ใครจะเชื่อว่าสาวแกร่งและเก่ง อย่าง "นุ้ย สุจิรา" จะปล่อยโฮ! กลางวง ขณะนั่งพรีเซนต์รายการแรกในฐานะผู้จัดรายการ “Superเมีย” กับบรรดาผู้ใหญ่ของช่อง โดยสาวนุ้ยเผยแว๊บแรกหวั่นจะถูกมองเป็นคนสตอเบอร์รี่!! ใช้น้ำตาเรียกงาน สุดท้ายผู้ใหญ่โยนละครให้เล่นอีก 1 เรื่อง!!!!!
นุ้ย สุจิรา เล่าถึงรายการ “superเมีย” ที่ตนนั่งแท่นเป็นผู้จัดฯ และควบตำแหน่งพิธีกร ประกบคู่ อ้น ศรีพรรณ
“ออกอาการวันแรกวันที่ 3 มิถุนายน 2562 นุ้ยเขียนในอินสตราแกรมว่าเป็นลูกคนสุดท้องเพราะว่าตัวรายการนี้ประคบประหงมมาก คือแม่คนนึงจะมีลูกก็ประคบประหงม แล้วก็มีความหวัง และอยากให้เขาได้ดี มันเหมือนกันรายการนี้ก็เป็นเหมือนลูกนุ้ยที่ว่าเราเริ่มต้นจากแผ่นกระดาษ แล้วนุ้ยขอบคุณ พี่บอย ถกลเกียรติ, พี่ป้อน มากๆ จริงๆ และพี่ตุ๊กตาด้วยที่เป็นคนเปิดโอกาสให้นุ้ยเข้ามาพรีเซนต์ความฝันของนุ้ยดู นุ้ยก็บอกว่าแต่มันเป็นความฝันเล็กๆ นะ แต่วันนั้นที่นั่งประชุม คือพี่บอย, พี่ป้อน นั่งในห้องด้วย เอาจริงๆ นุ้ยขึ้นเวทีใหญ่คนเป็น 3 หมื่นคนเราไม่ร้องไห้นะ แต่เนี่ยนั่งกันอยู่ในห้องประชุม นุ้ยน่ำตาไหลจนพี่ป้อนบอก..อ่ะ!..นุ้ยเอาละครไปเรื่องหนึ่ง นุ้ยบอก..พี่ๆ หนูไม่ได้เป็นคนตอแหลนะ”
“ปอนด์ต้องสะกิดนุ้ยๆ แล้วบอกว่านุ้ยเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะครับ เขาไม่ได้บีบน้ำตาจะเรียกอะไรนะครับ เขาก็กลัวพี่ๆ เข้าใจผิดว่าร้องไห้ทำไมวะ มันเป็นความรู้สึกตื้นตัน นุ้ยเองรู้สึกว่ามันเป็นความฝันเล็กๆ เราไม่คิดว่าจะต้องให้ระดับพี่ๆ เขามานั่งฟังเราก็ได้ เราแค่เสนอเป็นเปเปอร์แล้วพี่เขานั่งอ่านก่อนก็ได้แล้วค่อยบอกว่าเข้ามาพรีเซนต์หรือไม่ต้องมาพรีเซนต์ก็ได้ แต่พี่เขาสละเวลามานั่งฟังครบทีม ฟังความฝันเล็กๆ ของเราซึ่งไม่ต้องฟังก็ได้ พี่เขาก็บอกเริ่มเลยนุ้ย อยากทำอะไรบอกพี่มา เราก็นั่งสะอื้น (เล่าไปหัวเราะไป) ร้องไห้ ปอนด์ตกใจมาบีบไหล่นุ้ยเลย...บอกเฮ้ย..นุ้ย!! เพราะนุ้ยในสายตาปอนด์คือเป็นสาวแกร่งไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้ชั้นหวั่นไหว เราไม่ได้เป็นคนหวั่นไหว แต่แบบเราก็นั่งสะอื้นไม่หยุด แล้วบอกว่าหนูไม่ได้กลัวพี่ๆ นะคะ แต่หนูซึ้งใจ ปอนด์งงเลย เราจะอินกับผู้มีพระคุณ เพราะมีเขาอุตส่าห์มาสนใจรายการเล็กๆ อย่างเรา ก็พรีเซนต์ไปด้วยน้ำตาแล้วก็ได้ละครมาเรื่องหนึ่ง (หัวเราะ)”
