Apple จับมือกับสตูดิโอ A24 เตรียมวางแผนสร้างหนังเน้นคุณภาพ และคาดหวังว่าจะผลงานที่ผลิตออกมา น่าจะไปไกลถึงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ในอนาคตอันใกล้
A24 คือสตูดิโอผลิตภาพยนตร์อิสระที่กำลังมาแรง และมีผลงานโดดเด่นอย่าง Lady Bird และ Moonlight ที่กวาดรางวัลสำคัญ ๆ บนเวทีประกวดใหญ่ ๆ มาแล้วมากมาย ซึ่ง Apple ก็หวังว่า A24 น่าจะช่วยพัฒนา และเติมเต็มคอนเทนต์ของ Apple TV+ ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
ถึงตอนนี้อุตสาหกรรมบันเทิงได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการเผยแพร่ผลงานผ่านระดับสตรีมมิงอย่างเต็มตัว โดยตอนนี้มี Netflix เป็นเจ้าตลาด ขณะที่ Disney+ ก็กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วน Amazon ก็กำลังเร่งผลิตคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าเช่นเดียวกัน โดย Amazon กำลังทุ่มเงินมหาศาล เพื่อสร้างซีรีส์จากนิยายชุด The Lord of the Rings ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าน่าจะยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกับ Game of Throne
ฝ่าย Apple ก็มีแผนที่จะเปิดบริการสตรีมมิง Apple TV+ ภายในปีนี้เช่นเดียวกัน โดย Apple ได้ดึงดารา และคนทำหนังมากมายมาร่วมผลิตเนื้อหา อาทิ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่มีแผนจะสร้างซีรีส์แนวระทึกขวัญที่ว่ากันว่าจะดูได้เฉพาะตอนมืดเท่านั้น นอกจากนั้นก็ยังจะมีผลงานของ รีส วิทเธอร์สปูน, เจ.เจ. อับรามส์ และ โอปราห์ วินฟรีย์ ด้วย แต่แน่นอนว่า Apple TV+ ซึ่งเปิดให้บริการช้ากว่าหลาย ๆ เจ้า น่าจะมีคอนเทนต์ที่น้อยกว่าคู่แข่งพอสมควร ทาง Apple จึงพยายามที่จะวางตำแหน่งให้ Apple TV+ มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งให้ได้
โดย Bloomberg บอกว่า Apple ได้วางแผนที่จะให้ Apple TV+ เป็นสตรีมมิงที่เน้นคุณภาพ และไม่ขายเพียงความหวือหวาเป็นหลัก Apple แสดงออกว่าพยายามที่จะไม่ขาย "ความอื้อฉาว" อย่างที่มีข่าวว่า Apple ได้ระงับการสร้างซีรีส์ของ ดร.เดร เพราะซีรีส์เรื่องดังกล่าวมีเนื้อหาที่่ค่อนข้างล่อแหลม เกี่ยวข้องกับทั้งเรื่องยาเสพติด, ความรุนแรง และเรื่องทางเพศ
ซึ่ง Apple กำลังพยายามที่จะสร้างความฮือฮาให้กับวงการ ด้วยการเป็นสตรีมมิงที่ส่งหนังคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้เป็นครั้งแรก หลัง Netflix เฉียดที่จะทำได้มาแล้วกับผลงานเรื่อง Roma โดย Apple TV+ จะเน้นสร้างโปรเจ็คที่ใช้ทุนระหว่าง 5 - 30 ล้านเหรียญฯ ให้กับผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องในด้านฝีมือ อาทิ หนังของ โซเฟีย คอปโปลา ที่จะมี บิล เมอร์เรย์ และ ราชิดา โจนส์ มาร่วมแสดงด้วย
โดย New York Post เชื่อว่า Apple TV+ กำลังคิดการใหญ่ ในการผลิตภาพยนตร์ระดับคุณภาพออกมาให้ได้ปีละประมาณ 6 เรื่อง และ Apple ก็เชื่อว่าพวกเขาน่าจะมีโอกาสคว้ารางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์ก่อนหน้า Netflix ได้อยู่เหมือนกัน
ณ ปัจจุบัน Netflix ยังคงเป็นเจ้าตลาดสตรีมมิง แต่ในปลายปีนี้ยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix จะต้องเจอการท้าทายจาก Disney+ จะมีซีรีส์และหนังจากแฟลนไชน์ Marvel และ Star Wars เป็นหัวหอก ส่วน Apple TV+ ก็จะขอสู้ด้วยหนังชิงรางวัล
