไว้ เราพยายามมองข้ามปัญหาไปเรื่อยๆ อยู่ด้วยกันมันดี มีความสุข อยู่ด้วยกันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่วันหนึ่งที่เราอยากข้ามสเต็ป เราข้ามไม่ได้ ปัญหาไม่หนัก แต่ไปต่อไม่ได้ ปัญหามันสะสม ไม่มีการผิดข้อตกลงแต่มันแค่ไม่ไปถึงจุดที่จะข้ามสเต็ปต่อไปได้ ไม่มีฝ่ายไหนเป็นคนตัดสินใจ แต่คุยกันแล้วว่าถ้าจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ยังไงก็ข้ามไม่ได้ (สเต็ปที่ว่าหมายถึงอะไร?) แต่งงานค่ะ เขามองอนาคตร่วมกันกับเรา เขาเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก ไม่งั้นคงไม่คบมา 5 ปีหรอก แต่เราโตแล้ว เราไม่ได้คบกันแบบเฮ้ย ไปเที่ยวกันเถอะ เราจะไม่ถ่วงเวลา"
"มันมีปัญหาของเราสองคน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันข้ามไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องครอบครัว (ครอบครัวไม่ปลื้มฝ่ายชาย?) ถ้าไม่ปลื้ม พี่อัทธ์คงไม่สามารถเข้าออกบ้านปรางได้ถึง 5 ปีนะ บ้านปรางเป็นครอบครัวใหญ่ ที่บ้านก็เอ็นดูเขา ไปถามเขาได้ ไม่มีจุดระหองระแหง แค่มองข้ามปัญหาตลอดเวลา เราพยายามแก้ปัญหาทุกปี คบ 5 ปีก็ 5 ครั้ง แต่เรารู้สึกว่าไม่เป็นไร เรียกว่ามองข้ามกันมาเรื่อยๆ"
"เราตกลงกันต่อหน้า โตๆ กันแล้ว เขาก็น่ารัก เขาปลอบใจหนูด้วยซ้ำ จุดแตกหักที่ทำให้ไปต่อไม่ได้ เราโตขึ้น จุดที่ทำให้หนูรีบตัดสินใจนิดนึง เพราะแม่หนูเป็นกระดูกพรุน หนูคิดว่าหนูอาจต้องรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูแลแม่ให้ดีที่สุด เลยรู้สึกว่าเรามัวแต่ดูแลตัวเอง เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งหรือเปล่า จนไม่มีเวลาดูแลครอบครัว จนต้องรีบตัดสินใจบางอย่าง"
เสียใจทั้งคู่ ถ้าไม่มีอีกฝ่ายจะผ่านวันนั้นไปไม่ได้
"เขาก็เสียใจ หนูก็เสียใจ ณ วันนั้นที่คุยกัน หนูเสียใจมากกว่า หนูปรบมือให้พี่อัทธ์ ถ้าไม่มีเขาก็ผ่านวันนั้นมาไม่ได้ เขาไม่ร้องเลย คอยตบไหล่ด้วยซ้ำ ล้มแล้วเราต้องรีบลุกเนอะ ฝากบอกพี่อัทธ์ด้วยเราต้องรีบลุก"
ตัดสินใจยากมาก แต่คิดเรื่องนี้ทุกๆ 1 ปีที่คบกัน
"การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าแล้วต้องไม่มีเขามันมีเหตุผล และเป็นการตัดสินใจที่ยาก ไม่งั้นคงไม่คบมาถึง 5 ปี เพราะทุกๆ 1 ปีเราคิดเรื่องนี้ตลอด ถามว่าเสียเวลาไหมเขาเป็นคนที่ใจดี น่ารัก คิดบวกตลอด เป็นคนน่ารักคนหนึ่งเลย 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกว่าเสียเวลากับเขา หนูมีความสุขที่ได้ใช้เวลากับเขา ณ วันนี้หนูห่วงพี่อัทธ์ อยากให้เขามีชีวิตต่อไปที่ดีงาม อยากให้เขาเป็นคนโพสิทีฟแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่เขาเป็นอยู่ เป็นตัวเขาจะทำให้เขาได้สิ่งที่ดีมากอยู่แล้ว"
ไม่มีโอกาสกลับมา ถ้าหากมีแฟนใหม่ก็ยินดีด้วย
"ถามว่าทำไมไม่เลือกดูแลเขา เพราะหนูต้องดูแลแม่หนู (ยังดูเสียดาย?) เขาเป็นคนดีค่ะ ใครได้เขาไปก็โชคดี โอกาสกลับมา (ส่ายหน้า) ยังรักอยู่ไหม ณ ตอนนี้หนูก็ยัง แล้วหนูก็เดินต่อ หนูว่าความรักมันเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่นได้ หนูรักเขาเท่าเดิมแต่ไม่ใช่เชิงนั้นอีกต่อไปแล้ว มันจะเป็นอีกเชิงหนึ่งที่หนูบอกเขาตลอดเวลาไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร เดือดร้อนแค่ไหนหนูก็พร้อมจะดูแลเขา ถ้าเขามีแฟนใหม่หนูก็ดีใจด้วย"
"ถามว่าจะมีกำแพงไหม หนูจะโตขึ้น หนูรักครอบครัวมาก หนูให้ครอบครัวยืนหนึ่ง คนที่จะมาต่อไป ต้องฝากให้เขารักครอบครัวหนูมากๆ พ้อยท์ที่ตัดสินใจ หนูอยากดูแลตัวเองให้ดีเพื่อดูแลครอบครัวให้ดี ที่ผ่านมาเราดูแลกันและกันอยู่สองคน"
จะคุยกันได้ทุกเรื่อง ในวันที่มีสติกันทั้งคู่
"ถ้าวันหนึ่งเขาอยากกลับมาดูแลครอบครัวเรา เขาก็มีความตั้งใจแบบนั้น ณ วันนี้ก็วางสถานะเขาไว้เป็นพี่อัทธ์ ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะปรึกษาได้ทุกเรื่อง แต่หนูมั่นใจว่าให้เราและเขามีสติมากๆ กันทั้งคู่ ก็จะเป็นคนที่ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่บอกลาเรายังไม่ได้คุยกันเลย เราทำใจได้ เราทำงานกันได้ ไม่ใช่ไม่เจอกันแล้วร้องไห้ให้เห็นแน่นอน เราโอเค เรื่องก็ผ่านมาสักพักใหญ่แล้ว วันนี้ขอดูแลครอบครัว ดูแลแม่ ดูแลพ่อ ตั้งใจทำธุรกิจตัวเองให้เริดๆ"
"ถามว่าอยากฝากอะไร ก็รักและปรารถนาดีเหมือนเดิม เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ถึงแม้จะเปลี่ยนสถานะ ก็ยังเป็นน้องสาวที่รักมากอยู่ดี"