“นุ้ยก็ถามว่าพี่ป้อนไม่ได้คิดใช่มั้ยว่านุ้ยสะตอหรืออะไรเพื่อบีบน้ำตาเพื่อให้พี่ไม่ดุนุ้ยใช่มั้ย พี่ป้อนบอกว่าไม่ๆ พอดีว่าบทนี้หาอยู่พอดี แล้วนุ้ยก็ได้ คือเขาเห็นเราไม่ได้เล่นละครนานแล้ว เจอก็ดีเลยว่างมั้ย มาเล่นมั้ย แต่พี่ไม่ได้คิดว่าหนูบีบน้ำตาใช่มั้ย เอาจริงๆ นะมันคิดอยู่ในใจ ทุกครั้งที่ไปประชุมกับพี่บอย ก็จะบอกทุกครั้งว่าพี่บอยหนูไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะ กลัวพี่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นคนสะตอบอแหลหรือเปล่า ไมใช่คือในใจนุ้ยแบบว่าพ่อแม่ก็สอนมาว่าเราเป็นลูกคนจีน บุญคุณเราต้องทดแทน เรารู้สึกซึ้งในบุญคุณพี่เขาที่วันนั้นเขาให้โอกาสเรา ทั้งๆ ที่ตลอดเส้นทางกว่าที่จะมาเป็นรายการในวันนี้ได้ นุ้ยร้องไห้หลายครั้ง ร้องไห้ครั้งแรกเปิดไปด้วยความปีติ หลังจากนั้นร้องไห้ด้วยวความว่าจะดีมั้ย (หัวเราะ) ทำได้มั้ย อันนั้นก็มีปัญหา อันนี้ก็ต้องแก้ โน่น นี่ นั่น เงินที่จะเอาไว้ให้ลูกเรา เอามาลงทุนตรงนี้แล้วยังไงดีนะ”
“เริ่มต้นที่จะทำอะไรมันก็มีปัญหาแหละ แต่ถ้าเราอยู่เฉยๆ มันก็ไม่ได้ เพราะเราถึงวัยแล้วที่จะต้องลองทำอะไร แล้วโอกาสมันมาแล้ว ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสของพี่ๆ เขา พี่เขาอุตส่าห์ให้โอกาสเรา ที่นุ้ยซึ้งขนาดนี้มันไม่ใช่นุ้ยมาที่นี่ทีเดียว นุ้ยก็เคยลองหาโกอาสมาแล้ว แต่ว่ายังไม่มีใครให้โอกาสนุ้ยขนาดนี้ นุ้ยก็เลยรู้สึกว่า เราต้องเต็มที่ เราต้องทำให้ได้ ทำให้ดีตามที่พี่เขาเสียเวลามาฟังเรา ตามที่เราขายฝันไป''
การทำรายการมันต้องมีปัญหา เราเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันมากน้อยแค่ไหน?
''เพื่อนนุ้ยบอกว่าถ้าไม่อยากทำอะไรก็ไปบวชเนอะ ถ้าอยากทำก็ต้องกล้าเสี่ยงดิ มันต้องลองสักตั้งนึง รวมถึง พี่อ้น ศรีพรรณ พอนุ้ยโทรไปบอกว่าน้องจะทำรายการ พี่อ้น ถามกลับมาว่ารายการใคร บอกรายการน้องเอง อีนุ้ย...(หัวเราะ) แกจะหาเรื่องทำไม แกบอกชั้นมาแกขัดสนอะไร นุ้ยบอกว่าไม่ได้ขัดสน แต่ว่าโอกาสมันมา นุ้ยเชื่อเรื่องโอกาส เพราะว่าเราอยู่วงการนี้เราเคยเสียโอกาส เราเลยรู้สึกว่าอย่างน้อยๆ เราต้องลองสักตั้งนึง ถ้าโอกาสมันมาแล้ว เราเคยทิ้งโอกาสนั้นไปในอดีตที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เป็นเรื่องอื่น ทำให้เรารู้สึกว่าทำไมไม่ลองวะ ในเมื่อเรามีโอกาสแล้ว ทีมซัพพอต์เราก็มี สามีเราก็ยังอยู่ ตัวเราเองก็มีความฝัน เราก็ลองสักตั้งนึง ความฝันนุ้ยคืออยากจะทำรายการเป็นของตัวเองสัก 1 รายการ เพราะว่าสุจิราจะไปค้าขาย ก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านค้าขาย Live สด ไม่ใช่สุจิรา คือเราไม่ได้ตรงนั้น เราต้องหาตัวเอง กว่าจะมาเป็นรายการนี้นุ้ยก็หาตัวเองเยอะมากนะ ไปลองชิมลางตรงนี้สักนิดนึง แล้วไปนั่งคิดดูว่ามันใช่ตัวเรามั้ย ไม่ใช่ตัดช้อยส์ไป จนเหลืออันนี้จริงๆ แล้วปอนด์ก็บอกว่ามันเป็นนุ้ยที่สุดแล้ว ก็ลองดูมั้ยล่ะกับสิ่งที่เราสั่งสมประสบการณ์มา ไม่เป็นพิธีกร ไม่ทำรายการ ทำอย่างอื่นก็ลำบากละ''
รายการในบ้านเรามีให้เลือกดูค่อนข้างเยอะ หลากหลายรูปแบบด้วย นุ้ยคิดว่ารายการตัวเองมีทีเด็ดกว่าตรงไหน?
