xs
xsm
sm
md
lg

"หลุยส์" ยังข้องใจ อยากเจอคู่กรณีขับรถหรูปาดหน้าตัวๆ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“หลุยส์” เผยนาทีถูกรถหรูปาดหน้า ยอมรับโกรธและอึ้ง แต่ไม่กลัวมีเรื่อง เพราะไม่ได้คิดจะปะทะ ห่วง "นุ่น รมิดา" มากกว่า รับเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ โชคดีที่ตนเคยแข่งรถมาก่อนเลยรู้จังหวะ ถ้ามีโอกาสอยากเคลียร์อีกฝ่ายตัวๆ เตือนคนใช้รถใช้ถนนคุมสติให้มากกว่านี้



เป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์เมื่อนักแสดงหนุ่ม "หลุยส์ สก๊อต" ลงคลิปวิดีโอในอินสตาแกรมเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนใช้รถใช้ถนนที่ตนได้ประสบมา หลังจากมีรถหรูขับปาดหน้ารถ ที่ดูแล้วเหมือนจงใจแกล้งด้วยการขับสลับเลนส์ไปมา ขับเข้าเลนส์ริมขวาแล้วเบรกกะทันหันทั้งๆ ที่ข้างหน้าไม่มีรถ หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่หลายคนก็มีอาการเดือดแทน แนะให้ไปแจ้งความ พร้อมชื่นชมหนุ่มหลุยส์ที่คุมสติได้เป็นอย่างดี เมื่อมีโอกาสเจอหนุ่มหลุยส์ที่งานงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต RAPTOR EVOLUTION 25 ปี ไม่มีเกรงใจ เจ้าตัวได้เล่าถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า

"ความจริงแล้วที่โพสต์ไป คือโดนไปวันก่อนที่จะโพสต์ เราโดนไปแล้ว ตอนนั้นกำลังเดินทางไปอาร์เอส ไปซ้อมคอนเสิร์ต ก็ลังเลว่าจะโพสต์ดีไหม ตอนแรกไม่ได้อยากที่จะโพสต์แต่ว่ายังไงมันก็ต้องโพสต์ มันเหมือนได้เตือนคนอื่นๆ ที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ละแวกนั้นด้วย ทุกอย่างเป็นไปตามคลิปเลย ความจริงมันเกิดก่อนหน้าที่เราจะอัดคลิปด้วย เราก็ตกใจอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงมาโดนแบบนี้ เลยตัดสินใจหยิบมือถือมาถ่ายเผื่อเขาจะกลับมา สุดท้ายเขาก็กลับมาจริงๆ"

"เราเองก็งงว่าเราไปโดนอะไรตอนไหน ทางตำรวจตอนที่เขาเรียกตัวผมไปถามข้อมูลเพิ่มเติม เขาก็เช็กแล้วบอกว่าฝากเช็กด้วยเขาจะได้คอนเฟิร์มว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ไม่มีไปปาดเขาเลย ผมก็เข้าใจว่าบางคนเขาก็มีคำถามนี้ขึ้นมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง ผมบอกว่าไม่ได้ทำอะไรมันก็เหมือนว่าผมแก้ตัว ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวให้ตำรวจเขาเช็กเอง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปเลยเพราะเราเองก็บริสุทธิ์ใจ ผมเป็นคนบอกเขาเองด้วยว่าให้เช็กเพราะผมรู้ว่าหน้าด่านมันมี"

ลั่นได้เช็กรถตนแล้วไม่มีความเสียหายอะไร ตำรวจเจอคู่กรณีแล้ว นัดเจอแต่เข้าไปไม่ได้
"ไม่มีครับ ความจริงที่เขามาแจ้ง เห็นเขาบอกว่าจะมีการพูดคุย เขาก็ถามว่าผมอยากที่จะเข้าไปเจอไหม ผมก็บอกโอเค นัดเวลากัน แต่เป็นช่วงเวลาที่ผมไปไม่ได้ เลยบอกให้เลื่อนวันได้ไหม ตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้พูดคุยกันไปแล้ววันนี้หรือเลื่อนเป็นวันอื่น ผมต้องอัปเดตกับเขาอีกทีนึง ถ้าได้เจอกันก็ดี"

เผยระยะเวลาที่เกิดเหตุบนทางด่วน นานราว 14 นาที ตอนนั้นตนรู้สึกงงว่ามันเกิดอะไร
"เกือบๆ 13-14 นาที จากหน้าด้าน แล้วเราขับช้ามาก เพราะว่าเราต้องการจะให้เขาไปก่อน เราก็หลีกทาง หลบให้แล้ว เขาก็ช้าลงแล้วมันก็มีการจอดก่อนที่จะเข้าปั๊ม เขาก็จะเข้าด้วย ผมเลยออกมาใหม่ ออกมาถ่ายอีกรอบนึงมันก็เลยยาว ในตอนนั้นมันงงมากกว่าว่าคืออะไร เราเองไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมา ถึงทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีหรือว่าโมโห แต่ผมไม่ได้ทำเขา เพราะฉะนั้นเลยอยากจะเตือนสตินิดนึงถึงแม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียอะไรแต่มันก็ไม่ควรจะไปลงอารมณ์กับคนอื่นที่เขาไม่รู้อะไรด้วยเลย"