''ตอนแรกก็ถามตัวเองว่าทำไมเราไม่เป็นยูทูปเบอร์ เคยส่องกระจกถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ทำออนไลน์ แต่นุ้ยก็คิดว่าแล้ว แม่ๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เขาดูอยู่ทางทีวีใครจะทำให้เขาดู ถ้าไปทำออนไลน์กันหมด เรารู้สึกว่ามันต้องสู้กันสักตั้งนึงในเวทีที่มีความหลากหลายอยู่แล้ว เราต้องมี 1. มองว่าศักยภาพในตัวเรา สิ่งที่คนอยากดูจากตัวเราคืออะไร เพราะนุ้ยเป็นคนอยากรู้ อยากเห็น แต่ไม่ได้เป็นคนเผือกนะ แต่ว่าเวลาจะรู้อะไร เราต้องรู้จริง อยากรู้เรื่องโรคก็ต้องหาหมอ หรือเรื่องอะไรเราก็ต้องไปหาความจริง พอรู้แล้วนุ้ยเป็นคนที่แบบชอบให้คนอื่น ชอบบอกคนอื่น ชอบเข้าไปจัดแจง เข้าไปดูแลคนอื่น เช่นเดียวกันถ้าเราทำรายการของเรา เราก็ต้องเอาประสบการณ์ของเราที่มีเนี่ยแหละเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่เราพิสูจน์ทราบแล้ว มาให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคุณผู้ชม ไม่ใช่ว่าไปดูโน่น นี่ นั่น แล้วใช่หรือเปล่า เชื่อผิดหรือเปล่า เราเลยคิดว่าถ้าเราทำ เราต้องเอาความจริงของเรา สิ่งที่มันเป็นเรา เอามาให้กับคุณผู้ชม''
''นุ้ยจะบอกว่ารายการนี้ นุ้ยไม่เคยไม่มั่นใจอะไรเลยนะ แต่รายการนี้นุ้ยไม่มั่นใจ (หัวเราะ) ช่องน่ารักกับนุ้ยมากไม่มีสัญญาว่าต้องทำกี่ปี พี่เขาบอกว่าถ้านุ้ยยาว พี่ก็ยาวกับนุ้ย นุ้ยโชคดีมากที่พี่ๆ ทุกคนฟีดแบ็กให้กำลังใจ รายการของนุ้ยเป็นรายการฟีลกู๊ด ไม่ได้เส้นดราม่า กระแสแรง ถามแรง ตอบแรง นุ้ยอยากให้มาเจอเรื่องดีๆ ในตอนเช้าๆ มันจะเป็นดราม่าก็ได้ แต่ต้องเป็นไปด้วยความอบอุ่น อมยิ้มให้คนที่ดูแล้วยิ้มได้ทั้งวัน บางทีข่าวสารบ้านเมืองก็เยอะมากแล้วดูแล้วเหนื่อยล้า แต่อยากให้มีรายการหนึ่งที่เปิดมาแล้ว แบบว่าเอาน่า พลังใจมันไม่ได้แย่ไปหมดทุกอย่างหรอกในชีวิต ให้ดูแล้วรู้สึกว่าเขาดีได้ เราก็ต้องดีได้ อะไรแบบนี้ค่ะ''