ลั่นตอนนั้นไม่กลัวมีเรื่อง เพราะตนไม่คิดจะปะทะด้วยอยู่แล้ว แต่พอกลับมาดูคลิปย้อนหลังก็ยอมรับว่ามีอารมณ์โกรธเหมือนกัน
"ไม่ครับ แต่นุ่น (รมิดา ประภาสโนบล) เขากลัวมาก เราเป็นผู้ชายด้วยแล้วเราก็รู้ว่าพฤติกรรมมันไม่น่าจะรุนแรงไปเกินขนาดนั้น เพราะถ้าจะรุนแรงเขาน่าจะจอดกลางทางด่วนแล้วลงรถมา ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ถอย (หลายคนชมว่าเรามีสติมาก?) ผมมีเกียร์ถอยหลังผมก็ถอยหลัง(หัวเราะ) ถ้าเราไม่ได้ไปปะทะเขามันไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก แต่ถ้าอารมณ์เราไปขึ้นตามเขา มันจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง"

"ถ้าคุณถอยเรื่องจะไม่เกิด แต่อย่าให้จนมุมนะ เราก็ควบคุมสติอยู่ ด้วยความงงมากกว่า คือเรางงตัวเอง ยังไม่ถึงจุดโกรธ แต่พอกลับมาดูอีกทีก็รู้สึกโกรธนะ แต่ว่าตอนนั้นมันตกใจและงง เอ๊ะมันตอนไหนยังไง ก็ปรึกษากันนุ่นว่ามันตอนไหนยังไง นุ่นเขาก็ไม่รู้เพราะเขาแต่งหน้าอยู่ พูดง่ายๆ ถ้าเราเป็นคนที่ขับรถเร็วปาดไปปาดมา เขาจะแต่งหน้าไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ขับปกติของเรา นุ่นเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าผมขับกระชากรถ ผมเองก็ไม่รู้จริงๆ"

รับในช่วงจังหวะตอนนั้นเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ดีที่ตนเคยแข่งรถมาก่อนเลยรู้จังหวะ
"มันมีอยู่แล้วแต่เราก็เท้าไวเหมือนกัน เราก็พร้อม เราก็ดูอาการอยู่เพราะเราเคยขับรถแข่งมาก่อน เรารู้อาการว่าเขาพร้อมใกล้ที่จะเหยียบเบรกอีกรอบนึงแล้ว ผมก็ยกเท้าจากคันเร่งมาไว้รอเบรก ไฟขึ้นปุ๊บแตะผมก็แตะพร้อมเขา เรารู้ตัวตลอด ก็หลีกเลี่ยงการปะทะกับเขาอย่างเดียว"

"ถามว่าจะเคลียร์กันลงตัวไหม คือผมก็บอกว่าในสิ่งที่ผมต้องการมันโอเคแล้วคืออยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือน การที่ผมจะไปเอาเรื่องคุณหรือเปล่าผมก็ไม่ได้แจ้งความ ถ้าผมจะเอาเรื่องผมก็แจ้งความตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่อันนี้ผมไม่ได้ทำ ผมว่ามันไม่จำเป็น เขาก็น่าจะมีบทเรียนแล้วว่าไม่ควรจะขับรถแบบนี้ เคลียร์กันมันก็คือจบแต่มันก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาจะดำเนินคดีต่อยังไง ถ้าเขาเจรจากันไม่ได้ ก็ต้องเป็นเรื่อง แต่ตัวผมไม่ได้ติดใจอะไร"

บอกหากมีโอกาสอยากนั่งคุยกับคู่กรณีด้วยตนเอง ส่วนคนที่ใช้รถใช้ถนน ขอให้มีสมาธิในการขับรถกันเยอะๆ
"ถ้าได้เจอและนั่งคุยผมอยากคุยกับเขามากกว่า ไม่อยากจะคุยผ่านสื่อเพราะมันจะเป็นการขยายผลส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทางเขาอาจจะเสียเปรียบ ถ้าได้พูดคุยกันก็คงดี ส่วนคนที่ใช้รถใช้ถนนผมเชื่ออย่างนึงว่าเราต้องมีสมาธิในการขับรถเยอะๆ บางครั้งเวลาเราอยู่บนถนนเราก็จะเจอคนทำนั่นทำนี่ เช่น เล่นมือถือ กินข้าว แต่งหน้า ก็เข้าใจนะว่ารถติดแล้วมันหิว แต่ว่าเราก็ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ถนนมากขึ้นกว่านี้หน่อย"



กำลังโหลดความคิดเห็น